นายณพวีร์ พุกกะมาน ผู้บริหารส่วนภูมิภาค จีเอ็มไอ เอดจ์ กลุ่มสถาบันการเงินจากประเทศอังกฤษและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตรกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ มองว่าการที่ กนง. มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 1% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดตั้งแต่ประเทศไทยมีการใช้นโยบายทางการเงินจะส่งผลเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากถือเป็นยาแรงที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจไทยหลังมีปัจจัยลบใหม่เกิดขึ้นนั่นคือไวรัสโคโรน่า ก่อนหน้านั้นมีปัจจัยเรื่องงบประมาณรายจ่ายที่ล่าช้า รวมถึงเหตุภัยแล้งอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ SET Index ปรับตัวขึ้น 14 จุด เมื่อวานนี้ (5 ก.พ. 2563) แต่ความเสี่ยงในตลาดหุ้นไทยยังมีอยู่
"ทั่วไปแล้วการปรับลดดอกเบี้ยจะผลักดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ทุกครั้งเนื่องจากจะมีสภาพคล่องใหม่เพิ่มเข้ามารวมถึงความเชื่อมั่นที่มากขึ้น แต่ถึงตอนนี้กราฟเทคนิคของ SET Index ยังเป็นขาลง รวมถึง Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย สิ้นเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ระดับ 15.2 เท่า และ 18.4 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.9 เท่า และ 15.4 เท่า แสดงว่าหุ้นไทยยังแพงอยู่แม้จะลงมาเยอะ"
สิ่งที่ตามมาหลังการลดดอกเบี้ยก็คือผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดเงิน เนื่องจากพันธบัตรส่วนใหญ่จะอ้างอิงผลตอบแทนจากดอกเบี้ยนโยบาย รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีโอกาสปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน ทำให้นักลงทุนควรต้องมีการปรับพอร์ตเพื่อหาสินทรัพย์ที่ยังสร้างผลตอบแทนได้ดี เช่น หุ้นปันผลเพราะตัวเลขจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่าอัตราเงินปันผลตอบแทน สิ้นเดือนมกราคม 2563 อยู่ที่ระดับ 3.4% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.9% เป็นทางเลือกของผู้ที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ
นอกจากนี้สินทรัพย์อย่าง กอง REIT ยังน่าสนใจในการลงทุนเพราะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากนักหากลงทุนในโครงการที่สร้างกระแสเงินสดได้ต่อเนื่อง ขณะที่ทองคำช่วงนี้อาจจะมีการพักตัวบ้าง แต่ภาพรวมทางเทคนิคในระยะกลางถึงยาวยังคงแนวโน้มขาขึ้นอยู่ ช่วงนี้ที่ราคาย่อตัวลงมายังมองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนได้
อีกหนึ่งสินทรัพย์ที่แนะนำให้จับตามองคือสินทรัพย์ดิจิทัล โดยราคาบิทคอยน์ใด้ขยับจากจุดต่ำสุดขึ้นมาในระดับใกล้เคียง 10,000 เหรียญ ซึ่งหากผ่านจุดนี้ไปได้จะแสดงถึงการกลับตัวของราคาที่ชัดเจน รวมถึงเหรียญทางเลือกอื่นๆเช่นกันที่มีแนวโน้มขาขึ้น จึงอยากให้ลองศึกษาการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ ที่สำคัญคือประเทศไทยมีกฎหมายกำกับดูแลธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ชัดเจน ผู้ลงทุนสามารถไว้วางใจได้
"จากสถิติเก่าระบุว่าปีที่บิทคอยน์มีการทำ Halving หรือการลดซัพพลายในตลาดลง ราคาจะเป็นขาขึ้นทุกครั้ง ซึ่งจะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีนี้และราคาเริ่มตอบสนองในทางบวกแล้ว แนะนำให้ลองศึกษาการลงทุนรูปแบบนี้เพราะเป็นการลงทุนกับเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนอนาคตของโลกการเงิน"
จับจังหวะเดือนกันยายนทยอยสะสม "หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ - บิทคอยน์"
โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน "เรียลเอ็กซ์" ทางเลือกใหม่ของการลงทุน เปิดจองซื้อถึง 31 ส.ค.66 นี้
XSpring Digital ขึ้นเบอร์ 1 ICO Portal ไทย! ปิดดีล "SiriHub2 Token" ยอดจองล้น มองเทรนด์ลงทุนสินทรัพย์ RWA มาแรงหนุนโทเคนเติบโตทั่วโลก
Bitkub Exchange และ Bitkub Academy ประกาศร่วมมือ TON บล็อกเชนตัวดังของ Telegram เปิดโอกาสการใช้งาน Web3 ให้คนไทย
ออร์บิกซ์ คว้าใบอนุญาตนายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Broker) เสริมศักยภาพสู่การเป็นแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก
Bitkub Academy จับมือ สถาบันฝึกอบรม สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ผลักดันมาตรฐานความรู้ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในไทย
Bitkub Exchange และ Bitkub Academy ประกาศร่วมมือกับ Pudgy Penguins โปรเจกต์เพนกวินสุดโด่งดัง สู่การขยาย NFT Community ในไทย
efin Group ประกาศความสำเร็จ Better Trade 2025 เวทีการลงทุนแห่งปี สร้างปรากฏการณ์ นำ AI เข้าปฏิวัติการลงทุน พร้อมรวมกูรูชั้นนำในทุกสินทรัพย์