ท่านสามารถร่วมบริจาคได้ผ่าน SMS โดย พิมพ์ 100 แล้วส่งมาที่ 4712225 เพื่อบริจาค 100 บาท
พายุไซโคลนอิดาอีซึ่งพัดถล่มประเทศมาลาวี โมซัมบิก และซิมบับเวเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ประสบภัยกว่า 3 ล้านคนที่กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ในจำนวนนี้เกินครึ่งเป็นเด็ก โดยยูนิเซฟได้ประกาศระดมทุนจากทั่วโลกจำนวน 122 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและฟื้นฟูชีวิตของเด็กและครอบครัวที่ประสบภัยในช่วง 9 เดือนข้างหน้า
นายโธมัส ดาวิน ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า "พายุไซโคลนอิดาอีครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายมหาศาล และสถานการณ์อาจจะเลวร้ายลงอีกในเร็ว ๆ นี้ ในบางพื้นที่หมู่บ้านจมหายไปทั้งหมู่บ้าน อาคารจำนวนมากพังราบเรียบ ขณะที่โรงเรียนและโรงพยาบาลต่างได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ เราต้องเร่งให้ช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด ตั้งแต่การป้องกันโรคระบาด การจัดส่งน้ำสะอาดและเครื่องใช้เพื่อสุขอนามัย การจัดให้พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ตลอดจนการปกป้องคุ้มครองเด็กจากอันตรายและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นหลังภัยพิบัติ"
ยูนิเซฟรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อการเกิดโรคระบาดที่มากับน้ำ เนื่องจากการขาดแคลนน้ำสะอาด การขาดสุขอนามัยที่ดี ความแออัดในศูนย์อพยพ อีกทั้งร่างผู้เสียชีวิตที่กำลังเน่าเปื่อยและอาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค สภาพแวดล้อมเหล่านี้ก่อให้เกิดโรคระบาดโดยง่าย เช่น โรคท้องร่วง มาลาเรีย และอหิวาตกโรค โดยเฉพาะในเด็กซึ่งมีความเสี่ยงและเปราะบางกว่าผู้ใหญ่
ขณะนี้ประเทศโมซัมบิกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของอหิวาตกโรค โดยมีจำนวนผู้ป่วยพุ่งสูงกว่า 1,000 ราย และมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วหนึ่งรายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้โมซัมบิกเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยประชากรกว่า 1.85 ล้านคน รวมถึงเด็ก 1 ล้านคนกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นายดาวินกล่าวต่อไปว่า "นี่เป็นเรื่องของความเป็นความตายที่เราต้องร่วมมือกันก่อนที่ภัยพิบัตินี้จะกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคนไทยเป็นผู้มีน้ำใจที่พร้อมจะยื่นมือให้ความช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่กำลังตกอยู่สถานการณ์ยากลำบากไม่ว่าเด็กเหล่านั้นจะอยู่ที่ใด การสนับสนุนจากคนไทยในเวลาวิกฤตเช่นนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยป้องกันไม่ให้มีใครต้องเสียชีวิตลงอีก และยังจะช่วยให้เด็ก ๆ ได้กลับมามีชีวิตที่เป็นปกติได้โดยเร็วที่สุด"
ขณะนี้ยูนิเซฟกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เด็กและครอบครัวในทั้งสามประเทศอย่างเร่งด่วน โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ยูนิเซฟและองค์การอนามัยโลกได้จัดส่งวัคซีนป้องกันอหิวาตกโรคเกือบ 900,000 โดสไปยังประเทศโมซัมบิก พร้อมจัดการรณรงค์ฉีดวัคซีนที่กำลังจะเริ่มขึ้นโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ ยูนิเซฟกำลังทำงานกับพันธมิตรเพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัยได้เข้าถึงน้ำสะอาด สุขอนามัยที่ดี และการรักษาพยาบาล ตลอดจนเร่งดำเนินการป้องกันการขาดสารอาหารในเด็ก ระบุตัวเด็กที่ต้องพลัดพรากจากครอบครัว และช่วยให้เด็ก ๆ ได้กลับเข้าเรียนอย่างเร็วที่สุด
ช่องทางบริจาค
SMS: พิมพ์ 100 และส่งมาที่เบอร์ 4712225 (100 บาทต่อ 1 ข้อความ)
ออนไลน์: https://help.unicef.org/thailand/help-cyclone-idai?language=th
โอนผ่านบัญชีธนาคาร: ธนาคารกรุงเทพ หมายเลขบัญชี 201-3-01324-4
กรุณาส่งข้อมูลติดต่อ (ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์) พร้อมใบสลิปมาที่ยูนิเซฟ โดยระบุ "ไซโคลนอิดาอี" เพื่อออกใบ เสร็จนำไปลดหย่อนภาษี มาที่ [email protected] หรือแฟ็กซ์ 02 356 9229
สธ. ดันโครงการ "เด็กฉลาดสร้างได้ตั้งแต่แรกเกิด" ชี้ธาตุเหล็กช่วยพัฒนาสมองลูกน้อย เสริมพัฒนาการให้สมวัย
มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี จัดงาน "สัปดาห์นมแม่โลก" สนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพื่อสร้างจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดให้แก่เด็กทุกคน
ยูนิเซฟและสภาพัฒน์ชี้แนวโน้มน่ากังวลด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทย
สมองเด็กพัฒนา 2 เท่าใน 3 ปีแรก! สธ.-องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย-บริษัท มหาหมอ จำกัด "ผนึกกำลัง" เพิ่มตัวช่วยพ่อแม่ยุคใหม่ด้วย "9 ย่างเพื่อสร้างลูก"
สคส. จับมือภาคีเครือข่ายกว่า 50 องค์กร เดินหน้าปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลในงาน Safer Internet Day Thailand 2025
ยูนิเซฟ ประเทศไทย เปิดบ้านต้อนรับเด็กและเยาวชน ส่งต่อแรงบันดาลใจ เพื่อสร้าง "วันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ที่ดีกว่า"
รายงานใหม่โดยยูนิเซฟและทีดีอาร์ไอ พบว่า เด็กยากจนร้อยละ 34 ไม่ได้รับเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
เพราะการอ่านคือสะพานสู่การเรียนรู้… ท็อปส์ ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ผนึกยูนิเซฟ เดินหน้ายกระดับการอ่านของเยาวชนไทย สานต่อความสำเร็จโครงการ "เด็กทุกคนอ่านได้ Every Child Can Read"