HTECH ปี 62 มีรายได้รวม 966 ลบ. ไฟเขียวเงินปันผลอีก 0.04 บ./หุ้น ปี 63 ลุยขยายฐานลูกค้า ซื้อหุ้นบริษัทในอเมริกา 80% ใช้งบราว 158 ลบ.

06 Mar 2020

HTECH เดินหน้าขยายธุรกิจปี 63 รับโอกาสจากภาพรวมอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ฟื้น มีการย้ายฐานกำลังการผลิตมายังประเทศไทย ด้านธุรกิจยานยนต์มีการปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ จึงมองสถานการณ์ในประเทศจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตได้เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 2- 3/63 อย่างไรก็ดี เพื่อขยายฐานลูกค้า เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน HTECH ประกาศลงทุนซื้อหุ้นบริษัทในอเมริกา Mastertech Diamond Products Company หรือ MDP โดยซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 80% ใช้งบลงทุนประมาณ 158.28 ล้านบาท หนุนความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรในอนาคต หลังปี 62 มีรายได้รวม 965.81 ล้านบาท กำไร 64.54 ล้านบาท รับผลกระทบอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ และยานยนต์ชะลอตัว พร้อมจ่ายเงินปันผล 0.04 บาท/หุ้น

HTECH ปี 62 มีรายได้รวม 966 ลบ. ไฟเขียวเงินปันผลอีก 0.04 บ./หุ้น ปี 63 ลุยขยายฐานลูกค้า ซื้อหุ้นบริษัทในอเมริกา 80% ใช้งบราว 158 ลบ.

นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH ผู้ประกอบธุรกิจผลิต รับจ้างผลิต และจำหน่ายเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) รายใหญ่ในประเทศไทยและในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยถึง ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2563 ตั้งเป้ารายได้ใกล้เคียงปี 2562 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่บริษัทจะมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้เติบโตขึ้น โฟกัสธุรกิจที่มีอัตรากำไรดี และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จากปี 2562 ได้รับผลกระทบสงครามการค้าสำหรับสหรัฐอเมริกาและจีน การลดของกำลังการผลิตของลูกค้ารายหลักกลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) รวมถึง อุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ชะลอตัวในปีที่ผ่านมา

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสด จากกำไรสุทธิในงวดครึ่งปีหลัง (1 กรกฏาคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562) ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพิ่มอีกในอัตรา 0.04 บาท/หุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 30 เมษายน 2563 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) วันที่ 5 พฤษภาคม 2563 และวันที่จ่ายปันผล วันที่ 20 พฤษภาคม 2563 ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปเรียบร้อยแล้ว จากกำไรสุทธิในงวดครึ่งปีแรก ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในอัตรา 0.04 บาท/หุ้น สนับสนุนให้ทั้งปี 2562 HTECH จ่ายปันผลรวม 0.08 บาท/หุ้น

ในปี 2563 ภาพรวมธุรกิจมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มมีสัญญาณบวกจากลูกค้ามีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นหลังจากช่วงปลายปีจนถึงต้นปีที่ผ่านมานี้ซบเซา และมองว่า ในช่วง 6 เดือนต่อจากนี้ ทั้งลูกค้ากลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) และยานยนต์ จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นตามลำดับ สนับสนุนไตรมาส 2 - ไตรมาส 3 ปีนี้ มีการฟื้นตัว และส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ supply chain จากประเทศจีนมีปัญหา ผู้ผลิตย้ายกลับมาโรงงานที่ประเทศไทย สนับสนุนให้ภาพรวมคำสั่งซื้อในประเทศไทยมีทิศทางเติบโตขึ้น แต่กระทบฐานการผลิตฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ของกลุ่มบริษัทในประเทศฟิลิปปินส์ จึงปรับกลยุทธ์ในการลดเวลาทำงาน ควบคู่การเร่งหาลูกค้าใหม่ๆ สำหรับบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม ปีนี้มองว่ายังมีทิศทางที่ดี จากการลงเครื่องจักรใหม่เพิ่มเติม รวมทั้ง ปีที่ผ่านมามีการส่งบุคคลากรจากบริษัทใหญ่ไปเพิ่ม เพื่อช่วยเรื่องการบริหารจัดการระบบต่างๆ และพัฒนาศักยภาพทางการผลิต สนับสนุนให้ยอดขายโตขึ้นต่อเนื่องในทุกไตรมาส

