บิ๊กบอส "จรีพร" ดอดเก็บหุ้น WHA จำนวน 26.36 ล้านหุ้น ปลุกความเชื่อมั่น ส่งซิก บริษัทฯ เนื้อหอมต่างชาติ เตรียมปักหมุดซื้อที่ดิน มั่นใจ 5 ปี ผลงานโตต่อเนื่อง ขึ้นแท่นผู้นำด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน แบบครบวงจรในอาเซียน

24 Jan 2020
ประธานกลุ่ม WHA Group "จรีพร จารุกรสกุล" ควักเงิน 84.75 ล้านบาท เก็บหุ้น WHA จำนวน 26.36 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 3.32 บาท และ 3.16 บาท สร้างความเชื่อมั่นผู้ถือหุ้นและนักลงทุน ยันปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง ส่งซิกลูกค้ารายใหญ่ต่างชาติ สนใจเซ็นสัญญาซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมฯต่อเนื่อง เหตุหนีสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ขณะที่โครงสร้างพื้นฐาน EEC คืบหน้าชัดเจน พร้อมระบุ มั่นใจ 5 ปี ผลงานทั้ง Group เติบโตโดดเด่นต่อเนื่อง เตรียมแถลงยุทธศาสตร์ปี63 วันที่ 29 ม.ค.นี้ ปูทางสู่การเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงานแบบครบวงจรในอาเซียน
บิ๊กบอส "จรีพร" ดอดเก็บหุ้น WHA จำนวน 26.36 ล้านหุ้น ปลุกความเชื่อมั่น ส่งซิก บริษัทฯ เนื้อหอมต่างชาติ เตรียมปักหมุดซื้อที่ดิน มั่นใจ 5 ปี ผลงานโตต่อเนื่อง ขึ้นแท่นผู้นำด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน แบบครบวงจรในอาเซียน

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 21-22 ม.ค. 2563 ได้ทยอยเข้ามาซื้อหุ้น WHA จำนวน 26.36 ล้านหุ้น ที่ระดับราคา 3.32 บาท และ 3.16 บาท หรือประมาณ 84.75 ล้านบาท ซึ่งการตัดสินใจ ในการเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น และ นักลงทุน หลังจากที่ราคาหุ้นได้มีการปรับตัวลดลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ท่ามกลางกระแสความกังวลต่าง ๆ ที่เข้ามากระทบกับความเชื่อมั่นตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังยืนยันว่าผลประกอบการบริษัทฯมีศักยภาพการเติบโตได้ในระยะยาว ซึ่งบริษัทฯตั้งเป้าอัตราการเติบโตในระยะ 5 ปี (2562-2566) มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตเพิ่มขึ้นของกลุ่มบริษัทฯ ทั้ง 4 ธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม, ธุรกิจโลจิสติกส์, ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

"การเข้าซื้อหุ้น WHA ครั้งนี้ อยากให้เป็นสิ่งสะท้อนว่า ผู้บริหารยังมีความเชื่อมั่นกับทิศทางธุรกิจ ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในช่วงระยะสั้นกลุ่มนักลงทุนจะเกิดกระแสความกังวลเกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทฯ ที่ถูกมองว่า อาจจะได้รับผลกระทบจากกลุ่มทุนต่างชาติชะลอตัดสินใจซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม แต่วันนี้ ในฐานะ Group CEO ขอยืนยันว่า มีกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาเจรจาซื้อที่ดินของบริษัทฯเป็นจำนวนมาก และอยากให้นักลงทุนเชื่อมั่นศักยภาพเติบโตของผลประกอบการบริษัทฯ เพราะที่ผ่านมาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า อัตราการเติบโตของรายได้และกำไรในช่วงอดีตที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกๆปี และมีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกันบริษัทฯมุ่งให้ความสำคัญกับการวางยุทธศาสตร์ในแต่ละธุรกิจ เพื่อช่วยกระจายความเสี่ยง และสร้างโอกาสการต่อยอดการเติบโต ในอนาคต นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ ทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ Group อย่างมีนัยสำคัญ " นางสาวจรีพร กล่าว

สำหรับแนวโน้มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมนั้น โดยส่วนตัวมองว่า ยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีกระแสความกังวลว่านักลงทุนต่างชาติ อาจมีการชะลอการเข้ามาลงทุนในการซื้อที่ดินในเขตนิคมอุตสาหกรรม ในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากความไม่เชื่อมั่นกับแผนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ของรัฐบาล ที่มีมองว่าอาจมีการล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโครงการขนาดใหญ่ ปัจจุบันมีกลุ่มนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ อีกหลายราย ที่ยังคงมีความเชื่อมั่นถึงศักยภาพการเติบโตของประเทศไทย ที่ทยอยเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องโดยจะเห็นได้จากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ส่งมอบที่ดินและโรงงานให้เช่า ให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติรายใหญ่หลายราย ส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากค่าเช่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลบวกกับแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทฯ ให้กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า ต่อไปในอนาคต

"ล่าสุด มีกลุ่มทุนต่างชาติหลายราย อาทิ กลุ่มทุนประเทศจีน ,ไต้หวัน และญี่ปุ่น เข้ามาเยี่ยมชม และ อยู่ระหว่างเจรจาซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมยานยนต์ คอนซูเมอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ แม้ว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จะผ่อนคลายไปบ้าง จากการลงนามข้อตกลงในเฟสแรก แต่เชื่อว่านโยบายการตั้งกำแพงภาษีน่าจะยืดเยื้อต่อไปอีกหลายปี ขณะที่เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างมากในช่วง10 ปีที่ผ่านมา นโยบายทางการจีนสนับสนุนผู้ประกอบการลดลง ส่งผลให้บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่ง ต้องโยกย้ายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในประเทศอาเซียน ซึ่งประเทศไทยนับเป็นหนึ่งในตัวเลือก ระดับอันดับต้นๆ หลังจากโครงสร้างพื้นฐานหลักพัฒนาโครงการ EEC มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมมากขึ้น อาทิ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก และโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 เป็นต้น"

ทั้งนี้ ในวันที่ 29 มกราคม 2563 ทีมคณะผู้บริหารของ WHA Group เตรียมเปิดแถลงแผนยุทธศาสตร์ปี 2563 อย่างเป็นทางการ เพื่อกำหนดนโยบายและแนวทาง ในการขยายและต่อยอดการลงทุนขยายฐานบริการด้านต่าง ๆ ให้ครบวงจรในแต่ละธุรกิจ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงานแบบครบวงจรในอาเซียน