การศึกษาต่อต่างประเทศ ถือเป็นความใฝ่ฝันและเป้าหมายทางการศึกษาของเด็กรุ่นใหม่ รวมไปถึงผู้ปกครองที่ต้องการวางอนาคตที่ดีกว่าให้กับบุตรหลาน ปัจจัยในการเลือกสถานที่ศึกษาต่อต่างประเทศมีหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น ระบบและมาตรฐานการศึกษาที่ดี ชื่อเสียงของสถาบันการศึกษา สภาพแวดล้อม ความปลอดภัย วัฒนธรรมความเป็นอยู่ ค่าใช้จ่าย โอกาสในการหางาน และอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม หลังวิกฤติการแพร่ระบาดของCOVID-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลกกำลังเกิดคำถามใหม่ วันนี้ถึงเวลาต้องเพิ่มอีกหนึ่งปัจจัยเข้ามาหรือไม่? โดยเฉพาะปัจจัยที่สะท้อนผ่านการรับมือวิกฤติ COVID-19 ของรัฐบาลประเทศต่างๆ รวมถึงการปรับตัวของภาคการศึกษาและตัวสถาบันการศึกษา เพราะนี่คือปัจจัยสำคัญที่จะใช้รับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่าง“โรคระบาด”ของนักศึกษาไทยในต่างแดนในอนาคต
ไปร่วมถอดบทเรียนการรับมือของภาคการศึกษาและมาตรการดูแลนักศึกษาต่างชาติในช่วงวิกฤติ COVID-19 ของประเทศนิวซีแลนด์ หนึ่งในประเทศที่มีมาตรฐานการศึกษาติดอันดับต้นๆของโลก ว่าเขามีวิธีบริหารจัดการอย่างไร?
จัดระบบเรียนออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
- แม้ว่านิวซีแลนด์จะมีระบบการเรียนออนไลน์มาก่อนเกิดการแพร่ระบาดโรค COVID-19 แต่ในช่วงเกิดการแพร่ระบาดและรัฐบาลมีนโยบายเกี่ยวกับการเรียนออนไลน์โดยมีการจัดมาตรการตั้งแต่ประเทศเข้าสู่ระดับการเตือนภัยระดับ 4 โรงเรียนและกระทรวงศึกษาธิการกำลังทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าผู้เรียนทุกคนในนิวซีแลนด์มีวิธีการเข้าถึงการศึกษาอย่างน้อยหนึ่งวิธี แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีอุปกรณ์หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่บ้าน
- กระทรวงศึกษาธิการนิวซีแลนด์ได้จัดทำเว็บไซต์ขึ้นมา 3 เว็บไซต์ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับนักเรียน ผู้ปกครอง ครูผู้สอนและผู้บริหารโรงเรียน ได้แก่ เว็บไซต์กลาง Learningfromhome.govt.nz เว็บไซต์ภาษาท้องถิ่นสำหรับชาวเมารี และเว็บไซต์แนะนำโปรแกรมและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนทางไกล เพื่อช่วยให้การเรียนออนไลน์มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- โรงเรียนร่วมสร้างแรงจูงใจการเรียนออนไลน์ด้วยการจัดตารางเรียนให้สมดุล แตกต่างจากการเรียนในห้องเรียน มีการเชิญวิยากรจากภายนอก สร้างแรงกระตุ้นให้การเรียนไม่น่าเบื่อ โดยมีการให้คำแนะนำทั้งผู้ปกครองและคุณครู
- กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังได้จัดทำฐานข้อมูลการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตสำหรับการเรียนรู้ของโรงเรียน รวมถึงการจัดหาคอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์แก่โรงเรียนที่ขาดแคลน เพื่อส่งต่อให้กับบักเรียนอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งจัดเตรียมคู่มือออนไลน์ และชุดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทุกคน
- ในกรณีที่นักเรียนไม่มารถเข้าถึงการเรียนออนไลน์ได้ กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทำ Home Learning TV ผ่านช่อง TVNZ โดยนำเสนอการเรียนผ่านช่องการศึกษาระหว่างเวลา 9.00-15.00น. และจัดพิมพ์ชุดสื่อการเรียนรู้ซึ่งส่งไปยังบางครอบครัวที่ลงทะเบียนแจ้งความจำนงไว้กับโรงเรียนต่างๆ ด้วยเช่นกัน
จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือ ดูแลนักศึกษาต่างชาติแบบคนกีวี
นิวซีแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายปลายทางด้านการศึกษานานาชาติชั้นนำของโลก โดยในแต่ละปีประเทศนิวซีแลนด์จะมีนักเรียนนานาชาติกว่า 125,000 คน จากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก รวมถึงนักเรียนไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในนิวซีแลนด์มากกว่า 3,600 คน โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับ 7 ของประเทศที่มีนักเรียนต่างชาติที่ไปเรียนต่อนิวซีแลนด์และเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล สภาพแวดล้อมที่ดีมีความปลอดภัยต่อนักศึกษาต่างชาติ ค่าครองชีพต่ำกว่าประเทศอื่น อีกทั้งนิวซีแลนด์ยังเป็นประเทศแรกที่มีกฎหมายคุ้มครองสำหรับนักเรียนต่างชาติ และการให้ความสำคัญกับการดูแลด้านความปลอดภัย
ในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา รัฐบาลนิวซีแลนด์ ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือความยากลำบากของนักเรียนต่างชาติ เพื่อเสนอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วยเงิน 1 ล้านเหรียญดอลลาร์นิวซีแลนด์ โดยการสนับสนุนเงินช่วยเหลือแก่สถาบันการศึกษาที่รับนักเรียนต่างชาติ เพื่อจัดสรรเงินช่วยเหลือนี้แก่นักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน หรือด้านอื่นๆ เช่น ความช่วยเหลือด้านเงินสด ค่าอาหาร และค่าครองชีพจากผลกระทบของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น.