เพื่อขยายโอกาสใหม่ๆ HTECH ประกาศลงทุนซื้อหุ้นในบริษัท Mastertech Diamond Products Company หรือ MDP โดยซื้อหุ้นสามัญในสัดส่วน 80% จาก Mr. Thomas Frakes และ Mrs. Cynthia Frakes ด้วยมูลค่า 5.28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 158.28 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการยืนยันวันที่ทำรายการ ภายในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ โดยมีเงื่อนไขการชำระเงิน 60% แรกของราคาซื้อ ณ วันที่ทำรายการ และส่วนที่เหลือภายใน 1 ปีหลังจากวันที่ทำรายการ เงินที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้ มาจากเงินกู้ยืมจากธนาคาร และเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ ทั้งนี้ MDP เป็นผู้ผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการหลังการขายสินค้าเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ ประเภท PCD และ PCBN มีกลุ่มลูกค้าอยู่ในอุตสาหกรรมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องบิน อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ รวมไปถึงอุตสาหกรรมหนักในประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศใกล้เคียง

สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับในครั้งนี้ สนับสนุนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น จากการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าไปยังลูกค้ารายใหม่ และพัฒนาการให้บริการในฐานลูกค้าเดิม ยกระดับจากการเป็นตัวแทนจำหน่าย กลายเป็นผู้ผลิตสินค้าเต็มรูปแบบ รวมถึง การเข้าถึงเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ เพิ่มความได้เปรียบในการพัฒนาสินค้า สร้างโอกาสในการขยายกำลังการผลิต และสนับสนุนการเติบโตให้แก่บริษัทฯ ในอนาคต อีกทั้ง ผลตอบแทนจากเงินปันผล เนื่องจาก MDP เป็นบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานประจำปี 2562 เป็นอีกปีที่ท้าทายบริษัทฯ จากปัจจัยภายนอกที่กระทบธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 965.81 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 13.58% และมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 64.54 ล้านบาท มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 51.03 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนราว 70% และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 6.68% และ 5.28% ต่อรายได้รวมตามลำดับ จากภาพรวมได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐอเมริกาและจีน ทำให้อุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ หรือ HDD ที่มีการชะลอการผลิต ลูกค้ารายหลักลดคำสั่งซื้อสินค้า และชะลอแผนการลงทุนขยายกิจการในประเทศเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้รายได้รายได้ในธุรกิจเครื่องมือตัดเฉือนโลหะที่มีลักษณะเฉพาะ (Special Cutting Tools) ของบริษัทย่อยในฟิลิปปินส์ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงการชะลอตัวของบริษัทในประเทศไทย นอกจากนี้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ ชะลอตัวเช่นเดียวกัน ซึ่งลูกค้าในประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวแล้วในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ และคาดจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส 2-3 ปีนี้ ด้านบริษัทย่อยในประเทศเวียดนาม เป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรมยานยนต์เกือบทั้งหมด แต่ยังมีสัดส่วนรายได้น้อย

ในส่วนธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายเครื่องมือในการตัดเฉือนโลหะ มีรายได้จากการซื้อมาขายไปของบริษัทในเครือทั้งในและต่างประเทศซึ่งมีทั้งหมด 5 บริษัท ซึ่งบริษัทย่อยในประเทศมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่บริษัทย่อยในต่างประเทศมีรายได้ลดลง โดยเฉพาะบริษัทย่อยในอินโดนีเซียที่ยอดขายตกลงจากการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารครั้งใหญ่ บริษัทย่อยในสิงคโปร์ และบริษัทย่อยในมาเลเซีย มียอดขายตกลงจากลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ลดลง และค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้การแปลงงบการเงินของบริษัทย่อยในต่างประเทศมีมูลค่าลดลง สำหรับ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์และชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูปต่างๆ ดำเนินงานโดยบริษัท แฮลเซี่ยน เมทอล จำกัด เพื่อผลิตสินค้าส่วนหนึ่งสนับสนุนบริษัทใหญ่ซึ่งมีการผลิตลดลงในช่วงครึ่งปีแรก 2562 ทำให้สามารถขยายการรับงานไปยังลูกค้าภายนอกในช่วงครึ่งปีหลัง และผ่านการทดสอบลูกค้ารายใหญ่ในต่างประเทศ ทำให้มีการส่งมอบงานล็อตใหญ่ สนับสนุนรายได้ในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีที่ผ่านมา

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit