โคเน่ เปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมและให้บริการลูกค้าอัจฉริยะในประเทศไทย

30 Aug 2019
- ศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่มุ่งเน้นในการเสริมทักษะให้กับพนักงานของโคเน่ด้วยเครื่องมือและการให้บริการในรูปแบบดิจิตอลโดยการใช้เทคโนโลยีจำลองสภาพเสมือนจริงโดยคอมพิวเตอร์ (VR) และระบบอีเลิร์นนิ่ง ที่จะช่วยให้ การเคลื่อนย้ายของผู้คน (People Flow) เป็นไปด้วยความปลอดภัยมากขึ้น สะดวก และมีเสถียรภาพ
โคเน่ เปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมและให้บริการลูกค้าอัจฉริยะในประเทศไทย
  • ศูนย์การให้บริการอัจฉริยะมีการติดตั้งโซลูชั่นขั้นสูงที่สามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องหยุดพัก ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานในการตอบรับกับนโยบายสมาร์ทซิตี้ของประเทศไทย

โคเน่ ผู้นำระดับโลกด้านอุตสาหกรรมลิฟต์และบันไดเลื่อน เปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมและให้บริการลูกค้าอัจฉริยะในประเทศไทย ปัจจุบันไทยอยู่ในช่วงการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเข้าสู่ระยะที่สี่ จากประเทศเกษตรกรรม ก้าวเข้าสู่การสร้างงานที่มีมูลค่า โมเดลใหม่ของการขับเคลื่อนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ "เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม" โดยเห็นได้จากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากต่างประเทศ กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว ศูนย์ฝึกอบรมและให้บริการลูกค้าอัจฉริยะเป็นไปตามความมุ่งมั่นของโคเน่ ในการลงทุนเพื่อยกระดับฝีมือพนักงานในประเทศและการผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะกับโซลูชั่นของโคเน่

อาคารศูนย์ฝึกอบรมและให้บริการลูกค้าของโคเน่ มีพื้นที่ขนาด 815 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนถนนสุโขทัย 99 (เมืองทองธานี) ทำหน้าที่เป็นโชวร์รูมนิทรรศการแสดงนวัตกรรมใหม่ของโคเน่ ศูนย์บริการที่พร้อมรองรับลูกค้าที่มีมากกว่า 1,500 รายในประเทศไทย และเป็นศูนย์ฝึกอบรมที่ถ่ายทอดองค์ความรู้ระดับมืออาชีพจากผู้เชี่ยวชาญให้กับพนักงานของโคเน่ที่มีมากกว่า 330 คนในประเทศไทย ศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้เป็นศูนย์ฝึกอบรมดิจิทัล ที่มีเทคโนโลยีใหม่และนวัตกรรมล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ และวิธีการเรียนรู้ในรูปแบบใหม่ๆ อย่างเช่น การใช้เทคโนโลยีการจำลองสภาพเสมือนจริงโดยคอมพิวเตอร์ (VR) การนำกลไก รูปแบบของเกมมาใช้เพื่อให้ผู้เรียนรู้สนุก รู้สึกเหมือนเล่นเกม และ การใช้ระบบอีเลิร์นนิ่ง แอปพลิเคชั่นด้านการเรียนรู้ การจำลองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในศูนย์ดูแลลูกค้า เพื่อใช้ฝึกอบรมผลิตภัณฑ์และบริการของโคเน่ (KONE Customer Care Center - KC3)

ศูนย์ฝึกอบรมและให้บริการดังกล่าว ติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ ตัวอย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง (Internet of Things (IoT)) หรือ การเชื่อมต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องป้อนข้อมูลเข้าไปอีกครั้ง เพื่อให้บริการลูกค้า และ แก้ไขปัญหาผ่านระบบออนไลน์ได้อย่างราบรื่นและรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ภายในโชว์รูมมีการจัดแสดงโซลูชั่นต่างๆ ของโคเน่ รวมไปถึงนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น สายเคเบิลแบบคาร์บอนไฟเบอร์ (UltraRope) ที่มีลักษณะเบากว่าสายเคเบิลเหล็กแบบเดิม สายเคเบิลเหล็กแบบเดิมมีน้ำหนักมากทำให้ต้องใช้พลังงานมากในการขับเคลื่อนลิฟต์ขึ้น-ลง สายเคเบิลคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่นี้สามารถลดน้ำหนักลิฟต์ได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ และสามารถประหยัดพลังงานได้ 11 เปอร์เซ็นต์

พิธีเปิดในวันนี้นำโดยผู้บริหาร นายอาเซลล์ เบิร์กคลิ้ง รองประธานบริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โคเน่ คอร์ปอเรชั่น และ นายแอนโทนี่ ตัน กรรมการผู้จัดการ โคเน่ ประเทศไทย พร้อมแขกผู้มีเกียรตินางซาตู ซุยก์การี-เคลฟเวน เอกอัครราชทูตฟินแลนด์ประจำประเทศไทย

นายอาเซลล์ เบิร์กคลิ้ง รองประธานบริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โคเน่ คอร์ปอเรชั่น แสดงความยินดีกับทีมงานในประเทศไทยในโอกาสนี้ด้วย พร้อมกับกล่าวว่า "ศูนย์ฝึกอบรมและให้บริการลูกค้าในประเทศไทยแห่งใหม่ เป็นสถานที่ที่แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีขั้นสูงของเรา และพนักงานของโคเน่ที่มีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้เพิ่มเติมและสร้างสรรค์มากขึ้น ประเทศไทยกำลังก้าวไปเป็นคลื่นลูกใหม่ที่แข็งแกร่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม ซึ่งเราโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนครั้งนี้ เรามีความภาคภูมิใจในการเป็นหนึ่งในองค์กรที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีนวัตกรรม ที่รองรับประเทศไทยให้ก้าวไปเป็นสมาร์ทซิตี้ และสร้างเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนเช่นกัน"

นายแอนโทนี ตัน กรรมการผู้จัดการ โคเน่ ประเทศไทย กล่าวว่า "ศูนย์ฝึกอบรมและให้บริการลูกค้าในประเทศไทยจะสามารถตอบสนองความต้องการ 2 ส่วนหลักของเรา คือ หนึ่งลูกค้า และสอง คือพนักงาน ด้วยสังคมเมืองของประเทศไทยที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และก้าวเข้าสู่เมืองที่มีความอัจฉริยะมากขึ้น และการสร้างอาคารสูง ดังนั้น การควบคุมอาคารด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทำให้เราต้องให้บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ตลอดเวลา ทำงานผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลและ นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อตอบรับกับระบบการจัดการที่เก่งขึ้น และสังคมเมืองที่กำลังพัฒนา"

ประเทศไทยมีการขยายตัวของสังคมเมืองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่าจะมีมากกกว่าครึ่งของประชากรทั้งหมด คิดเป็น 52.9 เปอร์เซ็นต์ในปี 2565 โดยอาจสูงถึง 60 เปอร์เซ็นต์ในปี 2573 ด้วยความพยายามในการผลักดันให้เป็นประเทศที่มีรายได้สูง รัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายการก้าวเข้าสู่การเป็นสมาร์ทซิตี้ 30 แห่งใน 24 จังหวัดภายในปี 2563 และคาดการณ์ว่าจะปรับเปลี่ยนเป็นสมาร์ทซิตี้ในอีก 100 เมืองในปี 2565 การนำเอานวัตกรรมเข้ามาใช้ และ การเป็นสมาร์ทซิตี้ จะทำให้เกิดความต้องการในการนำเอานวัตกรรมใหม่ๆ เช่น โซลูชั่นด้านอาคารอัจฉริยะมาใช้ในประเทศไทยมากยิ่งขึ้น

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกถือเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของโคเน่ โดยในช่วงครึ่งปีแรกของโคเน่ ยอดขายในภูมิภาคนี้เติบโตขึ้น 13.5 เปอร์เซ็นต์ จากนโยบายการผลักดันในการสร้างสมาร์ทซิตี้ เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ ประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่และสำคัญมากในการขับเคลื่อนโซลูชั่นอัจฉริยะของโคเน่ โซลูชั่นของโคเน่ได้มีการใช้ในโครงการคุณภาพระดับไฮเอนด์หลายโครงการ รวมไปถึงโครงการไนน์ตี้เอท ไวร์เลส คอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ บนที่ดินใจกลางถนนวิทยุ ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่แพงที่สุดในประเทศไทย

โคเน่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีนวัตกรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกโดยนิตยสารฟอร์บส์ โคเน่ได้ให้นิยาม คำว่า "การเคลื่อนย้ายของผู้คน" คือ การเคลื่อนย้ายผู้คนในอาคาร และ ระหว่างอาคาร การเคลื่อนย้ายผู้คนที่มีประสิทธิภาพ หมายถึง การเคลื่อนย้ายอย่างราบรื่น ปลอดภัย สะดวกสบาย มีเสถียรภาพและไม่ล่าช้า

เกี่ยวกับโคเน่

โคเน่ มีพันธกิจในการยกระดับการเคลื่อนย้ายของผู้คน ในฐานะผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมลิฟต์และบันไดเลื่อน โคเน่ให้บริการลิฟต์ บันไดเลื่อน และประตูเปิด-ปิดอัตโนมัติ รวมถึงโซลูชั่นในการดูแลรักษา และอัพเกรดระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับอาคาร ตลอดอายุการใช้งาน ด้วยคอนเซ็ปต์ การเคลื่อนย้ายผู้คน (People Flow) โคเน่ช่วยให้การเดินทางของผู้คนมีความปลอดภัย สะดวกสบาย มีเสถียรภาพในอาคารสูง และอาคารอัจฉริยะ โคเน่มีผลประกอบการสุทธิ 9.1 พันล้านยูโรในปี 2561 ที่ผ่านมา มีพนักงานมากกว่า 57,000 คนทั่วโลก โคเน่เป็นบริษัทจดทะเบียนคลาสบี ในตลาดหลักทรัพย์แนสแด็ก เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ข้อมูลเพิ่มเติมดูได้ที่ www.kone.com และสำหรับโคเน่ ประเทศไทย www.kone.co.th

โคเน่ เปิดตัวศูนย์ฝึกอบรมและให้บริการลูกค้าอัจฉริยะในประเทศไทย