Lone Star Funds เข้าซื้อธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้างของบีเอเอสเอฟ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

          บีเอเอสเอฟและบริษัทในเครือของ Lone Star ซึ่งเป็นบริษัทไพรเวทอิควิตี้ระดับโลก ได้ลงนามในสัญญาเข้าซื้อธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้างของบีเอเอสเอฟ สำหรับราคาซื้อบนพื้นฐานที่ไม่มีเงินสดและไม่มีหนี้สินนั้นอยู่ที่ 3.17 พันล้านยูโร คาดว่าการซื้อขายกิจการจะเสร็จสิ้นใน ไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการอนุมัติขององค์กรด้านการแข่งขันทางการค้าที่เกี่ยวข้อง
          "เป้าหมายของเราคือการหาบ้านใหม่ที่สามารถเพิ่มศักยภาพได้อย่างเต็มที่ให้กับธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้างของเรา" กล่าวโดยซาโอริ ดูบวร์ก คณะกรรมการบริหารของบีเอเอสเอฟ และกำกับดูแลธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง "ภายใต้การดูแลของ Lone Star ทีมงานเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง สามารถมุ่งเน้นสู่เส้นทางการเจริญเติบโตด้วยแนวทางเฉพาะอุตสาหกรรม"
          "ธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้างของบีเอเอสเอฟ เหมาะสมกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรามากและช่วยเสริมการลงทุนของเราในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง" กล่าวโดย โดนัลด์ ควินทิน ประธานภูมิภาคยุโรปของ Lone Star "เราให้ความสำคัญกับความรู้และความสามารถของผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีภัณฑ์ก่อสร้างของบีเอเอสเอฟที่ได้รับการยอมรับทั่วทั้งอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้วยประสบการณ์อันเป็นที่ยอมรับในผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม และการวิจัยและการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เราหวังว่าจะร่วมกันดำเนินการตามแนวทางธุรกิจที่มุ่งเน้นการเติบโตเป็นหลัก"
          ด้วยพนักงานมากกว่า 7,000 คน ธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้างของบีเอเอสเอฟ มีโรงงานผลิตและสำนักงานขายเปิดดำเนินการในกว่า 60 ประเทศและมียอดขายประมาณ 2.5 พันล้านยูโรในปี 2561 การลงนามในสัญญามีผลทันทีในการรายงานของกลุ่มบริษัทบีเอเอสเอฟ ซึ่งมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 โดยยอดขายและรายได้ของแผนกเคมีภัณฑ์ก่อสร้างจะไม่รวมอยู่ในยอดขาย กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) และกำไรจากการดำเนินงาน (EBIT) ก่อนรายการพิเศษของกลุ่มบริษัทบีเอเอสเอฟ ตัวเลขในปีก่อนจะได้รับการปรับปรุงใหม่ (ยอดขายของกลุ่มบริษัทบีเอเอสเอฟในปี 2561 ปรับปรุงใหม่เป็น 60.2 พันล้านยูโร กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในปี 2561 ได้รับการปรับปรุงใหม่เป็น 8,970 ล้านยูโร และกำไรจากการดำเนินงานก่อนรายการพิเศษในปี 2561 ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เป็น 6,281 ล้านยูโร) จนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการ รายได้จะแสดงในรายรับหลังหักภาษีของกลุ่มบริษัทบีเอเอสเอฟ เป็นรายการแยกออกมา ("รายได้หลังหักภาษีจากการเลิกกิจการ")

          เกี่ยวกับ Lone Star 
          Lone Star เป็นบริษัทไพรเวทอิควิตี้ที่ลงทุนทั่วโลกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หุ้น เครดิต และสินทรัพย์ทางการเงินอื่น ๆ นับตั้งแต่ก่อตั้งกองทุนแรกในปี 2538 Lone Star ได้จัดตั้งกองทุนรวมตราสารทุนเอกชน (private equity fund) 20 กองทุนซึ่งมีภาระผูกพันด้านเงินทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 85 พันล้านดอลลาร์ ในฐานะนักลงทุนไพรเวทอิควิตี้ชั้นนำในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง Lone Star มีประสบการณ์อย่างกว้างขวางระดับนานาชาติในอุตสาหกรรมด้วยพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งทั้งในยุโรปและอเมริกาเหนือ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Lone Star สามารถติดตามได้ที่ www.lonestarfunds.com

          เกี่ยวกับบีเอเอสเอฟ
          สำหรับบีเอเอสเอฟ เราสร้างเคมีเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน เราผสานความสำเร็จทางเศรษฐกิจ ร่วมกับการปกป้องรักษาสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม โดยพนักงานจำนวนกว่า 122,000 คนของกลุ่มบริษัทบีเอเอสเอฟทุ่มเททำงานเพื่อความสำเร็จของลูกค้าในแทบทุกอุตสาหกรรมและเกือบทุกประเทศทั่วโลก กลุ่มธุรกิจของ บีเอเอสเอฟประกอบไปด้วย 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเคมีภัณฑ์ กลุ่มแมททีเรียล กลุ่มอินดัสเทรียลโซลูชั่นส์ กลุ่มเทคโนโลยีพื้นผิววัสดุ กลุ่มเคมีเพื่อสุขภาพและโภชนาการ และกลุ่มโซลูชันส์การเกษตร บีเอเอสเอฟมียอดขายมากกว่า 63 พันล้านยูโรในปี 2561 หุ้นของบีเอเอสเอฟได้มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่แฟรงก์เฟิร์ต (BAS) และตราสารทางการเงินอเมริกัน (BASFY) ในสหรัฐฯ ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบีเอเอสเอฟได้ที่เว็บไซต์ www.basf.com
 
 
 

ข่าวบริษัทในเครือ+บีเอเอสเอฟวันนี้

เครือเจริญโภคภัณฑ์ และบริษัทในเครือ ย้ำเจตนารมณ์ "ขับเคลื่อน 28 นโยบายความยั่งยืนด้วยการลงมือทำจริง" เน้นสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกองค์กร ในงาน "ESG Policy in Action" บนเวที GCNT Expo 2025

เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเวที "ESG Policy in Action ขับเคลื่อนไปด้วยกันสู่อนาคตที่ยั่งยืน" ภายในงาน GCNT Expo 2025 พร้อมประกาศเจตนารมณ์อย่างหนักแน่นว่า "ความยั่งยืน" จะไม่อาจเกิดขึ้นได้ หากปราศจาก "การลงมือทำจริง" ในทุกมิติขององค์กร โดยเฉพาะการผลักดัน 28 นโยบายความยั่งยืน ที่ครอบคลุมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ให้แปรเปลี่ยนจากหลักการสู่การปฏิบัติที่จับต้องได้ โดยเชื่อมั่นว่า การจะเป็นองค์กรที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงการมีนโยบายที่ดี แต่ต้องหลอมรวมแนวทางเหล่านั้นเข้าไว้