SGP จัดบิ๊กดีล ทุ่มงบ 3,360 ลบ. ซื้อคลังน้ำมัน-ท่าเรือน้ำลึก เสริมแกร่งดันรายได้ กำไร

18 Oct 2019
สยามแก๊สฯ ทุ่มงบ 3,360 ล้านบาท เข้าซื้อคลังน้ำมันและท่าเรือ ที่เกาะสีชัง โดยให้บริษัทลูก SLNG เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของบริษัท ไทยพับลิค พอร์ต จำกัด หรือ TPP จำนวน 105,000,000 หุ้น คิดเป็น 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด "ศุภชัย วีรบวรพงศ์" เอ็มดี คาดหวังธุรกิจคลังน้ำมัน และโครงการลงทุนเพิ่มในส่วนของธุรกิจคลัง LNG ในอนาคตจะช่วยเสริมแกร่งให้บริษัทฯได้มากยิ่งขึ้น
SGP จัดบิ๊กดีล ทุ่มงบ 3,360 ลบ. ซื้อคลังน้ำมัน-ท่าเรือน้ำลึก เสริมแกร่งดันรายได้ กำไร

นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท สยาม แอลเอ็นจี จำกัด หรือ SLNG ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ที่ SGP ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของบริษัท ไทยพับลิค พอร์ต จำกัด หรือ TPP จำนวน 105,000,000 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด มูลค่ารวม 3,360 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโครงการคลังน้ำมันและท่าเรือ บริเวณเกาะสีชัง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

โดย SLNG ได้เข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จาก บริษัท ธานินทร์ โฮลดิ้ง จำกัด บริษัท อรรฐนี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท อัครพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัท ศรีเสรีขนส่ง จำกัด คิดเป็น 40.51% ของทุนชำระแล้วของ TPP คิดเป็นมูลค่า 1,361 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2562 และต่อมาในวันที่ 16 ตุลาคม 2562 คณะกรรมการบริษัท อาร์พีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ RPC ได้มีมติอนุมัติให้ RPC ขายเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จำนวน 30% ของทุนชำระแล้วของ TPP ให้แก่บริษัท สยาม แอลเอ็นจี จำกัด (SLNG ) ซึ่งในส่วนนี้คิดเป็นมูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยจะดำเนินการโอนหุ้นที่กระทรวงพาณิชย์ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2562

การเข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ TPP ดังกล่าว ทำให้ SLNG เข้าลงทุนในหุ้นของ TPP รวม 74,032,164 หุ้น หรือคิดเป็น 70.51% ของทุนชำระแล้วของ TPP อย่างไรก็ตาม SLNG จะเข้าซื้อเงินลงทุนในหุ้นของ TPP จากบริษัท พงศ์เอราวัณ จำกัด อีก 29,913,446 หุ้น คิดเป็น 28.49% ของทุนชำระแล้ว ของ TPP ภายในเดือนมกราคม 2563 โดยจะทำให้ SLNG ถือหุ้นใน TPP จำนวน 103,945,610 หุ้น ซึ่งคิดเป็น 99% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ TPP

"แหล่งเงินลงทุนในครั้งนี้ มาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทและจากการกู้ยืมของสถาบันการเงิน คาดว่าจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถขยายการประกอบธุรกิจด้านพลังงานอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเป็นธุรกิจทางด้านคลังน้ำมันและท่าเรือ ซึ่งธุรกิจคลังน้ำมันจะช่วยให้บริษัทมีรายได้และได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถใช้ท่าเรือของ TPP ในการรับสินค้าอื่นๆในอนาคต เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของบริษัทในอนาคต" นายศุภชัย กล่าว

อนึ่ง TPP ประกอบธุรกิจให้บริการท่าเทียบเรือน้ำลึก และให้เช่าคลังสินค้าเหลว โดยมีท่าเทียบเรือน้ำลึกทั้งหมด 4 ท่าเทียบเรือ และคลังสินค้าเหลว มีถังเก็บสินค้าเหลว ทั้งหมด 14 ถัง ตั้งอยู่ที่อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี มีเนื้อที่ทั้งหมด 240 ไร่ 1 งาน 53 ตารางวา และที่ดินสัมปทาน จำนวน 103 ไร่ 3 งาน 41 ตารางวา โดยที่ดินสัมปทานอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงานจัดการที่ดินของรัฐที่พิจารณาออกสัมปทานบัตรที่ดิน

ทั้งนี้ในปี 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้าปริมาณการขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ไว้ประมาณ 3.8 ล้านตัน หรือเติบโตขึ้นราว 10 % จากปีที่ผ่านมา และวางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 75,000 ล้านบาท คาดว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากยอดขายต่างประเทศที่ขยายตัวต่อเนื่อง ตามความต้องการ LPG ในภูมิภาคเอเชียที่คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตสูง โดยบริษัทจะเน้นไปที่ตลาดเกิดใหม่ที่มีประชากรหนาแน่น เช่น ประเทศบังคลาเทศและเวียดนาม

ด้านความคืบหน้าการลงทุนในประเทศต่างๆ ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างคลังก๊าซ LPG ที่เมืองปีนัง ประเทศมาเลเซีย คาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 4/2562 นี้ จะเพิ่มยอดขายอีก 11,000 ตัน หลังจากในช่วงปลายไตรมาส 1/2562 บริษัทได้เปิดให้บริการคลังก๊าซ LPG ที่ North Port ประเทศมาเลเซีย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเริ่มจำหน่ายในไตรมาส 2/2562 เพื่อรองรับความต้องการในประเทศดังกล่าว ส่วนคลังก๊าซ LPG ในประเทศเมียนมานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดแล้วเสร็จและสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2563 โดยตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 8,000-10,000 ตัน/เดือน

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมีความสนใจเข้าไปลงทุนคลังก๊าซ LPG ในประเทศบังคลาเทศ เพิ่มเติม เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในสิ้นปี 2562 นี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายแก๊สที่ขายเข้าไปในบังคลาเทศแล้ว ในลักษณะของการขายส่งเป็นลำเรือ โดยปี 2562 นี้ มียอดขายอยู่ราว 30,000 - 40,000 ตัน/เดือนส่วนในประเทศอินโดนีเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อกิจการคลังก๊าซโรงบรรจุก๊าซ LPG เช่นกัน คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นปี 2562 นอกจากนี้ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษาขยายการลงทุนในประเทศกัมพูชา เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทครอบคลุมแถบประเทศ AEC