ซีแพค (CPAC) หรือบริษัทผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด ในกลุ่มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่ได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเอง ยกระดับจากการเป็นผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จ สู่ผู้ให้บริการปลดล็อกปัญหาด้านการก่อสร้างครบวงจร (Construction Solution) ด้วยการปรับทัศนคติ และเปิดใจทิ้งรูปแบบความสำเร็จเดิม เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในการก้าวกระโดดสู่ความสำเร็จในตลาดใหม่ที่เติบโตถึง 10 เท่า
ชูโชค ศิวะคุณากร Construction Solution Director บริษัทผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด (CPAC) เปิดเผยถึงการปรับโครงสร้างธุรกิจไปสู่ Construction Solution ว่าถือเป็นทิศทางที่ทุกธุรกิจต้องเร่งปรับตัว ไม่เว้นแม้กระทั่งองค์กรขนาดใหญ่อย่างเอสซีจี หรือซีแพค เพราะมีแรงขับเคลื่อนจาก 3 ปัจจัยอันท้าทาย ประกอบด้วยเศรษฐกิจที่เข้าสู่ภาวะเติบโตต่ำ (New Normal Growth) สินค้าที่มากกว่าความต้องการ (Over Supply) และยุคดิจิทัลที่เข้ามาทำลายล้างรูปแบบธุรกิจเดิม (Digital Disruption)
"การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติที่ทุกที่ล้วนต้องเจอ เพียงแต่เกิดขึ้นรวดเร็วกว่าในอดีต องค์กรจึงต้องปรับตัวรับมือให้ทัน เพื่อสร้างโอกาสต่อยอดได้มากมาย"
ยึดคนเป็นหัวใจสำคัญเพื่อสร้างองค์กรให้แกร่งยิ่งขึ้น
ชูโชค เผยอีกว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรรับมือกับ 3 ความท้าทายดังกล่าวได้ คือ "คน" ที่จะต้องปรับตัวสร้างกระบวนการทำงานที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งต้องอาศัยการปรับทัศนคติในการทำงานใน 4 ด้าน ประกอบด้วย
- สร้างความร่วมมือในการทำงาน (Collaboration) เพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ โดยดึงจุดแข็งของแต่ละคนมาหลอมรวมกัน
- ระดมความคิดเห็นคนส่วนใหญ่หรือสกรัม (Scrum) และจัดระบบทำให้เป็นจริงหรืออะไจล์ (Agile)
- ทำทันที เพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่จากประสบการณ์ความผิดพลาด (Fail Fast, Learn Fast)
- ยึดถือลูกค้าเป็นโจทย์ตั้งต้น เพื่อสร้างระบบนิเวศผู้เกี่ยวข้อง (Ecosystem) ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นการชอบสิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกได้แบบเบ็ดเสร็จครบจบที่เดียว

ปั้นหลากหลายโซลูชัน ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม
ชูโชค เล่าถึงผลลัพธ์ภายหลังจากที่คนในองค์กรเริ่มเปิดใจเรียนรู้เพียง 1 ปี ว่าทำให้ได้ค้นพบโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์ Construction Solution ถึง 13 โซลูชัน โดยแบ่งเป็น 5 โซลูชัน ที่พร้อมจะขยายการบริการ (Scale Up) ไปในพื้นที่ต่างจังหวัด ขณะที่อีก 8 โซลูชัน พร้อมเป็นเรือธง (Flagship) ที่มีศูนย์กลางการบริการในกรุงเทพฯ
ในจำนวนนั้น มีทั้งงาน โซลูชันขนาดเล็ก ที่ช่วยแก้ปัญหาด้านการก่อสร้าง อาทิ Fill Good Solution แก้ไขปัญหาโพรงใต้บ้าน ซึ่งอาจทำให้มีสัตว์เลื้อยคลานเข้ามาในบ้าน ด้วยเทคนิคการปิดโพรงที่ลดการทรุดตัวของเสาคาน และไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างเดิม

Farm Solution ช่วยติดตั้งระบบฟาร์มแบบครบวงจรให้แก่กลุ่มปศุสัตว์ เช่น การยกพื้น ระบบระบายอากาศ และระบบไบโอแก๊ส โดยสามารถลดระยะเวลาในการก่อสร้างให้เสร็จเร็วขึ้นภายใน 3 เดือนจากเดิมที่ใช้เวลา 6 เดือน ทำให้เกษตรกรขายผลผลิตและสร้างรายได้ได้เร็วขึ้น

"การขยายการบริการในรูปแบบโซลูชันเป็นโอกาสให้เราได้ร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เพื่อร่วมกันยกระดับการให้บริการ เทคโนโลยีการก่อสร้าง หรือการนำเข้าวัสดุต่าง ๆ"
นอกจากนี้ ยังมี Circular Economy Solution หรือโซลูชันที่ตอบโจทย์หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น การรวบรวมเครื่องจักรที่ไม่มีการใช้งานมาเปิดให้บริการเช่า ตลอดจน โซลูชันการบริหารจัดการของเสีย ที่มีจำนวนมาก ในธุรกิจก่อสร้าง เพื่อเปลี่ยนของเสียให้มีมูลค่า (Waste to Wealth)
เปิดใจเปลี่ยนให้เป็น มองตลาดให้ออก คือหนทางสู่ความสำเร็จ
ชูโชค มองว่าการค้นพบโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ เหล่านี้ ล้วนมีจุดตั้งต้นมาจากการตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองไปเป็นผู้ที่ปลดล็อกทุกปัญหาให้ลูกค้า (Solution Provider) โดยการค้นให้เจอปัญหาที่แท้จริง (Pain Point) ของลูกค้า เพื่อนำมาสร้างประสบการณ์การบริการใหม่ ที่เชื่อว่าจะเป็นโอกาสใหม่ในการต่อยอดสร้างการเติบโตก้าวกระโดดได้เป็น 10 เท่า ในอนาคตอีก 5-10 ปี
ปัจจัยความสำเร็จดังกล่าวยังเกิดจากการ "เปิดใจ" ให้มีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญมาร่วมสร้างคุณค่าให้ผู้มีส่วนได้เสียในกระบวนการให้บริการ ไม่ว่าเป็นองค์กรขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศกว่า 400 ราย โดยอาศัยจุดแข็งและช่องทางการขายที่กว้างขวางของแบรนด์ซีแพค
"พฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป เมื่อเห็น Pain Point หรือปัญหาของลูกค้าจำนวนมาก แต่ยังไม่มีใครในตลาดที่ตอบโจทย์ได้ หากเราไม่รีบกระโดดไปทำก็อาจจะมีคนทำก่อน ถึงตอนนั้นก็อาจจะช้าไป ดังนั้นอะไรที่ตอบปัญหาลูกค้าได้ เราจะรีบเข้าไปโดยไม่จำเป็นต้องทำเองได้ทุกเรื่อง เพียงใช้เทคโนโลยีและหาเพื่อนพันธมิตรธุรกิจที่เก่ง สร้างให้เกิดเป็นอีโคซิสเท็ม โดยใช้จุดแข็งของแบรนด์ซีแพคที่มีความน่าเชื่อถือ ได้รับการยอมรับจากลูกค้า และมีช่องทางการขาย หรือ จุด Touch Point ที่กว้างขวาง"
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่องค์กรจะเดินหน้ากระโจนไปสู่การสร้างธุรกิจใหม่ ชูโชคบอกว่าธุรกิจจะต้องตอบคำถามหลัก 3 ข้อให้ได้ คือ ตลาดนั้นมีขนาดความต้องการและสร้างรายได้ได้มากน้อยแค่ไหน สร้างโอกาสที่แตกต่างจากการทำงานเดิมหรือไม่ และสอดคล้องกับศักยภาพของธุรกิจมากน้อยเพียงใด
"ขนาดตลาด ความแตกต่าง และสอดคล้องกับศักยภาพของธุรกิจ เป็น 3 วงกลมที่หากซ้อนทับกัน ก็จะเกิดโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ"

"มนุษย์มีสองทางเลือกเมื่อเกิดวิกฤต ทางแรก คือ ยอมยกธงขาวออกจากธุรกิจ ซึ่งการอยู่นิ่ง ๆ ก็ไม่ต่างจากการยอมแพ้ หรืออีกทางเลือกหนึ่ง คือ การต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดในวันพรุ่งนี้ ซึ่งทุกองค์กรควรเลือกเปลี่ยนตัวเองเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ทั้งองคายพจากหน่วยเล็ก ๆ สู่การเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตของประเทศได้อย่างแข็งแกร่ง เพื่อส่งต่อความเจริญก้าวหน้าให้คนรุ่นหลังต่อไป"