บทสัมภาษณ์ 'มาริโอ้ เมาเร่อ’ กับการกลับมาเล่น ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ในรอบ 6 ปี ในภ.Low Season สุขสันต์วันโสด

31 Jan 2020
- ในฐานะนักแสดงเผลอแป๊บเดียว 12 ปีแล้ว จากภาพยนตร์เรื่องแรก 'รักแห่งสยาม' เป็นอย่างไรบ้างกับตลอด 10 ปี กับอาชีพนักแสดง
บทสัมภาษณ์ 'มาริโอ้ เมาเร่อ’ กับการกลับมาเล่น ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ในรอบ 6 ปี ในภ.Low Season สุขสันต์วันโสด

สำหรับระยะเวลาประมาณ 13 ปีแล้วครับที่ผมอยู่ในวงการแล้ว ก็เป็นเวลาที่ดีครับ แล้วทุกปีมีค่าสำหรับผมมาก ไม่มีปีไหนง่ายเลยครับ มีแต่ประสบการณ์ใหม่ๆ หนังใหม่ๆ ให้เราเล่นตลอดเลย แล้วก็มันสนุกอ่ะครับที่ได้เจออะไรใหม่ๆ ตลอด ได้เรียนรู้ ได้ฝึกสกิลใหม่ๆ เดินขึ้นเขา ลงห้วย ลุยน้ำ ลุยโคลน ลุยอะไรแบบนี้ครับ ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่เราหาซื้อไม่ได้ เราต้องไปลุยเอาเองครับ อย่างตลอดการทำงานผมมักจะได้รับบทที่เป็นดราม่า แอคชั่น จ๋าๆ เลย แต่ดูเหมือนบทบาทที่คนเขาจะชอบผมกัน จะเป็นแนวโรแมนติก-คอมเมดี้มากกว่า อย่างเมื่อก่อนผมเล่นเรื่องสิ่งเล็กเล็ก ที่เรียกว่ารักก็เป็นโรแมนติก-คอมเมดี้ครับ แล้วก็ถัดมาก็จะเป็นพี่มากพระโขนงก็จะเป็นโรแมนติก-คอมเมดี้อีกเช่นกัน แล้วมาถึงเรื่องล่าสุดอย่างเรื่อง Low Season สุขสันต์วันโสด ที่เป็นโรแมนติก-คอมเมดี้อีกครั้งครับ

  • การกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้งระหว่าง 'มาริโอ้' กับ 'เป้ นฤบดี' ผู้กำกับจากสาระแนสิบล้อ และสาระแนเห็นผี เป็นอย่างไรบ้าง?

พี่เป้เป็นผู้กำกับที่น่ารักครับ ผมเคยร่วมงานกับพี่เป้ตั้งแต่เด็กๆ คือ ตั้งแต่อายุ 20 ก็หลายปีแล้วครับ ตั้งแต่สาระแน เมื่อก่อนโอ้ก็จะเล่นบทดราม่าเยอะครับ แต่พี่เป้เป็นคนแรกที่พาผมมาเล่นคอมเมดี้ครับ แล้วก็แกล้งผมตั้งแต่เด็กยันโตเลยครับ พี่เป้เขาจะมีความเป็นธรรมชาติสูงครับ ผมดีใจที่ได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าพี่เป้เขาจะมีวิธีดึงคาแรคเตอร์ออกมาไม่เหมือนใคร แล้วเขาค่อนข้างที่จะปล่อยให้นักแสดงเล่น แต่ว่าเขาก็จะดูและคอยคอมเมนต์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งทำให้เราต้องปรับต้องเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้เข้ากับคาแรคเตอร์มากขึ้นครับ

ผมไม่ได้ร่วมงานกับพี่เป้นานแล้วครับ แล้วพอพี่เป้บอกว่ามีโปรเจกต์เรื่องนี้ไปกับผู้จัดการ ผมและพี่โชก็คุยกัน ก็รู้สึกว่าน่าสนใจตั้งแต่สถานที่ที่เขาจะพากันไปแล้วครับ เขาบอกว่าเป็นที่ๆ สวยมาก แล้วคนไม่ค่อยรู้จักเยอะ เป็นที่ๆ พิเศษแล้วก็ลับๆ หน่อย ซึ่งสวยมากๆ และน่าสนใจตั้งแต่สถานที่แล้ว อีกอย่างก็คือเรื่องของบท ผมค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวพี่เป้อยู่แล้วครับ เพราะว่าเขาจะต้องมีอะไรพิเศษแน่นอน บวกกับมันเป็นหนังที่ผมได้รับบทเป็นคนเขียนบท ซึ่งหา Inspiration ในเรื่องของการเขียนบทแล้วก็บวกกับที่ตัวเองพังด้วย

  • ภาพยนตร์ Low Season สุขสันต์วันโสด เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?

เป็นเรื่องราวของพุธซึ่งเป็นนักเขียนบทหนังสายอินดี้ที่เพิ่งโสดมาหมาดๆ เรียกว่าพังหนักเลย เขาจึงประชดรักหักดิบโดยการรับงานเขียนบทหนังผี เรียกได้ว่ายอมแหกกฏตัวเองเพื่อประชดรัก แต่งานยากของเขาคือต้องเขียนเรื่องผีที่มันต้องแมส(เป็นกระแสนิยม)ให้ได้ ซึ่งพุธเองไม่เชื่อเรื่องผี ไม่เคยเห็นผี เขาจึงต้องออกเดินทางเพื่อไปหาแรงบันดาลใจในการเขียนบทครั้งนี้ และทำให้บังเอิญได้เจอกับหลิน ชาวแก๊งสายโสดคนล่าสุด ที่เพิ่งจะโดนเทแล้วต้องเซมาดอยเพื่อหาทางเยียวยาจิตใจ แต่ที่หนักกว่านั้นคือการที่หลินดันเป็นคนที่เห็นผี! พุธจึงเหมือนได้เจอแหล่งวัตถุดิบชั้นดี ตามติดหลินไม่ห่าง ทำให้ทั้ง 2 คนต้องออกเดินทางไปด้วยกัน ซึ่งก็ไปที่โฮมสเตย์บ้านบนดอย และได้เจอกับเหล่าแก๊งคนโสดอยู่ที่นั่นด้วย เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นโฮมสเตย์หรือแหล่งบำบัดของคนพังกันแน่ เรื่องราวต่างๆ จึงเริ่มต้นขึ้นที่นี่ครับ

  • 'พุธ' คาแรคเตอร์นี้ต้องเป็นคนยังไง?

คาแรคเตอร์พุธ พุธเป็นหนุ่มมาดเซอร์ นักเขียนบทหนังสายอินดี้ ที่ค่อนข้างมีโลกส่วนตัว เก็บความรู้สึกเก่ง มีความละเอียดรอบคอบ และชอบสังเกตผู้คน เทคแคร์ดูแลใส่ใจแบบเงียบๆ และด้วยความเป็นนักเขียนบทจึงมีแฟนเป็นผู้กำกับ แต่รักก็ดันพังไม่เป็นท่า เพราะแฟนทิ้งแล้วไปหาผู้กำกับหนังแมส ทำให้พุธประชดรักโดยการรับงานเขียนบทหนังผีที่ต้องเขียนให้แมส(เป็นกระแสนิยม) เรียกว่ายอมแหกกฏของตัวเองเพื่อต้องการประชดแฟนเก่าล้วนๆ แต่นั่นคือสิ่งที่ท้าทายสำหรับตัวพุธมาก เพราะพุธเป็นคนที่ไม่เห็นผีและไม่เคยเชื่อเรื่องผีเลย

  • โดยปกติจะเห็น 'มาริโอ้' ในบทบาทของความเป็นพระเอกมากๆ แต่ในเรื่อง 'Low

Season' สำหรับบทบาทของ 'พุธ' ค่อนข้างแตกต่างอย่างสิ้นเชิง พี่เป้เขาอยากเห็นโอ้ในรูปแบบคนธรรมดาครับ พัง หรือว่ามีความเป็น Loser ผมเชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีมุมนั้นครับ เพราะพี่เป้บอกว่าผมมีแต่ความเป็นพระเอ้กพระเอก แต่พอมาดูจริงๆ แล้วผมก็มีแววตาของความเป็น Loser แววตาความเป็นพุธอยู่เหมือนกัน เลยอยากให้ผมได้มาลองเล่นบทนี้ ซึ่งปกติจริงๆ ผมก็เป็นเหมือนคนธรรมดาทั่วไปนะครับที่มีอะไรที่ทำไม่สำเร็จบ้าง หรือว่าเราผิดหวังในชีวิตบ้าง ไม่สมหวังกับสิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งเรื่องความรักก็เช่นกันครับ ซึ่งในเรื่อง Low Season รับรองว่าทุกคนจะไม่เคยเห็นผมในคาแรคเตอร์แบบนี้ที่ไหนแน่นอน

  • มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้างสำหรับบทบาทของ พุธ รวมไปถึงสิ่งที่ยากหรือท้าทายสำหรับมาริโอ้ในการสวมบทบาทนี้คืออะไร?

