ซินเน็คฯ พร้อมรับมือกับความท้าทายจากปัจจัยลบต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบในทางลบต่อภาวะเศรษฐกิจ และเดินหน้ารับการฟื้นตัวและโอกาสที่เกิดขึ้นจากการลงทุนในเครือข่าย 5G ที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 หนุนการซื้อสินค้าและเม็ดเงินลงทุนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี 5G ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไอทีซีเคียวริตี้ (IT Security) และ IoT (Internet of Things) รวมถึงการจัดทัพทีมขายรุกขยายฐานลูกค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียล คอนซูเมอร์ และออนไลน์ โฟกัสสินค้ากลุ่มโน๊ตบุ๊ค เกมมิ่งและแก็ดเจ็ตต่าง ๆ รวมถึงอุปกรณ์สื่อสารที่รองรับเครือข่าย 5G ควบคู่กับการขยายงานด้านบริการ หนุนรายได้และกำไรสุทธิสำหรับปี 2563 ให้เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้รวมและกำไรสุทธิเท่ากับ 34,804 ล้านบาท และ 524 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นงวดครึ่งปีหลัง 0.32 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 12 พฤษภาคม 2563 ซึ่งจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2563 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24 เมษายน 2563
คุณทศพร นิษฐานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SYNEX ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอทีชั้นนำระดับโลกหลากหลายประเภท เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2563 นี้ จะมีปัจจัยบวกจากการที่ประเทศไทยเดินหน้าเข้าสู่การพัฒนาเทคโนโลยี 5G โดยผู้ให้บริการเครือข่ายได้ทำการประมูลคลื่นความถี่สำหรับให้บริการไปแล้วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้สินค้าที่เกี่ยวข้องจะได้รับการตอบรับมากขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งรวมไปถึงสินค้าเทคโนโลยีที่ซินเน็คฯ เป็นผู้จัดจำหน่าย ได้แก่ สินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน คลาวด์เซอร์วิส ไอทีซีเคียวริตี้ ไอโอที เกมมิ่งและแก็ดเจ็ตต่าง ๆ โดยซินเน็คฯ ในฐานะดิสทริบิวเตอร์ไอทีรายใหญ่ของประเทศไทย ปัจจุบันได้รับความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 60 แบรนด์สินค้าชั้นนำ ภายใต้คำขวัญ “Synnex as a Service” หรือ “SaaS” ผ่าน 3 แฟลตฟอร์มหลัก ได้แก่ โลจิสติกส์ (Logistics Plus), การบริการหลังการขาย (Services Plus) และการเงิน (Financial Instrument Plus) ทั้งสินค้าสำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร และคอนซูเมอร์ โดยมีช่องทางจัดจำหน่ายครอบคลุมกว่าผู้แทนจำหน่ายกว่า 6,000 ราย ซึ่งจะทำการขยายเพิ่มเติมขึ้น โดยเฉพาะในช่องทางผู้จัดจำหน่ายรายเล็ก และช่องทางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังมีศูนย์บริการหลังการขายกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ และด้วยฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งทำให้ซินเน็คฯ สามารถให้ความยืดหยุ่นและช่วยเหลือด้านการเงินแก่คู่ค้าได้เป็นอย่างดี เป็นการเสริมความแข็งแกร่งผลงานในปี 2563 พร้อมขยายการเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวมในปีนี้
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากหลากหลายปัจจัยลบในช่วงต้นปี 2563 นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุปทานของสินค้าบางแบรนด์ เนื่องจากซินเน็คฯ มีแบรนด์สินค้าชั้นนำที่เป็นตัวแทนจำหน่ายอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถบริหารความเสี่ยงดังกล่าวในระยะสั้นได้เป็นอย่างดี โดยสามารถหันไปเพิ่มยอดขายในสินค้าที่ไม่ได้รับผลกระทบในช่วงระหว่างที่รอให้สถานการณ์ปรับตัวดีขึ้น และอาศัยช่วงเวลานี้ในการบริหารจัดการระดับกำไรขั้นต้น สินค้าคงคลัง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยคาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งหลังของปี
