วราวุธ ทส เร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ดินชุมชนเมืองระนอง

27 Mar 2020

จากกรณีปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองที่อยู่อาศัยและทำประโยชน์ในที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง  บริเวณพื้นที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง (อบจ.ระนอง) และเทศบาลเมืองระนองขอใช้ประโยชน์เดิม จากกรมป่าไม้ รวม ๓  แปลง  เนื้อที่  ๔๘๔  ไร่ แต่หนังสืออนุญาตได้หมดอายุลง ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 พ.ศ. 2540 และ พ.ศ. 2559 และยังไม่สามารถขอต่ออายุหนังสืออนุญาตได้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นผู้บุกรุกป่า ไม่สามารถทำนิติกรรมใด ๆ  ก่อให้เกิดความเดือดร้อนและส่งผลต่อการดำรงชีวิตของประชาชนจำนวนมาก  จึงมีการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองเรื่อยมา นั้น

วราวุธ ทส เร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาที่ดินชุมชนเมืองระนอง

สำหรับพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองหัวเขียวและป่าคลองเกาะสุย และเป็นพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีที่ปัจจุบันกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นผู้รับผิดชอบแทนกรมป่าไม้  ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลบางริ้นและตำบลเขานิเวศน์  อำเภอเมือง  จังหวัดระนอง เดิมเป็นพื้นที่ป่าชายเลนเสื่อมสภาพที่ผ่านการทำเหมืองแร่มาก่อน โดยในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ อบจ. ระนอง ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ให้นำที่ดินไปจัดให้ราษฎรเช่าอยู่อาศัย และจัดให้เป็นย่านการค้าอุตสาหกรรม  เนื้อที่  ๒๔๒ ไร่ ๒ งาน และในปี พ.ศ. ๒๕๒๙  ได้รับอนุญาตเพิ่มอีก  ๒๒๔  ไร่  ส่วนเทศบาลเมืองระนองได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์  เนื้อ ๑๗ ไร่  ๒  งาน  ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่ชุมชนเมืองเต็มรูปแบบ  ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นมา อบจ. ระนอง ได้พยายามขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามไม่ให้อนุญาตการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนทุกกรณี  แต่ยังไม่เป็นผล เนื่องจากติดเงื่อนไขการจ่ายเงินค่าปลูกป่าทดแทน ๒๐ เท่า ของพื้นที่ขอใช้ประโยชน์  ซึ่ง อบจ. ระนอง  มีงบประมาณไม่เพียงพอที่จะดำเนินการได้

เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑ พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ตรวจราชการในท้องที่จังหวัดระนอง  พร้อมรับฟังปัญหาความเดือดของราษฎรที่อยู่อาศัยและทำประโยชน์ในพื้นที่     ป่าชายเลนที่หมดอายุการอนุญาต  จึงได้สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองโดยเร็ว  โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมือง จังหวัดระนอง ขึ้น โดยมีอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  และผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง  เป็นประธาน  คณะทำงานฯ ดังกล่าว ได้มีมติ  เห็นชอบให้ดำเนินการการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ และส่งมอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการบริหารจัดการตามกฎหมาย สำหรับข้อระเบียบกฎหมายที่ติดขัด  ให้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไปหารือร่วมกับกรมธนารักษ์ ต่อไป  ต่อมาเมื่อวันที่ ๓๐  มกราคม ๒๕๖๓  นายยุทธพล  อังกินันทน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายโสภณ  ทองดี  อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  ได้ประชุมหารือร่วมกับนายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และผู้มีส่วนได้เสียกว่า  ๑๐๐  คน  เพื่อชี้แจงแนวทางการดำเนินการเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองหัวเขียวและป่าคลองเกาะสุย (บางส่วน) เพื่อส่งมอบพื้นที่ให้แก่กรมธนารักษ์นำไปบริหารจัดการตามระเบียบ และล่าสุด เมื่อวันที่  ๑๔  มีนาคม ๒๕๖๓  นายโสภณ  ทองดี  อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  พร้อมด้วยนายอภิชัย  เอกวนากุล  ผู้อำนวยการกองอนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลน  ได้ลงพื้นที่จังหวัดระนองอีกครั้งเพื่อเร่งรัดติดตามการสำรวจรังวัดและสำรวจข้อมูลผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ดังกล่าวของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง  ซึ่ง ได้เน้นย้ำและกำชับให้เจ้าหน้าที่ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ทั้งนี้ ได้รายงานให้นายวราวุธ  ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  รับทราบผลการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวระนอง  พร้อมได้สั่งการให้กรมเร่งรัดดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวระนองให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็วที่สุด ตนจึงได้สั่งหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งแก้ไขปัญหาตามแนวทางที่ได้หารือ ให้สำเร็จลุล่วงโดยเร็ว  “ซึ่งการแก้ไขปัญหานี้จะช่วยปลดล็อคการอยู่อาศัยแบบผิดกฎหมายมานานนับหลายสิบปีของพี่น้องประชาชนชาวระนองให้อยู่อาศัยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและที่สำคัญการพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ เช่น ไฟฟ้า ประปา ถนนหนทาง ตลอดจนการลงทุนต่าง ๆ ก็จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วได้ในอนาคต ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยท่านรัฐมนตรีและท่านปลัดกระทรวง ได้กำชับและเร่งรัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อเป็นของขวัญให้แก่ชาวระนอง” อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวยืนยัน