บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์
(ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด
(มหาชน) หรือ SCCC
เป็นลบ
และประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัทฯ ที่ 'A(tha)’ รวมถึงคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิ
ที่ 'A(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National
Short-term Rating) ที่ 'F1(tha)’
แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ
สะท้อนถึงความเสี่ยงที่ยังคงมีอยู่ในการที่ SCCC จะสามารถลดอัตราส่วนหนี้สินมาสู่ระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันได้ภายในปี
2564
จากการที่สภาวะเศรษฐกิจและตลาดที่ต้องเผชิญความท้าทายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ฟิทช์มองว่าการแพร่กระจายของโรคระบาดที่รุนแรงขึ้นในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจะยังคงรุนแรงต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า
ซึ่งจะกดดันเศรษฐกิจมหภาคของประเทศที่มีการแพร่ระบาด และทำให้กิจกรรมต่างๆ
ของภาคธุรกิจ รวมถึงการก่อสร้างลดลงในปี 2563 ฟิทช์ประเมินว่าผลกระทบต่อ SCCC น่าจะจำกัดในช่วงปี 2563 และฟื้นตัวได้ในปี 2564 อย่างไรก็ตาม การลดลงของรายได้ และ
กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของ SCCC ในช่วงเวลาที่อัตราส่วนหนี้สินอยู่ในระดับสูง
อาจทำให้บริษัทฯ ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปีในการลดอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับอันดับเครดิต
ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อกการปรับแนวโน้มอันดับเครดิตมาอยู่ที่ระดับมีเสถียรภาพ
อยู่ที่ความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ที่จะต้านทานปัจจัยลบต่างๆ ทางธุรกิจ
และความสามารถในการรักษาสถานะทางการเงินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
โดยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน
(FFO
adjusted net leverage) อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า 2.5 เท่า ณ สิ้นปี 2564
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
ความเสี่ยงต่ออัตราส่วนหนี้สิน
– ฟิทช์คาดว่า FFO adjusted net
leverage ของ
SCCC
จะอยู่ในระดับที่สูงประมาณ
2.6-3.2 เท่า ณ สิ้นปี 2563-2564 (ณ สิ้นปี 2562
อัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 3.0 เท่า) โดยมีสมมติฐานว่า EBITDA ของบริษัทฯ ในปี 2563 จะลดลงประมาณร้อยละ 10 และฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับปกติได้ในปี
2564 อัตราส่วนหนี้สินของ
SCCC
เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปี
2559
จากการเข้าซื้อกิจการต่างๆ หลายบริษัท โดยสูงสุดที่ 4.6 เท่า ณ สิ้นปี 2560 ทั้งนี้ บริษัทฯ
ได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะลดอัตราส่วนหนี้สิน
ด้วยการลดค่าใช้จ่ายลงทุนและการจ่ายเงินปันผล รวมถึงมีมาตรการต่างๆ
ในการเพิ่มกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ฟิทช์คาดว่า SCCC จะยังไม่มีการขยายธุรกิจอย่างนัยสำคัญ
และคาดว่าบริษัทฯ จะรักษาวินัยในการใช้จ่ายเงินและการลงทุนในช่วงสองปีข้างหน้า
EBITDA ลดลงในปี 2563 – ฟิทช์ประมาณการรายได้ของ
SCCC
ลดลงในอัตราร้อยละ
4-6 ในปี 2563 ในขณะเดียวกัน
อัตราส่วน EBITDA
ต่อรายได้
(EBITDA
margin) ก็ลดลงมาอยู่ในระดับร้อยละ
17.5 จากร้อยละ 18.5 ในปี 2562 ฟิทช์คาดว่าผลประกอบการจะฟื้นตัวกลับมาได้ในปี 2564
การเติบโตของกิจกรรมการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชนน่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
ถึงแม้ว่าโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างน่าจะดำเนินต่อไปได้จนกว่ารัฐบาลจะมีการประกาศมาตรการปิดเมือง
หรือห้ามดำเนินกิจกรรมใดๆ อย่างจริงจัง
ในปี 2562
รายได้จากการขายในประเทศไทยของ SCCC เติบโตในอัตราประมาณร้อยละ 5 ในขณะที่รายได้จากการส่งออกและธุรกิจเทรดดิ้งวัสดุก่อสร้างและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ
เติบโตสูงถึงร้อยละ 60
ซึ่งช่วยชดเชยการลดลงของรายได้และกำไรจากธุรกิจในภูมิภาค
การกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ที่ดี
–
SCCC เป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ระดับภูมิภาค
โดยมีการกระจายตัวของธุรกิจในภูมิภาคเอเชียหลายประเทศ ได้แก่ ศรีลังกา เวียดนาม
บังคลาเทศ และกัมพูชา (ผ่านกิจการร่วมค้า)
กำลังการผลิตปูนซีเมนต์ภายนอกประเทศไทยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36
ของกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ทั้งหมดของ SCCC (ไม่รวมกิจการร่วมค้าในกัมพูชา) ในขณะที่รายได้จากต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ
47
ของรายได้ทั้งหมดในปี 2562
การกระจายความเสี่ยงของแหล่งที่มาของรายได้ในเชิงภูมิศาสตร์ของ SCCC จะช่วยลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงตลาดภายในประเทศเพียงตลาดเดียว
และช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มีความสม่ำเสมอมากขึ้น โดย EBITDA จากธุรกิจในภูมิภาคสามารถช่วยชดเชยผลกำไรที่ลดลงในประเทศไทยในปี
2560
ในขณะที่ธุรกิจในประเทศไทยกลับมาเป็นธุรกิจที่สร้างอัตราการเติบโตในปี 2562
ซึ่งเป็นปีที่ธุรกิจในภูมิภาคซบเซา
ตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่ง
–
SCCC เป็นบริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย
โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ระดับร้อยละ 29 โดยวัดจากยอดขาย ในปี 2562 บริษัทฯ
สามารถรักษาตำแหน่งทางการตลาดของตนเองไว้ได้ในช่วงที่มีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาในตลาด
และมีการแข่งขันที่รุนแรงภายในประเทศมากขึ้นในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา
โดยอาศัยชื่อเสียงของตราสินค้าของบริษัทฯ ความยืดหยุ่นในการปรับราคาสินค้า นอกจากนี้ SCCC ยังมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งสำหรับธุรกิจในภูมิภาค
โดยเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดและผู้ผลิตปูนเม็ดเพียงรายเดียวในประเทศศรีลังกา
ด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 33 และเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเวียดนามใต้
ด้วยส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 21 ในปี 2562
ผลการดำเนินงานมีความอ่อนไหวต่อราคาพลังงาน
–
EBITDA margin ของบริษัทฯ
มีความอ่อนไหวต่อระดับราคาพลังงาน โดยเฉพาะราคาถ่านหินและค่าไฟฟ้า
ต้นทุนเชื้อเพลิงและไฟฟ้าโดยทั่วไปมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 60 ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ราคาถ่านหินโดยเฉลี่ยในปี 2562 ลดลงจากฐานราคาที่สูงในปี 2561
ฟิทช์คาดว่าราคาถ่านหินจะคงอยู่ในระดับต่ำในปี 2563 ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับบริษัทฯ
การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป
SCCC มีสถานะทางธุรกิจที่ด้อยกว่าบริษัท
ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC (อันดับเครดิตปัจจุบัน
'A+(tha)’ แนวโน้มเครดิตเป็นลบ)
ซึ่งอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เช่นเดียวกัน ในด้านขนาดของธุรกิจ
ด้วยฐานะผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
และการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์และทางธุรกิจที่มากกว่า ทำให้ SCC มีสถานะทางธุรกิจและการเงินที่แข็งแกร่งกว่า
SCCC
และได้รับการจัดอันดับเครดิตที่สูงกว่า
SCCC
หนึ่งอันดับ
ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ
ซึ่งสะท้อนถึงอัตราส่วนหนี้สินที่อยู่ในระดับสูง
อันเป็นผลจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่อ่อนแอลงและแผนการลงทุนขนาดใหญ่
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด
(มหาชน) หรือ CPALL
(อันดับเครดิตปัจจุบัน 'A(tha)’
แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ)
ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีกอาหาร
ที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตในระดับที่เท่ากับ SCCC CPALL มีขนาด EBITDA ที่มากกว่า SCCC มาก และมีสถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งกว่า
โดย CPALL
เป็นผู้นำในธุรกิจร้านสะดวกซื้อของประเทศไทย ดังนั้น CPALL จึงสามารถที่จะรองรับอัตราส่วนหนี้สินในระดับที่สูงกว่า
SCCC
ได้ในอันดับเครดิตที่เท่ากัน
สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ
- รายได้โดยรวมลดลงร้อยละ 4-5 ในปี 2563 โดย ธุรกิจในประเทศไทย รายได้ลดลงร้อยละ 5 (ลดลงร้อยละ 20 ในช่วง 3 เดือนที่สถานการณ์โรคระบาดรุนแรง และไม่มีการเติบโตในช่วง 9 เดือนที่เหลือของปี) และธุรกิจในภูมิภาค รายได้ลดลงร้อยละ 2-5
- รายได้โดยรวมฟื้นตัว ด้วยอัตราการเติบโตของรายได้ ร้อยละ 7-8 ในปี 2564 และร้อยละ 4-5 ในปี 2565 ซึ่งเป็นการฟื้นตัวของธุรกิจในทุกประเทศ
- EBITDA margin ลดลงมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 17.5 ในปี 2563 และฟื้นตัวมาอยู่ที่ระดับร้อยละ 18-19 ในปี 2564
- ค่าใช้จ่ายลงทุนรวม 5.0 พันล้านบาท ในช่วงปี 2563 – 2565
- อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout) อยู่ในระดับร้อยละ 80-85
ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
- แนวโน้มอันดับเครดิตอาจกลับมามีเสถียรภาพได้หาก SCCC มี FFO adjusted net leverage ลดลงมาอยู่ในระดับต่ำกว่า 2.5 เท่า ภายในปี 2564 (ตามตัวเลขประมาณการ)
ปัจจัยลบ:
- การที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ หรือการมีค่าใช้จ่ายลงทุนโดยใช้เงินกู้ในระดับสูง และการจ่ายเงินปันผลจำนวนมาก ส่งผลให้ FFO adjusted net leverage ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่า 2.5 เท่า ณ สิ้นปี 2564 (ตามตัวเลขประมาณการ)
สภาพคล่อง
สภาพคล่องอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้: SCCC มีหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนข้างหน้า นับจาก สิ้นปี 2562 จำนวน 6.2 พันล้านบาท โดยร้อยละ 44 เป็นเงินกู้ยืมระยะสั้นและวงเงินหมุนเวียนที่ใช้สำหรับบริหารเงินทุนหมุนเวียน สภาพคล่องของบริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดในมือจำนวน 4.8 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2562 และความสามารถในการหาแหล่งเงินทุนมาชำระหนี้ โดยอาศัยความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และประวัติที่ดีในการเข้าถึงเงินทุนผ่านตลาดทุนและสถาบันการเงิน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขอวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากสถาบันการเงินจำนวน 3.0 พันล้านบาท บริษัทฯ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 โดยวงเงินดังกล่าวจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัทฯ ในช่วงสามปีข้างหน้า
กลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง LBM ในเครือปูนอินทรีเปิดวิสัยทัศน์ "Innovating Sustainable Building Solutions" ขับเคลื่อนแนวทางวัสดุก่อสร้าง ตอบโจทย์เทรนด์ก่อสร้างยุคใหม่สู่ความยั่งยืน
บริษัท คอนวูด จำกัด ภูมิใจคว้ารางวัล "อุตสาหกรรมสีเขียว" ระดับที่ 4 ปี 2568 จากกระทรวงอุตสาหกรรม
KKP ลงนามความร่วมมือกับ ปูนอินทรี และ เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ หนุนอสังหาฯ ไทย ลดการปล่อยคาร์บอน ปรับตัวสู่ความยั่งยืน
INSEE LBM เปิดตัวนวัตกรรมวัสดุก่อสร้างเพื่ออนาคต ตอกย้ำแนวคิดความยั่งยืนในงาน "สถาปนิก'68"
พฤกษา ผนึก ปูนซีเมนต์นครหลวง ปลดล็อกนวัตกรรมก่อสร้างสีเขียว ตอบโจทย์บ้านคุณภาพยุคใหม่ ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ความร่วมมือครั้งสำคัญ ปูนซีเมนต์นครหลวง ร่วมกับ เอสวีแอล กรุ๊ป ปิดดีลใหญ่ ขนส่งปูนซีเมนต์สู่ภาคใต้
ปูนซีเมนต์นครหลวง จับมือ เอสวีแอล กรุ๊ป ปิดดีลใหญ่ เสริมแกร่งโลจิสติกส์ ขนส่งปูนซีเมนต์สู่ภาคใต้
บี.กริม เพาเวอร์ ลงนาม MOU ปูนซีเมนต์นครหลวง ร่วมพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน พร้อมขับเคลื่อนประเทศด้วยพลังงานสะอาด
บมจ ปูนซีเมนต์นครหลวง ได้รับการรับรองการเป็นสมาชิกแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 ตอกย้ำบริษัทธรรมาภิบาลต้านทุจริตคอร์รัปชัน