เมื่อนับรวมตั้งแต่จัดตั้งกองทุน BTSGIF จนถึงการประกาศจ่ายเงินปันผลและจ่ายคืนเงินทุนครั้งนี้ พบว่า BTSGIF จ่ายเงินปันผลรวม 25 ครั้ง คิดเป็นเงิน 4.342 บาทต่อหน่วย และจ่ายคืนเงินทุน 7 ครั้ง เป็นเงิน 0.719 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 5.061 บาทต่อหน่วย
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2562/63 กองทุน BTSGIF มีรายได้รวม 1,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิจากการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพสายหลักตามสัญญาสัมปทานเติบโตขึ้น 4.6% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาสนี้ รายได้ค่าโดยสาร อยู่ที่ 1,815.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตจากการเปิดสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ส่วนใต้จากสถานีสำโรงถึงสถานีเคหะฯ ในเดือนธันวาคม 2561 และส่วนเหนือจากสถานีหมอชิตถึงสถานีห้าแยกลาดพร้าวในเดือนสิงหาคม 2562 จากนั้น ก็ขยายถึงสถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ในเดือนธันวาคม 2562 แต่บางส่วนถูกหักลบกับการให้ผู้โดยสารที่เดินทางฟรี เนื่องในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2562
ขณะที่ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมไตรมาส 3 ปี 2562/63 เท่ากับ 545.8 ล้านบาท ลดลง 5.5% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากค่าใช้จ่ายพนักงานลดลง เนื่องจากปันส่วนค่าใช้จ่ายลดลงจากการเปิดส่วนต่อขยายสายสีเขียว ซึ่งทำให้เกิดการประหยัดจากขนาด (Economy of scale) ค่าใช้จ่ายในการบริหารและอื่นๆ ลดลง จากค่าซื้อบัตรโดยสารที่ลดลง และการเลื่อนเรียกเก็บเงินค่าทดสอบสิ่งแวดล้อม แต่บางส่วนถูกหักกลบกับรายจ่ายฝ่ายทุนที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าปรับปรุงระบบจัดเก็บค่าโดยสาร 31.5 ล้านบาท และค่าปรับปรุงคลื่นวิทยุ 19.8 ล้านบาท
ส่วนรายได้จากการลงทุนสุทธิ อยู่ที่ 1,256.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.0% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้รวม ส่วนอัตรากำไรจากรายได้จากการลงทุนสุทธิเท่ากับ 98.6% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งอยู่ที่ 98.2% อย่างไรก็ดี ในไตรมาสนี้ กองทุนรับรู้ขาดทุนสุทธิจากการวัดมูลค่าเงินลงทุน 208 ล้านบาท เนื่องจากมูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิตามมูลค่ายุติธรรมลดลง 200 ล้านบาท จากระยะเวลาคงเหลือของสิทธิในรายได้สุทธิตามสัญญาสัมปทานลดลง และการบันทึกเงินลงทุนในสถานีศึกษาวิทยา (S4) 7.9 ล้านบาท โดยมูลค่าเงินลงทุนในสัญญาซื้อและโอนสิทธิรายได้สุทธิ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ปรับลดลงมาอยู่ที่ 58,300 ล้านบาท จาก 58,500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562
ทั้งนี้ มูลค่าทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานที่กองทุนลงทุนในปัจจุบันจะลดลงตามอายุของสิทธิในรายได้สุทธิตามสัญญาสัมปทานที่จะหมดอายุในปี 2572 และเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาตามสิทธิในการรับประโยชน์จากรายได้สุทธิดังกล่าวที่กองทุนได้ลงทุน มูลค่าหน่วยลงทุนจะลดลงจนถึงศูนย์บาท
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจ ลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน
ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
KTAM มองโอกาสจากตราสารหนี้ทั่วโลก เสนอขาย "KTWC-INCOME RMF" IPO 11-17 ธ.ค.นี้ พร้อมรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
บลจ.ทิสโก้ ปลื้ม ! กองทุน TGSMART กระแสตอบรับดี ประกาศเพิ่มทุนเป็น 4,000 ล้านบาท
บลจ.ทิสโก้ ตัวจริงเรื่องทริกเกอร์ฟันด์ บริหาร กองทุนเปิด ทิสโก้ โกลด์ ทริกเกอร์ 5M#1 ถึงเป้าหมายใน 25 วัน
ธปท.แต่งตั้ง บลจ.ทิสโก้ ร่วมบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
BBLAM เสนอขาย IPO 'กองทุนรวมบัวหลวงธนรัฐ 10/25' วันที่ 3-8 ธ.ค. 2568
จิตตะ เวลธ์ ปักธงช่วยคนไทยหลุดพ้น "กับดักกองทุนรวม" เปิดตัว Omni Fund กองทุนส่วนบุคคลเจ้าแรก ที่ซื้อ-ขาย ปรับพอร์ตกองทุนรวมให้อัตโนมัติ
'พรินซิเพิล' คว้ารางวัล Best Asset Management Company Awards* จากงาน SET Awards 2025 ผู้นำความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการมาตรฐานระดับโลก
บลจ.เกียรตินาคินภัทร คว้ารางวัล บริหารกองทุนดีเด่น และ บลจ.ดีเด่นด้าน ESG จากเวที SET AWARDS 2025 ตอกย้ำบทบาทผู้นำการลงทุนอย่างรับผิดชอบ
บลจ.เกียรตินาคินภัทร เปิดตัวกองทุน KKP AAA CLO-USD โอกาสใหม่สำหรับการลงทุนในตราสารที่มีสินเชื่อเป็นหลักประกัน (CLO) IPO วันที่ 25 พฤศจิกายน - 3 ธันวาคม นี้