ศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชัน โดยเก็บจากกลุ่มตัวอย่างจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,117 กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลในวันที่ 21 - 24 มกราคม 2563 กลุ่มตัวอย่างในการสำรวจครั้งนี้ใช้เกณฑ์ตารางสำเร็จรูปของ Taro Yamane กำหนดว่า ประชากรเกิน 100,000 คนต้องการความเชื่อมั่น 95% และความผิดพลาดไม่เกิน 3% ต้องใช้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,111 กลุ่มตัวอย่าง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. สิงห์ สิงห์ขจร ประธานคณะกรรมการศูนย์สำรวจความคิดเห็นบ้านสมเด็จโพลล์ กล่าวว่า ผลการสำรวจในครั้งนี้ต่อพฤติกรรมการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชันของประชาชนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากในปัจจุบันคนกรุงเทพมหานครต้องการการความคล่องตัว สะดวก และรวดเร็ว บริการสั่งและส่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชันจึงได้รับความนิยมและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวันโดยไม่รู้ตัว ซึ่งบริการสั่งและส่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชันสามารถอำนวยความสะดวกในช่วงเวลาที่เร่งรีบ ไม่ว่างจากการทำงาน เพียงกดเข้าแอปพลิเคชันก็เลือกร้าน เลือกเมนู และจัดส่งได้เลย ก็สามารถรอทานอาหารได้เลย ในปี 2562 การเติบโตของยอดการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชันเพิ่มมากขึ้นมีจำนวนผู้ให้บริการเพิ่มขึ้น การให้บริการการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชันมีโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดใจผู้ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ว่าในปี 2563 จะมีการใช้บริการการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชันมากกว่า 20 ล้านครั้ง โดยการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชัน มีข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ให้เหตุผลการเลือกใช้แอปพลิเคชันในการจัดส่งอาหารหรือเครื่องดื่ม อันดับหนึ่งคือ มีโปรโมชั่นลดราคาอาหาร ร้อยละ 22.3 อันดับที่สองคือ แอปพลิเคชันใช้งานง่าย ร้อยละ 18.1 อันดับที่สามคือ ความสะดวกสบาย ร้อยละ 12.7 อันดับที่สี่คือ มีร้านอาหารให้เลือกเยอะ ร้อยละ 12.4 อันดับที่ห้าคือ ลดเวลาในการเดินทาง ร้อยละ 10.0
ในหนึ่งเดือนกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการใช้บริการการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชัน 3 – 4 ครั้ง เป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 29.2 อันดับที่สองคือ 1 – 2 ครั้ง ร้อยละ 22.3 อันดับที่สามคือ 5 – 6 ครั้ง ร้อยละ 20.8 และมีการใช้จ่ายต่อครั้งในเลือกสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชัน 101 – 300 บาท เป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 33.8 อันดับที่สองคือ 301 – 500 บาท ร้อยละ 25.4 อันดับที่สามคือน้อยกว่า 100 บาท ร้อยละ 19.2
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการใช้แอปพลิเคชันในการจัดส่งอาหารหรือเครื่องดื่มประเภท อาหารไทย / อาหารอีสาน เป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 37.2 อันดับที่สองคือ อาหารฝรั่ง / ฟาสต์ฟู๊ด ร้อยละ 23.7 อันดับที่สามคือ กาแฟ / ชานมไข่มุก ร้อยละ 12.8 อันดับที่สี่คือ อาหารญี่ปุ่น / ซูชิ ร้อยละ 10.8 อันดับที่ห้าคือ ของหวาน เค้ก เบเกอรี่ ร้อยละ 10.7 และมีการชำระค่าสินค้าในการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชันโดย เก็บเงินปลายทาง / เงินสด เป็นอันดับหนึ่ง ร้อยละ 46.3 อันดับที่สองคือ โอนเงิน/หักบัญชีธนาคาร ร้อยละ 20.3 อันดับที่สามคือ ผ่านบัตรเครดิต/เดบิต ร้อยละ 17.9
กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เคยใช้บริการการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชัน อันดับหนึ่งคือ แกร็บฟู๊ด (Grab Food) ร้อยละ 36.2 อันดับที่สองคือ เก็ท (GET) ร้อยละ 24.6 อันดับที่สามคือ ฟู๊ดแพนด้า (FoodPanda) ร้อยละ 19.1 อันดับที่สี่คือ ไลน์แมน (Line Man) ร้อยละ 15.1 อันดับที่ห้าคือ แซ็ปเดลิเวอรี่ (ZabDelivery) ร้อยละ 4.7
การชำระค่าสินค้า การสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านแอปพลิเคชัน อันดับหนึ่งคือเก็บเงินปลายทาง / เงินสด ร้อยละ 46.3 อันดับที่สองคือ โอนเงิน/หักบัญชีธนาคาร ร้อยละ 20.3 อันดับที่สามคือ ผ่านบัตรเครดิต/เดบิต ร้อยละ 17.9 อันดับที่สี่คือ PROMPT PAY (พร้อมเพย์) ร้อยละ 8.1 อันดับที่ห้าคือ Line Pay ร้อยละ 7.0
พบปัญหาที่พบในการใช้งานแอปพลิเคชันในการจัดส่งอาหารหรือเครื่องดื่ม อันดับหนึ่งคือ การจัดส่งไม่ตรงเวลา ร้อยละ 25.7 อันดับที่สองคือ แอปลิเคชันใช้งานยาก ร้อยละ 22.0 อันดับที่สามคือ ราคาอาหารไม่ตรงตามที่ระบุ ร้อยละ 16.3 อันดับที่สี่คือ พนักงานไม่สุภาพ ร้อยละ 15.9 อันดับที่ห้าคือ ค่าจัดส่งราคาแพง ร้อยละ 14.2
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการขับเคลื่อนพัฒนาวิชาชีพและส่งเสริมจริยธรรมสื่อเพื่อสร้างระบบนิเวศสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิงห์ สิงห์ขจร คณบดีคณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา และผู้บริหารคณะฯ ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับ กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นำโดย ดร.ธนกร ศรีสุขใส ตำแหน่ง ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับบริษัท วายเอ็มดอท สตูดิโอ จำกัด (Yell)
—
ผู้ช่วยศาสตราจา...
ครบรอบ 40 ปี คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา
—
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สิงห์ สิงห์ขจร คณบดีคณะวิทยาการจัดการ กล่าวถึง คณะวิทยาการจัดก...
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ กับบริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน)
—
เมื่อวันที่ 25 ตุ...
มบส.จับมือ WMC จัดมวยไทยลีก 3 ปีซ้อน สร้างประวัติศาสตร์กีฬามวยไทย
—
ผศ.ดร.คณกร สว่างเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) เปิดเผยว่า...
มบส.เตรียมเป็นแม่งานจัดประชุมวิชาการระดับชาติและนานาชาติบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ครั้งที่ 1 (BS2C#2025)
—
ผศ.ดร.เกียรติขร โสภณาภรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพั...
มบส.มุ่งเสริมความรู้"เท่าทัน AI ภัยคุกคามใกล้ตัวในยุคปัญญาประดิษฐ์ "
—
ผศ.ดร.คณกร สว่างเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) กล่าวว่า...
มบส. กำชับทุกหน่วยงานปฎิบัติงาน "สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้"
—
รศ.ดร.ชลลดา พงศ์พัฒนโยธิน รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา ( มบส.) กล่าวว่า ...
มบส.พร้อมพัฒนาพื้นที่และสร้างรายได้ชุมชนท้องถิ่น 5 กลุ่มชาติพันธุ์
—
ผศ.ดร.คณกร สว่างเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา(มบส.) กล่าวว่า เม...
มบส.ระดมพลเร่งขับเคลื่อนโครงการตามยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฎ งบปี68
—
ผศ.ดร.คณกร สว่างเจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา (มบส.) กล่าวว่า...