บทพุธจะเป็นคนเขียนบท ซึ่งคนเขียนบทค่อนข้างที่จะเป็นคนที่ลึกซึ้งแล้วก็เป็นคนที่เห็นอะไรค่อนข้างเป็ นมุมกว้าง ตัวพุธผมต้องทำการบ้านคือเขาต้องเป็นคนช่างสังเกต ซึ่งเป็นคนที่เก็บรายละเอียดของคนครับ บทพุธผมก็เลยจะพยายามมองพี่เป้เยอะๆ อย่างผมสังเกตพี่เป้ในกองเขาจะเป็นคนที่จะมองอะไรกว้างๆ แล้วก็จะเก็บรายละเอียด มีอะไรก็จะจดเก็บเอาไว้ ถึงไม่มีกระดาษแต่เขาก็จะจดอยู่ในหัวของเขา แล้วก็รู้สึกว่าคนเหล่านี้ค่อนข้างที่จะเป็นคนแบบติสท์ๆ หน่อย จะพูดอะไรก็พูดน้อยๆ ไม่พูดเยอะเท่าไหร่ แต่ว่าในใจเขาหรือหัวเขาก็คิดอยู่ตลอด มันเลยรู้สึกว่าน่าจะยากสำหรับตัวผมนิดหน่อยครับ

  • ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้เรื่องแรกของโอ้ในรอบ 6 ปี ควงคู่มาด้วยนางเอกสาวหน้าใส 'พลอย-พลอยไพลิน' การทำงานด้วยกันครั้งแรกกับนางเอกน้องใหม่คนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?

น้องพลอย หรือน้องลอยพุย คือเขาเป็นคนที่ครั้งแรกที่ผมเจอ ผมรู้สึกว่าเขาน่ารักครับ จำได้ว่าวันแรกๆ ที่เจอกัน มันจะมีปาร์ตี้รอบกองไฟเลย เขามีความสามารถคือเขาเล่นกีตาร์ได้ เขาร้องเพลงได้ แต่ผมว่าสิ่งที่จะพิสูจน์ตัวน้องพลอยมากๆ เลยก็คือ หนังเรื่องแรก แล้วเขามาเจอ Low Season มันหนักครับ เพราะผมเองเล่นหนังมาเป็น 10 เรื่องก็รู้สึกว่าหนังเรื่องนี้หนัก หนักมากครับ หนึ่งคือสถานที่ถ่ายทำ สองคือบท แล้วก็บรรยากาศทั้งการเดินทางต่างๆ โลเคชั่นที่เราต้องไป ซึ่งมันเหมือนกับเป็นการพิสูจน์กันเองละครับว่าแต่ละคนไหวแค่ไหน แล้วพอเหนื่อยที่สุดเราจะท้อรึเปล่า เราจะวีนเหวี่ยงมั้ย ซึ่งผมก็ไม่เคยจะเห็นน้องพลอยวีนเหวี่ยงเลยครับ เห็นเขามีความสุขกับการเดินไกลมาก และเขาก็ไม่เคยท้อ ก็เลยรู้สึกว่าเขาเป็นนักแสดงที่แกร่งคนหนึ่งเลย ขัดกับลุคส์เขา

  • หลังจากที่ได้ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ไปแล้ว เหมือนกับที่พี่เป้มาทาบทามไว้ไหม?

มันไม่ใช่อย่างที่เขาคุยกับเราไว้เลยครับ คือเขาบอกว่าเป็นหนังรักใสๆ วิวสวยๆ อากาศดีๆ ถ่ายที่เชียงใหม่ แล้วก็สตันท์นี่ ไม่รู้ว่างบหมดหรือยังไงที่จ้างมา เวลาถ่ายนี่สแตนอินไม่มี มันจะมีฉากโหดเลย แบบว่ารถล้มอะไรอย่างนี้ ผมก็สงสารน้องพลอย เพราะว่าหน้าน้องเขาไปปักอยู่ในเลนโคลน แล้วน้องเขาก็กินไปนิดนึงด้วยครับ(หัวเราะ) ผมก็รู้สึกว่าน้องคนนี้เขาสุดยอดจริงๆครับ ส่วนร่องรอยก็มีนะครับ เพราะเขาจะเอาเอฟเฟกต์มาทาที่หัวนมครับ แสบมาก วันนั้นตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกแสบกับหัวนมเท่าเรื่องนี้เลยครับ(หัวเราะ)

  • ฉากที่ยากที่สุดในภาพยนตร์เรื่อง 'Low Season'

มันจะเป็นซีนที่เรียกว่าตลกปนน้ำตาเลยครับ นั่นคือซีนมอเตอร์ไซค์ล้ม ล้มแล้วหน้าน้องพลอยก็เข้าไปแหมะกับโคลน เหมือนว่าจะเป็นโคลนกับน้ำ แบบมันเจ็บมากเลยครับ คือมันก็หัวเราะด้วย แล้วก็ตลกด้วย ใจนึงก็แบบหวาดเสียวอยู่เหมือนกันกลัวน้องจะเป็นอะไร และเป็นซีนที่ต้องถ่ายเทคเดียวแล้วผ่านเลย เพราะว่าถ้าไม่ผ่านรถอาจจะใช้ไม่ได้อีกเลย เพราะสภาพคือพร้อมพังมากครับ (หัวเราะ) แล้วก็กลัวว่านางเอกเราอะไรจะหักไป แบบแขนหัก ขาหักได้ เราก็กลัวครับ ขี่ไปก็กลัว เป็นครั้งแรกครับที่ผมต้องทำให้รถล้มโดยที่มันต้องแบบเทคเดียวเลย ซึ่งมันไม่ได้สองเทคด้วยเพราะว่าเรื่องของเสื้อผ้า เราไม่ได้แบบพกเสื้อผ้าไป 3-4 ชุด ซึ่งมันค่อนข้างยาก แล้วก็กดดันเหมือนกันครับ แต่ก็สนุกมากๆ ครับ

  • แล้วฉากที่ประทับใจมากที่สุดแบบไม่มีวันลืม?

มีซีนหนึ่งนะครับที่มันน่าสนใจมากๆ แล้วบรรยากาศก็สวยไม่แพ้ที่อื่น ตอนที่เราไปต้องทำงานแข่งกับเวลาด้วย เพราะตอนที่ไปถ่ายกับน้องพลอยมันเป็นฉากลับในเรื่องด้วยครับ โอ้ชอบมากครับฉากนั้น โอ้รู้สึกว่ามันค่อนข้างเป็นการทำงานที่แข่งกับเวลา เพราะว่าเราก็ต้องรอให้พระอาทิตย์ตกดินด้วย และก็ต้องรอฟ้าเปิดด้วย อะไรหลายๆ อย่าง จำได้ว่าหนาวมากๆ ถือถุงน้ำร้อน แต่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย จำได้ว่าถุงน้ำร้อนยังเย็นเลยครับ

  • ความสนุกของการรวมตัวกันของแก๊งคนโสด (โฟร์-ศกลรัตน์/นิกกี้-ณฉัตร/โจ๊ก-อัครินทร์/อ้น-ศรีพรรณ)

กับแก๊งคนโสดที่พังๆ กันทุกคนจะสนุกมาก แบบมันมาก เพราะว่าทุกคนรั่วๆ กันหมดเลยครับ มีทั้งพี่โฟร์ที่เราคิดว่าเขาแบบแบ๊วๆ ซึ่งมาเรื่องนี้เขาเต็มที่มากเลยมีนิกกี้ ณฉัตรนะครับซึ่งหยอดเขาทั้งวันเลยครับ หยอดพี่โฟร์ทั้งวัน ก็สนุก มีพี่โจ๊กพี่อ้น ศรีพรรณด้วยครับ พี่อ้นไม่ต้องเป็นห่วงอยู่แล้วครับในเรื่องของความฮา แล้วก็ทุกคนในเรื่องเขาก็มีปมมีอะไรของเขาอยู่แล้ว ทั้งแบบพี่โอมที่เป็นเจ้าของโฮมสเตย์ ดูแกร่งๆ ดูโหดๆ คือเขาก็มีมุมของเขา เขาก็เฮิร์ทหรือเขาก็พังด้วย อย่างพี่โฟร์เขาก็เป็นแอร์โฮสเตสที่เขาเพิ่งโสดใหม่ๆ เลย ส่วนนิกกี้พ่อหนุ่มบาริสต้าผู้ช่ำชอง เอ้ย! ผู้ชอกช้ำจากรักเก่าที่โดนแฟนตัวเองเทใจไปหาเพื่อนสนิทก็โสดมาเหมือนกัน ผมคิดว่า Low Season สุขสันต์วันโสด เป็นอะไรที่คนทั้งโสดและไม่โสดดูได้หมดเลยครับ เพราะเป็นเรื่องราวที่เราทุกคนต่างต้องเคยเจอ

  • เสน่ห์ของภาพยนตร์ Low Season ที่ผู้ชมจะได้เห็น

สำหรับเรื่อง Low Season จริงๆ ก็เป็น Base on true story ครับ อย่างคาแรคเตอร์หลายๆ คนในเรื่อง พี่โจ๊ก ก็คือพี่โอมมีชีวิตอยู่จริงๆ มีตัวตนอยู่จริง แล้วก็อีกหลายๆ คนในนั้นค่อนข้างมาจากชีวิตจริงครับ แล้วก็เรื่อง Low Season บทถูกเขียนมาประมาณ 20-30 ร่าง ใช้เวลา 2-3 ปี ก่อนที่จะมาเป็นบทภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบเรื่องนี้ เพื่อให้คนดูได้อินมากขึ้น แล้วก็เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งคือโลเคชั่นในเรื่อง Low Season ซึ่งไปถ่ายทำในหลายที่มาก แต่ละที่ก็มีความสวยในแบบที่ต่างกัน อย่าง กิ่วแม่ปาน ดอยอินทนนท์ ตรงนี้ถึงแม้ทางขึ้นจะลำบาก แต่ก็คุ้มค่ามากครับที่จะลองขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ข้างบนนั้น ทุกคนจะได้เห็นวิวแบบ 360 องศาท่ามกลางบรรยากาศของป่าหน้าฝน หรืออย่างนาขั้นบันได ต้นข้าวต้นอ่อนเขียวขจีที่กำลังพัดปลิวไปกับสายลมแห่งฤดูฝน ผมรู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ครับ ดูเหงาๆ ดูโรแมนติก แล้วมันก็ดูทรหด แต่สนุกมีความสุขสุดๆ เลยครับ

  • หลังจากที่ได้ไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ มุมมองของมาริโอ้ที่มีต่อ Low Season เปลี่ยนไปไหม?

ผมคิดว่าข้อดีของเราคือได้ไปถ่ายทำในช่วง Low Season จริงๆ ซึ่งเป็นที่ๆ ไม่มีคนเที่ยวเลยในหน้านั้น กลายเป็นว่ามันสวยกว่าเดิมอีกครับ เพราะว่ามันไม่มีคนยืนอยู่เต็มไปหมดเหมือนตอน High Season บรรยากาศเงียบๆ แต่ไม่เหงาท่ามกลางหุบเขา กลายเป็นว่าถ่ายรูปตรงไหน มุมไหนก็สวย แล้วก็รู้สึกว่ามันมีเสน่ห์ในตัวมันเองในช่วงนี้ครับ

  • หลุมหลบพัง(Safe Zone)สำหรับโอ้คือที่ไหน?

ของโอ้คือที่บ้านครับ เพราะว่าเราอยู่กับอะไรที่แบบบรรยากาศที่เรามีความสุข เลยชอบอยู่บ้านครับ

ตัวอย่าง Low Season สุขสันต์วันโสด (Official Trailer) https://youtu.be/XNIHIZt4_6M

บทสัมภาษณ์ 'มาริโอ้ เมาเร่อ’ กับการกลับมาเล่น ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ในรอบ 6 ปี ในภ.Low Season สุขสันต์วันโสด บทสัมภาษณ์ 'มาริโอ้ เมาเร่อ’ กับการกลับมาเล่น ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ในรอบ 6 ปี ในภ.Low Season สุขสันต์วันโสด บทสัมภาษณ์ 'มาริโอ้ เมาเร่อ’ กับการกลับมาเล่น ภาพยนตร์โรแมนติก-คอมเมดี้ในรอบ 6 ปี ในภ.Low Season สุขสันต์วันโสด