ECF เผยผลประกอบการปี 62 รายได้รวม 1,290.90 ล้านบาท กำไรสุทธิ 39.27 ล้านบาท เล็งจ่ายปันผลหุ้นละ 0.014300 บาท ชูกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 63 เพิ่มมาร์จิ้น บริหารจัดการต้นทุนการขายและการบริหาร ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ปรับโครงสร้างการจัดจำหน่าย เน้นช่องทางที่มีประสิทธิภาพ ขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ พร้อมพัฒนาสินค้าใหม่ ปั๊มยอดขาย ธุรกิจพลังงาน เดินหน้าเร่งสปีดลุยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มินบู เมียนมาร์ ครบ 4 เฟส 220 เมกะวัตต์ ภายใน 2 ปี สร้างการเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่าย เฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทมีรายได้รวมทุกกลุ่มธุรกิจ 1,290.90 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,443.33 ล้านบาท หรือปรับตัวลดลง 10.56 % ซึ่งรายได้จากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นธุรกิจหลัก 1,195.30 ล้านบาท ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ 1,297.19 ล้านบาท อย่างไรก็ตามแม้ว่ารายได้ภาพรวมของบริษัทมีการปรับตัวลดลง แต่ทั้งนี้บริษัทมีกำไรสุทธิประจำปี 39.27 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 35.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 29.05 ล้านบาท สาเหตุสำคัญเกิดจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เมืองมินบู เมียนมาร์ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มมีรายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์เฟสที่ 1 ขนาด 50 เมกะวัตต์แรกเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ผลประกอบการของบริษัทมีแนวโน้มดีขึ้นนอกเหนือจากการทยอยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทนแล้ว บริษัทยังมีการวางแผนงานเพื่อบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย ประกอบกับควบคุมค่าใช้จ่ายในการเข้าศึกษาความเป็นไปได้ในธุรกิจอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์ให้เกิดความคุ้มค่ามากที่สุด
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติจ่ายปันผลหุ้นละ 0.0143 บาท คิดเป็นจำนวนเงินรวมการจ่ายไม่เกิน 13.72ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 42% ของกำไรสุทธิของบริษัทหลังหักสำรองตามกฎหมาย โดยจะทำการกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล(Record Date) ในวันที่ 5 พ.ค. 2563 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 22 พ.ค.2563 (ภายหลังวันที่ขออนุมัติจากประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 22 เม.ย 2563)
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นสร้างการเติบโตจากธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และธุรกิจพลังงาน โดยธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีสัญญาณการเติบโตที่ดีอย่างมีนัยสำคัญ จากการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ส่งออกไปต่างประเทศ มุ่งเน้นขยายตลาดกลุ่มลูกค้ารายใหม่ในญี่ปุ่น อินเดีย ตะวันออกกลาง และจีน ซึ่งถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ ที่มีศักยภาพสามารถสร้างโอกาสการเติบโตของคำสั่งซื้อเฟอร์นิเจอร์ในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมียอดคำสั่งซื้อสินค้าที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2563 นี้ อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ที่มีศักยภาพอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย เห็นได้จากตัวเลขยอดคำสั่งซื้อที่เกิดขึ้นไตรมาสที่ 1 มีสัญญาการเติบโตจากปีก่อนมาก
ขณะที่ตลาดในประเทศ บริษัทมีแผนปรับโครงสร้างการจัดจำหน่าย มุ่งเน้นกระตุ้นยอดขายในช่องทางจำหน่ายใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพ ผ่านร้านโมเดิร์นเทรดชั้นนำที่มีสาขาทั่วประเทศ ล่าสุดสามารถเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านร้านโมเดิร์นเทรดได้อีก 2 ราย ซึ่งแต่ละรายมีโอกาสการเติบโตผ่านการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้เริ่มออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อจำหน่ายในรูปแบบอุปกรณ์ก่อสร้างที่ใช้วัตถุดิบจากไม้ยางพารา เพื่อจำหน่ายให้กับกลุ่มลูกค้าผู้รับเหมาที่รับงานติดตั้งให้กับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายรายของประเทศ ทั้งนี้ บริษัทพยายามรักษาสัดส่วนรายได้จากยอดขายต่างประเทศอยู่ที่ 55 % และในประเทศ อยู่ที่ 45 %
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ในปีนี้จะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างชัดเจนมากขึ้น โดยที่ผ่านมารับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลภาคใต้ขนาด 7.5 เมกะวัตต์ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW มินบู ประเทศเมียนมาร์ ที่เฟสแรก (50 MW) สามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ COD และเริ่มรับรู้ส่วนแบ่งกำไรงวดแรกเข้ามาเต็มในไตรมาส 4/62 ส่วนเฟสที่ 2 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากครบทั้ง 4 เฟส บริษัทคาดการณ์รับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 80 -100 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการเข้าลงทุน โดยบริษัทจะมุ่งเน้นในโครงการที่มีผลตอบแทนสูง และจะเน้นการเข้าลงทุนเองเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-15 % และเพิ่มอัตรากำไรสุทธิไม่น้อยกว่า 4-5 % โดยปัจจัยสนับสนุนการเติบโตมาจากการขยายตลาดของธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งปีนี้จะเห็นการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรอย่างชัดเจนมากขึ้น และคาดว่าจะเริ่มเห็นสัดส่วนกำไรสุทธิทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นจากธุรกิจต่าง ๆ ในปีนี้
ECF กางแผนปี 2564 ตั้งเป้ารายได้โต 10-12% รับอานิสงส์โควิด-19 ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ออเดอร์ทั้งในและต่างประเทศทะลัก เร่งขยายกำลังการผลิต ชูกลยุทธ์ดันมาร์จิ้นเพิ่ม ลดต้นทุน
บี.กริม เพาเวอร์ กดปุ่ม COD โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในฟิลิปปินส์ กำลังผลิต 65 เมกะวัตต์ เดินหน้าขยายพอร์ท "พลังงานทดแทน"
ยูโอบี และ กสิกรไทย สนับสนุนสินเชื่อสีเขียวแก่ Levanta Renewables เข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 34 โครงการ ในประเทศไทย
NPS เปิดบ้านต้อนรับ กลุ่มผู้นำชุมชน เยี่ยมชมโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนทุ่นลอยน้ำ
SUPER จับมือ NMB ลุยโซลาร์-แบตเตอรี่ ขนาดกำลังผลิตติดตั้งรวม 341.15 เมกะวัตต์ เดินหน้าพลังงานสะอาด เพื่อ Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions
อีกก้าวแห่งความสำเร็จ! EGCO Group ลงทุน 49% โรงไฟฟ้าโซลาร์ "Wheatsborough Solar" สหรัฐฯ เสริมพอร์ตพลังงานสะอาดระดับโลก
TSE พร้อมรุกพลังงานสะอาด-ธุรกิจสุขภาพ สร้างการเติบโตยั่งยืน
TPCH เดินหน้า COD โครงการโซลาร์ฟาร์ม สปป.ลาว ปีนี้