ความรู้โรคพาร์กินสันเพื่อประชาชน รศ.พญ.ศิวาพร จันทร์กระจ่าง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          ทุกวันที่ 11 เมษายนของทุกปี เป็นวันพาร์กินสันโลก และเป็นวันคล้ายวันเกิดของนายแพทย์เจมส์ พาร์กินสัน และมีการใช้ดอกทิวลิปสีแดงเป็นสัญลักษณ์ด้วย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยจึงขอหยิบยกเรื่องของโรคพาร์กินสันที่มีหลากหลายสาระนำมาเบือกแบ่งปันกัน หลังจากที่คนทั่วไปมักที่จะมีข้อสงสัยกันว่า เมื่อกล่าวถึงโรคพาร์กินสัน (Parkinson's Disease หรือ โรคสั่นสันนิบาต) คงมีประชาชนคนไทยหลายคนที่เคยได้ยินมาก่อน แต่คาดว่ามีน้อยคนนักที่จะรู้จักโรคนี้อย่างละเอียด หากพูดถึงความสำคัญแล้วนั้น โรคนี้ถือเป็นโรคหนึ่งที่มีความสำคัญ เนื่องจากพบในประชากรทั่วโลกที่อายุมากกว่า 65 ปีได้ถึงร้อยละ 2-3 (แต่ก็สามารถพบโรคนี้ในคนที่อายุน้อยกว่า 65 ปีได้เช่นกัน) และอาการของตัวโรคส่งผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยรวมถึงผู้ดูแลผู้ป่วยด้วย 
          สำหรับสาเหตุของโรคพาร์กินสันนั้น เกิดจากความเสื่อมของสมองอย่างช้าๆโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ทำให้สารสื่อประสาทโดปามีน (Dopamine) ในสมองลดลง จากนั้นก่อให้เกิดอาการของโรคตามมา กลุ่มที่เสี่ยงสำหรับโรคนี้ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้มีประวัติครอบครัวของโรคพาร์กินสัน และการมีประวัติการใช้สารฆ่าแมลง แม้ว่าตัวโรคพาร์กินสันจะไม่มีสาเหตุแน่ชัด แต่มีอีกหนึ่งกลุ่มโรคซึ่งมีอาการคล้ายคลึงกันแต่มีสาเหตุแน่ชัด ซึ่งสาเหตุบางอย่างสามารถรักษาให้หายขาดได้ เรียกว่า กลุ่มโรคพาร์กินสันเทียม สาเหตุที่พบได้บ่อยในกลุ่มโรคนี้ ได้แก่ ยาบางชนิด(โดยเฉพาะยารักษาโรคจิต) ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำและโรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ 
          ในส่วนของอาการของโรคพาร์กินสัน แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มอาการหลัก คืออาการทางการเคลื่อนไหวและอาการระบบอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหว อาการทางการเคลื่อนไหวที่บุคคลทั่วไปพอทราบกันนั้นคืออาการสั่น แต่นอกจากอาการสั่นแล้วก็ยังมีอาการอื่นอีก ได้แก่ เคลื่อนไหวช้า ร่างกายแข็งเกร็ง หลังค่อม เดินลำบากและล้มง่าย ส่วนอาการระบบอื่นๆที่ไม่ได้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวก็ถือว่าพบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคนี้เช่นกัน เช่น ท้องผูก จมูกไม่ได้กลิ่น นอนละเมอ ซึมเศร้า หลงลืมหรืออาจถึงขั้นสมองเสื่อมได้หากเป็นโรคนี้มาเป็นเวลานาน ซึ่งอาการด้านนี้ก็ถือว่าเป็นอาการสำคัญที่ควรรู้ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วยได้มาก
          สำหรับการรักษาโรคพาร์กินสันนั้น ในปัจจุบันเน้นรักษาตามอาการเป็นหลัก การรักษาถูกแบ่งออกเป็นการรักษาโดยใช้ยาและการรักษาโดยไม่ใช้ยา ในส่วนของการรักษาโดยใช้ยา จะเป็นการให้ยา กลุ่มที่เพิ่มสารสื่อประสาทโดปามีนในสมอง เช่น ยาเลโวโดปา (Levodopa) ยาเสริมโดปามีน (Dopamine agonists) หรือยาที่ทำให้โดปามีนอยู่ในร่างกายได้นานขึ้น ในส่วนของการรักษาโดยไม่ใช้ยา แบ่งออกเป็นการผ่าตัดซึ่งมักจะทำเฉพาะในรายที่มีอาการมาก และการรักษาทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู เช่น การทำกายภาพบำบัด (Physiotherapy) หรือการทำอรรถบำบัด (Speech therapy) นอกจากการรักษาดังวิธีที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น การออกกำลังกายบางประเภท เช่น รำไทเก๊ก เต้นแทงโก้ เดินบนลู่วิ่ง และปั่นจักรยาน ก็ทำให้ความสามารถด้านของการเคลื่อนไหว การทรงตัวและการเดินของผู้ป่วยดีขึ้นได้
          ปัจจุบันผู้ป่วยโรคนี้สามารถเข้าถึงการรักษาได้ดีขึ้น โดยโรงพยาบาลที่มีการให้การรักษาโรคนี้ก็มีตั้งแต่ โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย ซึ่งหากมีผู้ใดที่สงสัยว่าตนป่วยเป็นโรคนี้ก็สามารถเข้ารับการตรวจวินิจฉัยที่โรงพยาบาลใกล้บ้านได้ หากอาการไม่ชัดเจนหรือยังไม่สามารถสรุปวินิจฉัยได้แน่ชัด ผู้ป่วยจะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงขึ้นหรือมีแพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เพื่อดูแลรักษาต่อ
          โดยสรุปแล้วในปัจจุบันโรคพาร์กินสันถือเป็นโรคที่สำคัญและพบได้มากขึ้นเรื่อย ๆ อาการของตัวโรคนั้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันและส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก ดังนั้นการตระหนักรู้ถึงตัวโรคและการรักษาถือเป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยโรคนี้สามารถดูแลตนเองเบื้องต้นและสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข
ความรู้โรคพาร์กินสันเพื่อประชาชน รศ.พญ.ศิวาพร จันทร์กระจ่าง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
 
ความรู้โรคพาร์กินสันเพื่อประชาชน รศ.พญ.ศิวาพร จันทร์กระจ่าง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
ความรู้โรคพาร์กินสันเพื่อประชาชน รศ.พญ.ศิวาพร จันทร์กระจ่าง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
 

ข่าวราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย+ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์วันนี้

บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) รับรางวัล Healthy Organization Award

นายเฉลิมพล สมาคม (ที่4 ทางซ้าย) ผู้จัดการทั่วไปสายงานสนับสนุนการผลิต บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยเคมีรายใหญ่ในประเทศไทย ภายใต้ตราสินค้าหัววัว-คันไถ เป็นตัวแทนจากโรงงานนครหลวง รับรางวัล Healthy Organization Award ประเภท "กระบวนการดำเนินงานระดับดี" จากราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เครือข่ายคนไทยไร้พุง ในการส่งผลการดำเนินงานขององค์กรที่เข้ารับการอบรมหลักสูตรผู้นำสุขภาพในสถานที่ทำงาน โดยได้รับเกียรติจาก นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ (ที่ 3 ทางขวา)

สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับภาคี... สมาคมโรคเบาหวานฯ จัดงานมหกรรมสุขภาพ วันเบาหวานโลก 2566 ชูแคมเปญ "รู้ว่าเสี่ยง รู้แล้วต้องเปลี่ยน" — สมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับภาคีเครือข่ายคนไท...

ว่าที่ร้อยตรีจิรชัย สาฤาษี ผู้จัดการทั่วไ... บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี รับรางวัล Healthy Organization Award ประจำปี — ว่าที่ร้อยตรีจิรชัย สาฤาษี ผู้จัดการทั่วไปสายงานสนับสนุนการผลิต บริษัท ไทยเซ็นทรัลเคมี ...

โรงพยาบาลลานนา รับการตรวจรับรองมาตรฐานห้อ... โรงพยาบาลลานนา รับการตรวจรับรองมาตรฐานห้องไต — โรงพยาบาลลานนา รับการตรวจรับรองมาตรฐานห้องไต.นพ.ศุภชัย สินไตรรัตน์ กรรมการบริหาร โรงพยาบาลลานนา และ พญ...

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยมีความเ... ผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพจากมลพิษฝุ่นจิ๋ว PM2.5 และข้อปฏิบัติตัวที่สำคัญ — ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยมีความเป็นห่วงผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพจากมลพิษ...

เมื่อเร็ว ๆ นี้ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งป... ภาพข่าว: รวมสมอง ร่วมใจ “สู้ภัย COVID-19” — เมื่อเร็ว ๆ นี้ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยร่วมกับสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคม...

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาค... เรียนรู้สู้โควิด — ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยและสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มีความเป็นห่วงผลกระทบต่อชีวิต...

ศ.นพ.สมชาย เอี่ยมอ่อง ประธานราชวิทยาลัยอา... ภาพข่าว: ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ จัดแถลงข่าว ปอดบวมจากอู่ฮั่น: ประเทศไทยจุดไหน “ใช่พอดี” — ศ.นพ.สมชาย เอี่ยมอ่อง ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย (...

ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยร่วมกับ... ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯห่วง ! จากกรุงเทพฯถึงเชียงใหม่ค้นหาความจริงฝุ่นพิษมรณะ PM2.5 — ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยร่วมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทยศ...