ปฏิวัติพลังงานทดแทน ลดโลกร้อน ทางเลือกใหม่ผลิตไฟฟ้าแบบไร้เขื่อน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          รายงานฉบับใหม่ของ WWF และองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (The Nature Conservancy) เผยให้เห็นว่าแผนปฏิรูปพลังงานทดแทนรูปแบบใหม่จะสามารถแก้ไขสถานการณ์สภาวะภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง และปัญหาการขาดแคลนพลังงานได้ โดยไม่ต้องสร้างเขื่อน ซึ่งจะทำลายแม่น้ำที่ไหลอย่างอิสระ ช่วยลดผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม
          รายงานการประชุม World Hydropower Congress ณ กรุงปารีส ในหัวข้อ "การปฏิวัติพลังงานทดแทนสู่อนาคตใหม่ของแม่น้ำ ภูมิอากาศ และมนุษย์" (Connected and Flowing: A renewable future for rivers, climate and people) กล่าวถึงหนทางการดำเนินการปฏิรูปพลังงานทดแทนในปัจจุบัน ซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายเพื่อพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืนในอนาคตทั่วโลก
          เนื่องจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม รวมถึงเทคโนโลยีที่ใช้ในการจัดเก็บพลังงานรูปแบบเหล่านี้นั้นมีต้นทุนต่ำลง ผนวกกับความก้าวหน้าด้านประสิทธิภาพของพลังงาน และโครงข่ายไฟฟ้า ทำให้ปัจจุบัน เราสามารถแจกจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปสู่ผู้ที่ขาดแคลนนับพันล้านคนทั่วโลกได้ โดยที่การผลิตพลังงานรูปแบบใหม่นี้ ก่อให้เกิดอัตราการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง และยังคงไว้ซึ่งการอนุรักษ์แม่น้ำสายยาวกว่าพันกิโลเมตรที่ไหลอย่างอิสระ
          "อนาคตที่ไฟฟ้ากลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ ในราคาย่อมเยา และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมกับการใช้พลังงานทดแทน ไม่ใช่เพียงมโนภาพอีกต่อไป แต่เราสามารถสร้างอนาคตนั้นได้แล้วตั้งแต่ตอนนี้"เจฟฟ์ ออปเปอร์แมน นักวิจัยด้านน้ำจืดจาก WWF และหัวหน้าคณะวิจัยกล่าว "การเดินหน้าปฏิวัติพลังงานทดแทนจะช่วยให้เรามีอนาคตที่สดใสสำหรับมนุษย์และธรรมชาติ ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืน ซึ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ต้นทุนต่ำ และสร้างผลกระทบน้อย"
          รายงานระบุว่าการเดินหน้าปฏิวัติพลังงานทดแทนนอกจากจะช่วยปกป้องแม่น้ำสายต่าง ๆ ที่มีความยาวรวมกันกว่า 165,000 ก.ม. จากการถูกทำลายแล้ว ยังสามารถยับยั้งไม่ให้อุณหภูมิโลกโดยเฉลี่ยสูงเกินกว่า 1.5 องศา ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาสภาวะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง และปัญหาปริมาณพันธุ์สัตว์น้ำจืดลดลงกว่า 83% ตั้งแต่ปีค.ศ. 1970 ได้เช่นกัน 
          แม่น้ำที่ไหลอย่างอิสระนั้นก่อให้เกิดประโยชน์นานัปการต่อระบบนิเวศ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนปลาน้ำจืดที่เพิ่มขึ้น จากการเชื่อมต่อของแม่น้ำ อันเป็นแหล่งประมงน้ำจืดที่หล่อเลี้ยงประชาชนนับล้าน ทั้งยังลดการทับถมของตะกอนบริเวณปากแม่น้ำ บรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง รวมถึงลดการผุพังของโครงสร้างพื้นฐานอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันเหลือแม่น้ำเพียง 37% ที่ยังคงไหลอย่างอิสระและเชื่อมต่อกับสายน้ำอื่น โดยสาเหตุหลักมาจากการสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ
          การปฏิวัติพลังงานทดแทนนั้นนอกจากจะไม่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาพลังงานน้ำแล้ว ยังสามารถลดความจำเป็นในการสร้างเขื่อนโดยหันไปพึ่งพลังงานแสงอาทิตย์และลมแทน เช่น การปรับปรุงแก้ไขระบบเขื่อนพลังน้ำ หรือการเพิ่มกังหันน้ำ และเครื่องสูบน้ำ ซึ่งสร้างผลกระทบน้อยกว่า และยังอาจช่วยให้ประเทศอื่น ๆ สามารถบรรลุเป้าหมายด้านพลังงานไฟฟ้าที่สร้างคาร์บอนต่ำ มีราคาย่อมเยา และสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย ตัวอย่างเช่น รายงานล่าสุดพบว่ากลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สามารถพัฒนาระบบพลังงานไฟฟ้าได้โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนบริเวณแม่น้ำโขง หรือแควน้ำที่ไหลอย่างอิสระในบริเวณใกล้เคียง ส่วนในสาธารณรัฐยูกันดาได้มีการจำลองโครงการดังกล่าว โดยระงับการสร้างเขื่อนสองแห่งในเขตอุทยาน ผลปรากฏว่าโครงการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายของระบบไฟฟ้าแต่อย่างใด
          "รายงานชิ้นนี้มีเป้าหมายเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าการปฏิวัติพลังงานทดแทน เพื่อลดการสร้างเขื่อนที่ไม่จำเป็นบนพื้นที่สำคัญอย่างพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง อิรวดี อเมซอน รวมถึงลุ่มน้ำอื่น ๆ ทั่วโลก" นายออปเปอร์แมนกล่าว "มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าถ้าเราจะได้ใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทนในวันที่สายเกินไปที่จะรักษาไว้ซึ่งแม่น้ำสายสำคัญของโลก"
 
