ส่วนระยะสั้นรอปัจจัยหนุนเพิ่ม หลังผลเลือกตั้งที่ชัดเจน
บลจ.กสิกรไทย เผยตลาดหุ้นไทยหลังเลือกตั้งเคลื่อนไหวในกรอบแคบ เงินลงทุนยังไม่ไหลกลับเข้าไทยในระยะสั้น จับตาปัจจัยภายนอกที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มากกว่า ส่วนในระยะยาวยังเติบโตดีจากการบริโภค การลงทุนภายในประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยว โดยยังคงเป้าหมาย SET Index ปลายปีที่ 1750 จุด
นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต Chief Investment Officer (รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ.กสิกรไทย) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้ง น่าจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ (sideways) จนกว่าจะทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 9 พ.ค. 62 อีกทั้งการจัดตั้งรัฐบาลจะยังไม่ได้ข้อสรุปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน ทำให้ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล ซึ่งหากเป็นรัฐบาลชุดเดิมก็จะมีความต่อเนื่องในการสานต่อนโยบายเดิมโดยเฉพาะโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ และ EEC ซึ่งจะทำให้ตลาดตอบรับในเชิงบวกได้ แต่ถ้าในทางตรงกันข้าม ตลาดน่าจะผันผวนในระยะสั้น เนื่องจากความกังวลในความต่อเนื่องของนโยบายหรือมีความล่าช้าในการดำเนินการ โดยเฉพาะนโยบายที่ได้ริเริ่มโดยรัฐบาลปัจจุบัน ทำให้ปัจจัยหนุนต่อตลาดหุ้นไทยยังมีความไม่ชัดเจนมากนัก และคาดว่าเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติยังคงไม่ไหลกลับเข้ามาในระยะสั้น ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในระยะนี้น่าจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก อาทิเช่น ความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน การเจรจาเรื่อง Brexit ก่อนกำหนดเส้นตาย และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกรวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน
"บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะยาว โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตได้จากการขับเคลื่อนของการบริโภค การลงทุนภายในประเทศ และการท่องเที่ยว ผลประกอบการปกติของบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ คาดว่าจะยังขยายตัวได้ในอัตรา 5-6% แต่หากดูตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาด (concensus) จะเห็นว่ามีอัตราการเติบโต 13% เนื่องจากไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา กลุ่มพลังงานมีตัวเลขขาดทุนที่เกิด stock loss จำนวนมากจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงมาต่ำมากในช่วงปลายปี รวมถึงรายการพิเศษอื่นทำให้ฐานกำไรในปีที่ผ่านมาต่ำกว่าปกติ" นางสาวธิดาศิริกล่าว
ด้วยระดับดัชนีที่ปรับลดลงมาใกล้เคียงค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี รวมทั้งอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของตลาดโดยรวมที่ระดับ 3.4% จึงประเมินว่าในระยะสั้น SET Index จะปรับตัวผันผวนอยู่ในช่วง 1600-1680 จุด และยังคงเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2562 ไว้ที่ระดับ 1750 จุด ด้วย Forward PE ที่ 15.7 เท่า
นางสาวธิดาศิริกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกองทุนที่บลจ.กสิกรไทยแนะนำ ได้แก่ กองทุนเปิดเค หุ้นระยะยาวปันผล (KDLTF) ที่เน้นลงทุนในหุ้นใหญ่ มีปัจจัยพื้นฐานดี กระจายการลงทุนในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อสร้างโอกาสการทำกำไรในทุกสภาวะตลาด โดยมุ่งหวังให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด กองทุนกองทุนเปิดเค เซ็ท 50 (K-SET50) ซึ่งเป็นกองทุนประเภท Passive ที่เน้นลงทุนให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี SET50 ด้วยมูลค่าลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 บาท ผ่านช่องทางดิจิตอลอย่าง K-My Funds และ K-Cyber Invest และกองทุนเปิดเค สตาร์ หุ้นทุน-A ชนิดรับซื้อคืนอัตโนมัติ (K-STAR-A(R)) ที่เน้นลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพเติบโตในระยะยาว มีการบริหารจัดการกองทุนที่โดดเด่นติดอันดับกองทุน 5 ดาว จาก Morningstar (ที่มา Morningstar ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.พ. 62)
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจกองทุน KDLTF, K-SET50 และ K-STAR-A(R) สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 0 2673 3888
KTAM เอาใจสายลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี เปิด"KT-PRECIOUS RMF IPO 18-24 ธ.ค.นี้ เสริมพอร์ตด้วยสินทรัพย์ Real Value
บลจ.ทิสโก้เพิ่มทุน "TWORLD" เป็น 8,000 ล้านบาท รับความต้องการลูกค้า - ใช้เป็นกองทุนหลักของพอร์ต ลงทุนหุ้นโลก
บลจ.จิตตะ เวลธ์ คว้ารางวัลจาก ก.ล.ต. ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ย้ำภารกิจสร้างความมั่งคั่งให้คนไทยด้วยความรู้และเทคโนโลยี
KTAM เตรียมจ่ายปันผลและลดทุน กลุ่มกองทุนอสังหาฯ-อินฟราฯ Q3 ปี 68 กว่า 1.1 พันล้านบาท ในวันที่ 15 ธ.ค. และ 25 ธ.ค. นี้
KTAM มองโอกาสจากตราสารหนี้ทั่วโลก เสนอขาย "KTWC-INCOME RMF" IPO 11-17 ธ.ค.นี้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
บลจ.ทิสโก้ ปลื้ม ! กองทุน TGSMART กระแสตอบรับดี ประกาศเพิ่มทุนเป็น 4,000 ล้านบาท
บลจ.ทิสโก้ ตัวจริงเรื่องทริกเกอร์ฟันด์ บริหาร กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ทริกเกอร์ 5M#1 ถึงเป้าหมายใน 25 วัน
ธปท.แต่งตั้ง บลจ.ทิสโก้ ร่วมบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
BBLAM เสนอขาย IPO 'กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 10/25' วันที่ 3-8 ธ.ค. 2568