
บริษัทฯตั้งเป้าหมายที่จะต่อยอดความสำเร็จจากโครงการโรงไฟฟ้าแม่กระทิง ด้วยการเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนให้ได้กว่า 30 เมกะวัตต์ ภายในปี 2022 เพื่อสร้างฐานธุรกิจพลังงานที่เติบโตและมั่นคง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกคน และเป็นการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ"
นายชัชชัย กล่าวเสริมว่า " บริษัทคาดว่าครึ่งปีหลัง 2562 แนวโน้มธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากธุรกิจโรงไฟฟ้า จะเข้ามาหนุนรายได้จากธุรกิจเดิม คือ บริการสถานีอัดก๊าซธรรมชาติให้กับกลุ่มปตท. ภายใต้สัญญาสัมปทาน 20 ปี ซึ่งเมื่อรวมรายได้จาก 2 ธุรกิจนี้ ทำให้ SKE มีฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีรายได้ที่มั่นคง ต่อเนื่องระยะยาว จากกลุ่มลูกค้าที่มีสถานะการเงินที่ดีที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ SKE กำลังมองหาโอกาสในการเติบโตในธุรกิจ
พลังงานสะอาด โดยปัจจุบัน บริษัทฯมีสถานะการเงินที่เข้มแข็ง และมีอัตราหนี้สินต่อทุนที่ดี คือ 0.59 เท่า สามารถขยายธุรกิจได้อีกมาก"
นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สากล เอนเนอยี (จำกัด) มหาชน หรือ "SKE" กล่าวเสริมว่า " สำหรับธุรกิจหลักให้บริการก๊าซธรรมชาติจะปรับตัวดีกว่าครึ่งปีแรก โดยคาดว่าปริมาณการอัดก๊าซจะเพิ่มขึ้น จากปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามสภาวะการค้า การส่งออกและนำเข้าที่ปรับตัวดีขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล รับอัดก๊าซ NGV บริษัทฯ เชื่อว่าปริมาณอัดก๊าซจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง ตามปัจจัยฤดูกาล และปริมาณการค้าที่น่าจะฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาส 4 และ เมื่อรวมกับธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) คาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างชัดเจน"