 

ข่าวThe Nature Conservancy+อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมวันนี้

กลุ่มบริษัทยูนิไทย ร่วมฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลน เนื่องในวันคุ้มครองโลก เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

กลุ่มบริษัทยูนิไทย ร่วมฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลน เนื่องในวันคุ้มครองโลก เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนและดูแลรักษาชุมชม สังคม สิ่งแวดล้อม กลุ่มบริษัทยูนิไทย นำโดย ท่าเรือยูนิไทยและบริษัทในเครือ จัดกิจกรรม "ปลูกป่าชายเลน คืนชีวิตสู่ทะเล" ณ สถานตากอากาศบางปู เพื่อร่วมรณรงค์สิ่งแวดล้อมเนื่องในวันคุ้มครองโลก (Earth Day) พร้อมสานต่อความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผู้ร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนอันเปราะบางผ่านการบรรยาย

มิสทิน ร่วมกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั... มิสทิน ร่วมกับ ทช. เดินหน้าโครงการยกเลิกการใช้สารที่เป็นอันตรายต่อปะการัง — มิสทิน ร่วมกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เดินหน้าโครงการยกเลิกการใช้ส...

As ocean ecosystems continue to face unpr... Sea change: The Nature Conservancy and Thai Union partner around game-changing transparency pledge — As ocean ecosystems continue to face unprecedented pr...

สานต่อพันธกิจการสร้างความศิวิไลซ์ให้กับโล... LUI Che Woo Prize ประกาศรายชื่อผู้ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติประจำปี 2562 — สานต่อพันธกิจการสร้างความศิวิไลซ์ให้กับโลกใบนี้ LUI Che Woo Prize – Prize for Wo...

LUI Che Woo Prize Reveals 2019 Laureates

Furthering Its Mission to Enrich World Civilisation The LUI Che Woo Prize Prize for World Civilisation announced the three 2019 laureates today. Commended for their exceptional achievements to promote world civilisation for a better world, the 2019 laureates...

ไอบีเอ็มจับมือองค์กร The Nature Conservancy ร่วมอนุรักษ์แม่น้ำสายสำคัญทั่วโลก

ไอบีเอ็มและองค์กร The Nature Conservancy กำลังทำงานร่วมกันเพื่ออนุรักษ์แม่น้ำสายสำคัญๆ ของโลก โดยใช้ประโยชน์จากพลังการประมวลผลขั้นสูงและแนวทางการอนุรักษ์ตามหลักวิทยาศาสตร์ภายใต้โครงการ Great Rivers Partnership ของ The...

The Nature Conservancy Announces Major Gift From Caterpillar Inc.

SATELLITE FEED: APTN’S GLOBAL VIDEO WIRE (GVW) JANUARY 15, 2005 0615-0630 GMT ASIA-PACIFIC Satellite Asiasat Transponder 5B Downlink Frequency 3799 MHz Downlink Polarization Horizontal FEC 3/4 Symbol Rate 56320 FORMAT: VNR in...