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ได้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานในงวดครึ่งปีหลัง ปี 2562 เพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ 0.32 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 6 มีนาคม 2563 กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 9 มีนาคม 2563 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2563 อนึ่ง บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท ทำให้ทั้งปีซินเน็คฯ จ่ายปันผลรวมในอัตราหุ้นละ 0.47 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ร้อยละ 73.4 ของกำไรสุทธิ ตอกย้ำการเป็นหุ้นปันผลที่ให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นสม่ำเสมอ และตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา
สำหรับ ผลประกอบการประจำปี 2562 ซินเน็คฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 34,804 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 8.88 และกำไรสุทธิอยู่ที่ 524 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 27.38 จากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงรวมถึงต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าบริษัทฯ มีการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากกรณีพิพาททางการค้า ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้ยอดจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปกรณ์สื่อสารปรับตัวลดลงอย่างมาก แม้ว่ารายได้จากการจำหน่ายสินค้ากลุ่มเกมมิ่ง คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊คและรายได้จากการให้บริการมีการเติบโตอย่างมาก นอกจากนี้ รายได้จากการจำหน่ายสินค้ากลุ่มอุปกรณ์มัลติมีเดียและชิ้นส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ก็มีการปรับตัวลดลงจากราคาจำหน่ายต่อหน่วยที่ลดลง เนื่องจากความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน ซึ่งเป็นไปตามวัฏจักรของสินค้าในกลุ่มนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ และผู้ผลิตสินค้าของตราสินค้าในกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารที่ได้รับผลกระทบจากกรณีพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ได้ทำการบริหารจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นร่วมกันอย่างใกล้ชิด ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงตามลำดับในช่วงครึ่งปีหลัง
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ดำเนินมาตรการหลายอย่างเพื่อเพิ่มยอดขายของตราสินค้าอื่นในกลุ่มเดียวกัน รวมถึง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายของตราสินค้ารายใหม่ๆ ในกลุ่มเดียวกันนี้ เพื่อเป็นการลดผลกระทบที่เกิดขึ้น ขณะที่ สินค้าในกลุ่มมัลติมีเดีย และชิ้นส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ได้เริ่มปรับตัวดีขึ้น ในช่วงต้นปี 2563 แล้ว ส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้ากลุ่มองค์ก็ได้ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ
อลิอันซ์ อยุธยา ผนึก ม.มหิดล เปิดเวที "AI Driving the Future" ชี้ทิศทางใหม่ธุรกิจการเงิน-ประกัน ย้ำคนต้องมีทักษะ 3C และปรับองค์กรสู่โมเดล "ทรงเพชร" รับมือยุค AI
สสวท. ร่วมกับ สพธอ. เปิดอบรม AI & Digital Ethics for Educators เสริมทักษะครูไทยใช้ AI อย่างปลอดภัยและมีจริยธรรม
กล้องอัจฉริยะ AUMOVIO ชัดทุกสภาพอากาศ เพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน
เปิดตัว "RAMA" และ "SITA" นวัตกรรมอนุรักษ์นาฏศิลป์ไทยยุคดิจิทัลด้วยเทคโนโลยี Mocap และ MR โดยนักศึกษามหาวิทยาลัยซีเอ็มเคแอล
SCBX คว้า 10 รางวัลด้านทรัพยากรบุคคลระดับภูมิภาคและประเทศ ยกระดับองค์กรสู่ "Best Place to Work" ด้วยนวัตกรรม AI และวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจพนักงาน
รู้จัก AI Microsoft ตัวช่วยองค์กรยุคใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรม
WINMED เปิดตัว "Thermogram" นวัตกรรมคัดกรองมะเร็งเต้านมสุดล้ำครั้งแรกในไทย ปฏิวัติการตรวจด้วย AI แม่นยำ ปลอดภัย พร้อมขับเคลื่อนแคมเปญ "342 Club" ยกระดับการดูแลสุขภาพหญิงไทย
กรมทรัพย์สินทางปัญญา ผนึกกำลัง Google ประเทศไทยหนุนครีเอเตอร์ไทย ใช้ "AI" สร้างสรรค์ผลงานอย่างเข้าใจ "ลิขสิทธิ์"พร้อมเสริมเทคโนโลยีช่วยยกระดับบริการประชาชน
กระทรวงแรงงาน ผนึก ไมโครซอฟท์ เร่งพัฒนาทักษะ AI แรงงานไทย 150,000 คน ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ "ผู้สร้าง" ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล