"ภาคการเกษตรเป็นรากฐานของเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย แรงงานถึงประมาณหนึ่งในสามของประเทศอยู่ในภาคการเกษตร ประมาณ 25 ล้านคน แต่ประสิทธิภาพในการทำการเกษตรของไทยนั้นยังถือว่าต่ำกว่าอีกหลายประเทศส่วนหนึ่งเนื่องจากการขาดแคลนเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้เกิดการพัฒนาภาคเกษตรไทยที่ทันสมัยและยั่งยืน นวัตกรรมจากสตาร์ทอัพเหล่านี้ จะเป็นเครื่องมือและอาวุธสำหรับเศรษฐกิจยุคใหม่ของภาคเกษตรไทยให้พร้อมรับมือโฉมหน้าโลกเกษตรในอนาคตอันใกล้ โดยการดำเนินงานของสตาร์ทอัพจึงเปรียบเสมือนนักรบเศรษฐกิจใหม่ที่จะมีการสร้างสรรค์แนวทางใหม่ๆ มาใช้ในการแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรและสามารถช่วยให้เกษตรไทยมีนวัตกรรมที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน อีกทั้ง สอดคล้องกับนโยบาย BCG model ของรัฐบาล" ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าว
เพื่อเป็นการสนับสนุนนโยบายทางการเกษตรของภาครัฐ มร. จอห์น เครน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนสท์ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "เนสท์มีความภูมิใจอย่างยิ่งในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการเกษตรมาสู่ประเทศไทยร่วมกับ NIA ด้วยเครือข่ายธุรกิจสตาร์ทอัพในกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ทำให้เราสามารถเข้าถึงและทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพระดับโลกและคัดเลือกธุรกิจสตาร์ทอัพ 10 รายที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีเหมาะสมกับประเทศไทยเพื่อเข้าร่วมโครงการ AGrowth ครั้งแรกในประเทศไทย และขอขอบคุณการสนับสนุนด้วยดียิ่งจากพันธมิตรทั้ง 2 องค์กร ได้แก่ บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด และศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ที่เป็นส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งที่ทำโครงการนี้ประสบความสำเร็จ"
ทั้งนี้ ตลอดช่วง 12 สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัดได้ร่วมทำงานกับสตาร์ทอัพ 6 ราย ได้แก่ Poladrone (มาเลเซีย) Hello Tractor (ไนจีเรีย) Cropin (อินเดีย) Agrisource Data (สหรัฐอเมริกา) รวมทั้ง GetzTrac และ Evergrow จากประเทศไทย ในการปรับใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับเกษตรกรไทยและแก้ปัญหาความท้าทายต่างๆ ที่พวกเขาต้องเผชิญในขณะนี้
"ช่วงแรกของการทำงานร่วมกับกลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพรุ่นใหม่จากนานาประเทศถือว่าค่อนข้างท้าทาย แต่ภายหลังไม่นานเรารู้สึกประทับใจที่บริษัทเหล่านี้แสดงถึงความตั้งใจจริงที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรไทยในการพัฒนาผลิตผล ปริมาณการผลิต และรายได้ ตัวอย่างเช่น GetzTrac ผู้ให้บริการระบบจับคู่เพื่อเชื่อมต่อเจ้าของเครื่องจักรกลทางการเกษตรกับเกษตรกรที่ต้องการใช้เครื่องจักรได้มอบส่วนลดสำหรับแพคเกจค่าบริการเก็บเกี่ยวและอัดฟาง ส่งผลให้มีจำนวนผู้จองใช้บริการมากถึง 300 รายต่อปี และเนื่องจากโดยปกติจะต้องใช้เวลาเฉลี่ยในการรอเครื่องจักรเพื่อใช้งานนานถึง 4 วันด้วยบริการนี้ทำให้ชาวนาลดเวลารอได้มากถึง 1,200 วันต่อปี อีกทั้ง ยังช่วยลดความเสียหายที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการเก็บเกี่ยวได้ร้อยละ 10 หรือเป็นจำนวนเงินประมาณ 1.7 ล้านบาท ซึ่งนี่เป็นแค่ตัวอย่างจากการทำนาข้าวเพียงอย่างเดียว" นายสมศักดิ์ มาอุทธรณ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าว
ขณะที่ ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ได้เฝ้าติดตามและทำงานใกล้ชิดกับสตาร์ทอัพที่เน้นด้านการทำเกษตรในเมือง ได้แก่ FoodCube (ออสเตรเลีย) Plant Cartridge (มาเลเซีย) Farmacy (ฮ่องกง) และ Fresh Produce Kings (ประเทศไทย)
รองศาสตราจารย์ ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าคณะที่ปรึกษาศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน กล่าวว่า "ในฐานะที่บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืนในประเทศไทย เราจึงมองหาโอกาสที่จะเติมเต็มวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง และเน้นการทำเกษตรในเมืองที่จะมีบทบาทสำคัญในการทำให้เป้าหมายที่วางไว้ประสบความสำเร็จ การที่ได้มีโอกาสร่วมทำงานในโครงการ AGrowth กับ NIA เนสท์ กรุ๊ป และบริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด รวมทั้งผู้ประกอบการรุ่นใหม่ครั้งนี้ นับว่าเป็นประสบการณ์การทำงานที่มีคุณค่าและสร้างแรงบันดาลใจอย่างมาก นอกเหนือจากการที่เราสามารถลดเวลาและต้นทุนที่บริษัทต้องใช้ในการทำวิจัยและพัฒนาเอง"
จากหลักฐานพบว่าผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เพิ่มขึ้นมีผลต่อวงจรผลผลิตทางการเกษตร ดังนั้น ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนจึงส่งเสริมการทำเกษตรในเมืองให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารสำหรับคนเมืองและผู้พักอาศัยแถบชานเมือง ทางศูนย์ฯ ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ Plant Cartridge จัดทำพื้นที่การเกษตรขนาดเล็กในโครงการบ้านพักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ Aspen Tree ของบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด แต่ยังเป็นการจัดกิจกรรมให้ผู้สูงอายุได้ดูแลพืชผักและมีผักสดรับประทาน นอกเหนือจากการให้บริการการทำเกษตรในเมืองแก่ผู้พักอาศัยในโครงการอื่นของบริษัทฯ อีกด้วย โดยผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงานร่วมกับ Plant Cartridge ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการประหยัดวัสดุอุปกรณ์ในการปลูกถึง 200 เท่า การลดลงของเวลาเตรียมงานร้อยละ 20 ต้นไม้มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นร้อยละ 30 และการลดการใช้น้ำและปุ๋ยถึงร้อยละ 90 นอกจากนี้ บรรจุภัณฑ์ที่ใส่ต้นไม้ยังสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ 100% และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ดังนั้น โครงการ AGrowth จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการพลิกโฉมการเกษตรของประเทศไทย เพื่อช่วยแก้ปัญหาความยากจนในกลุ่มเกษตรกร อีกทั้งเป็นแพลตฟอร์มเชื่อมโยงให้สตาร์ทอัพด้านการเกษตรจากนานาประเทศได้เข้าถึงระบบนิเวศของสตาร์ทอัพไทย รวมถึงจะเป็นตัวเร่งในการสร้างสรรค์สตาร์ทอัพด้านการเกษตรรุ่นใหม่ในประเทศไทยให้มีความหลากหลายและเพิ่มจำนวนมากยิ่งขึ้น
เอ็นไอเอชวนเจาะโมเดลสร้างเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม "นิลมังกร" แปลงร่างคนตัวเล็กให้กลายเป็นฮีโร่ของเศรษฐกิจท้องถิ่นไทย
จุฬาฯ จับมือ NIA ปั้น "ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย" สร้างเวทีบ่มเพาะนวัตกรรมและธุรกิจ Startup จากงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์
เอ็นไอเอ ชวนร่วมออกแบบ "ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัป" หนุนกลไกสนับสนุนธุรกิจกลุ่มเทคฯ อย่างตรงจุด
ครั้งแรกในไทย นวัตกรรมสเต็มเซลล์เพื่ออนาคตสุขภาพสัตว์เลี้ยง
เอ็นไอเอ ผนึกพันธมิตร เปิดพื้นที่ให้ "นวัตกรรุ่นใหม่" โชว์นวัตกรรมสร้างโลกยั่งยืนใน "STEAM4INNOVATOR's Day 9.9"
เอ็นไอเอเปิดฟอรั่มโอกาสเฮลท์เทคไทย พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก 2025
STA รับประกาศนียบัตร SDGs for Climate X Program ตอกย้ำความมุ่งมั่น ESG และนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน
NIA ร่วมกับ ซีพี ซีดดิ้ง โซเชียลอิมแพคท์ ผลักดันผู้ประกอบการไทยสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จับมือสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ลงนาม MOU ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยผ่านนวัตกรรมสร้างสรรค์