1.โพลล์เป็นหลักคิดและเป็นวิธีการวิจัยที่พยายามเข้าถึงความจริง(truth)ของผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในการเลือกตั้ง แต่วิธีการวิจัยของโพลล์มีลักษณะเป็นสถิตย์(static)ส่วนความเป็นจริงในสังคมมีความเป็นพลวัตร (dynamism)ดังนั้นผลลัพธ์ของโพลล์จึงอยู่ข้างหลังความเป็นจริงตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ผลโพลล์กับความเป็นจริงจะเหมือนกันหรือตรงกัน สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือผลใกล้เคียงกัน
2.การทำวิจัยโพลล์แตกต่างจากการทำวิจัยเรื่องอื่นๆคือ ความจริงของคะแนนนิยมของคนเปลี่ยนแปลงทุกวัน ทุกสัปดาห์และทุกเดือน การทำโพลล์เหมือนการวิ่งไล่จับเงาตัวเอง ซึ่งไม่มีโอกาสไล่จับความจริงได้ทัน
3.สาเหตุที่โพลล์ไม่สามารถไล่ตามความจริงได้ทันมาจากหลายสาเหตุ ที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงคะแนนนิยมในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายก่อนเลือกตั้งที่มาจากการนำเสนอนโยบายใหม่ๆของแต่ละพรรค ยิ่งกว่านั้นในช่วง 1-3 อาทิตย์สุดท้ายจะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงคะแนนนิยมมากที่สุดจากท่าทีทางการเมืองและวาทกรรมของผู้นำพรรค
4.การทำโพลล์อาจจะแม่นยำขึ้น หากมีการทำโพลล์เป็นระยะยาวพอ ทำให้มองเห็นแนวโน้มของคะแนนนิยมของผู้สมัครในแต่ละเขตได้ นอกจากนี้การเก็บตัวอย่างที่ระดับความเชื่อมั่น 93-95 เปอร์เซ็นต์น่าจะมีเหตุผลพอให้ยอมรับผลลัพธ์ได้ อย่างไรก็ได้ความผิดพลาดจากผู้เก็บข้อมูลในภาคสนามอาจทำให้ความเชื่อมั่นลดลงไปอีก ผมคิดว่าการประเมินเชิงคุณภาพโดยอาศัยการรับฟังจาก resource person เป็นอีกทางหนึ่งที่ช่วยลดอคติของนักวิจัยที่มีต่อวิธีการวิจัยที่ถูกเรียกว่า (so-called) วิธีที่เป็นวิทยาศาสตร์
5.ผลลัพธ์ของแต่ละโพลล์อาจเป็นชุดความรู้(knowledge) ใหม่ หรือเป็นแค่วาทกรรม (discourse) หรือเป็นการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง (political propaganda)ก็ได้ ชุดของความรู้เหล่านี้ต่างต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงพื้นที่สาธารณะในสังคม(public space)โดยมีทั้งโพลล์ที่หวังจะให้สาธารณชนได้ขบคิด ตรึกตรองด้วยเหตุด้วยผล และใช้ปัญญาในการตัดสินใจด้วยตนเอง หรืออาจต้องการครอบครอง ครอบงำและชี้นำให้คนคล้อยตาม
6.เพราะเหตุว่าโพลล์เป็นเพียงชุดความรู้ วาทกรรมหรือการโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง ยังไม่ใช่ความจริง(truth) ดังนั้นการตัดสินใจทางการเมืองในการเลือกตั้งควรยึดหลักการที่ทำให้บ้านเมืองสงบพอประมาณ คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจและสังคมหลังการเลือกตั้ง ปัญหาใหญ่ๆของประเทศได้รับความสนใจและจะได้รับการแก้ไขจากรัฐบาล
7.จากการวิจัยผมพบถึงความไม่แน่นอนของผลลัพธ์จากการเลือกตั้ง มีเขตเลือกตั้งประมาณ 250 เขตทั่วประเทศที่ไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในเขตเลือกตั้ง ความไม่แน่นอนนี้อาจทำให้ความจริงในวันที่ 24 มีนาคมแตกต่างจากผลลัพธ์ของทุกโพลล์ได้ภาคที่ผมพอจะคาดคะเนผลการเลือกตั้งได้บ้างแล้วในขณะนี้คือ กรุงเทพและภาคใต้ปชป.มีโอกาสครองเสียงข้างมาก ภาคอีสานพท.น่าจะได้เสียงส่วนใหญ่ไป ภาคกลางและตะวันออกเป็นของพปชร. ส่วนภาคเหนือพปชร. กับพท.น่าจะได้เสียงใกล้เคียงกัน
8.สิ่งที่สาธารณชนจะช่วยทำให้พื้นที่สาธารณะ(public space)ของไทยได้มีเหตุมีผลมากขึ้นในอนาคต คือการตรวจสอบผลลัพธ์ของทุกโพลล์และตัวบุคคลตลอดจนสถาบันต้องให้ชี้แจงว่าเพราะเหตุใดผลลัพธ์ของโพลล์จึงแตกต่างจากความเป็นจริงที่เปิดเผยตัวออกมา ทั้งนี้เพื่อลงโทษทางสังคม(social sanction)ต่อบุคคล องค์กรและสถาบันที่ทำงานโดยขาดความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างเพียงพอให้พ้นไปจากพื้นที่สาธารณะ
เจาะบทวิเคราะห์เทรนด์ "สิทธิบัตรสิ่งทอ" ในรอบ 2 ทศวรรษหนุนไทยพลิกบทบาทจากผู้ผลิตสู่เจ้าของนวัตกรรมเพื่อขยับขึ้นแท่นผู้นำนวัตกรรมสิ่งทอของอาเซียน
'ไทยริกาโน สู่ฮีโร่ ทหารไทย' กาแฟพันธุ์ไทย ร่วมส่งกำลังใจให้เหล่าทหารกล้า
กลุ่มบริษัทบางจาก ย้ำความแข็งแกร่งของแบรนด์ไทย คว้ารางวัล Superbrands ต่อเนื่อง
PTTT ผนึก Centrica เดินหน้ายกระดับศักยภาพการแข่งขันในตลาด LNG ระดับเอเชีย
บีโอไอเผยผลสำเร็จโรดโชว์แดนมังกร ดึงซัพพลายเชนหุ่นยนต์ ดิจิทัล ดันร่วมทุนพลังงานสะอาด
ส่งออกพุ่งแต่โรงงานไทยเงียบ KKP Research ชี้ปมสินค้าสวมรอยส่งผ่านไทย ส่งออกโตดีแต่ภาคการผลิตกลับไม่ฟื้น
La Clef Bangkok ชูบริการแบบ Personalized ตอบรับความต้องการเฉพาะบุคคลของนักเดินทางยุคใหม่
Bravo Go Run! งานวิ่งกลางห้างสุดสร้างสรรค์ เติมสีสันด้วยธีมเทศกาลปลายปี เพื่อประชาสัมพันธ์ลู่วิ่งในห้าง Bravo BKK
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์จัดกิจกรรมโครงการ "ปันสุข" กับลูกบ้าน