สถาบันการศึกษาปรับตัวรวดเร็ว ขานรับนโยบาย
นอกจากนโยบายภาพรวมของภาครัฐในการรับมืออย่างเร่งด่วน อีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม คือความรวดเร็ว” ในการ “ปรับตัว” เพื่อรับมือกับปัญหาของตัวสถาบันการศึกษาเอง เพราะเป็นหน่วยงานที่ติดต่อกับนักเรียนโดยตรง นางสาวช่อทิพย์ ประมูลผล ผู้จัดการตลาด หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย ได้ยกตัวอย่างสองโรงเรียน เป็นเคสตัวอย่าง ได้แก่ โรงเรียนมัธยมวายเมีย(Waimea College) และโรงเรียนมัธยมไวนุยโอมาทา (Wainuiomata High School)
โรงเรียนมัธยมวายเมีย (Waimea College) ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมที่ใหญ่ที่สุดในเกาะใต้ของประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งอยู่ในเมืองเนลสัน มีนักเรียนทั้งหมดรวม 1,600 คน และดูแลนักเรียนต่างชาติอยู่ 60 คน (จากประเทศไทย ญี่ปุ่น ฮ่องกง เยอรมนี ออสเตรีย บราซิลและสหรัฐอเมริกา) โดยทางโรงเรียนได้ปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อคุณภาพการศึกษาและไม่ให้การเรียนหยุดชะงักโดยมีมาตรการการดูแลนักเรียน อาทิ
- จัดตั้งการเรียนรู้ระบบออนไลน์อย่างรวดเร็ว หลังรัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ นำโปรแกรมการเรียนรู้บนทีม Microsoft และใช้ Education Perfect และระบบการประชุม “Zoom” สำหรับครูผู้สอน พนักงานผู้ช่วย และนักเรียน พร้อมจัดหาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ ให้กับนักเรียนที่ขาดแคลน เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันเป็นประจำ
- มีทีมงานฝ่ายต่างประเทศ ดูแลนักเรียนต่างชาติ และประชุมสม่ำเสมอโดยใช้ “Zoom” และโทรศัพท์หมายเลขฉุกเฉิน เพื่อการช่วยเหลือเร่งด่วน เพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนต่างชาติทุกคนจะปลอดภัย และได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากอาจารย์ และครอบครัวอุปถัมภ์
- แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คนไทยของทางโรงเรียน “ดร. กันตวัฒน์ (เคย์) สเต็ดดอน” เพื่อให้คำปรึกษากับนักเรียนไทย ผู้ปกครองและเอเย่นต์ ให้สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมงหากมีข้อกังวล นอกจากนี้ยังติดตั้งการสมัครสมาชิก Raz-kids e-book สำหรับนักเรียนไทยและญี่ปุ่น ที่ไม่สามารถเดินทางไปยังโรงเรียนที่นิวซีแลนด์ได้ เนื่องจากการปิดพรมแดนชั่วคราว
- ดูแลทั้งด้านการเงิน และจิตใจ โดยการผ่อนปรนแบ่งจ่ายค่าเล่าเรียน และค่าโฮมสเตย์เต็มรูปแบบตลอดปีการศึกษา (พิจารณาเป็นรายบุคคล) อีกทั้งยังคำนึงถึงด้านจิตใจของนักเรียนที่ ต้องเผชิญกับความยากลำบากในช่วงล็อคดาวน์ โดยการจัดกิจกรรมและส่งเสริมสนับสนุนให้นักเรียนทุกคนมีส่วนร่วม อาทิ การจัดประชุมกลุ่มต่างประเทศออนไลน์ กิจกรรมการใช้ TikTok การแข่งขันการถ่ายภาพ ทำให้นักเรียนหลายคนรู้สึกว่า การใช้เวลากับครอบครัวอุปถัมภ์ในช่วงล็อคดาวน์ช่วยให้พวกเขารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว และได้พัฒนาการสนทนาภาษาอังกฤษของพวกเขาได้
โดย นางสาว จุฬาลักษ์ (เย็น) แขวงแดง นักเรียนไทยของโรงเรียน Waimea ซึ่งได้รับรางวัล ESOL ในวิชาการบัญชี และสถิติ สำหรับการเป็นนักเรียนรู้ที่ดีที่สุดระหว่างช่วงล็อคดาวน์ บอกว่า “ฉันทำได้ดีในวิชาเหล่านั้น เพราะมีเวลามากขึ้น และมีสมาธิในการเรียนที่ดีขึ้นในช่วงล็อคดาวน์ อีกทั้งคุณครูให้การสนับสนุนและให้โอกาสในการโทรถามคำถามบ่อยๆ และจากเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันได้เชื่อมโยงกับเพื่อนๆ ในโรงเรียนผ่านการประชุมกลุ่มต่างประเทศโดยใช้ Zoom และทีมงานระหว่างต่างประเทศของโรงเรียนก็จะตรวจสอบพวกเราอยู่สม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีความเป็นอยู่ที่ดีในช่วงล็อคดาวน์ ฉันได้ใช้เวลากับครอบครัวอุปถัมภ์เพิ่มขึ้น พวกเรามักจะทำอาหารด้วยกัน พ่อแม่ครอบครัวอุปถัมภ์ที่ฉันอยู่ด้วยนั้นยอดเยี่ยมมาก!”
เช่นเดียวกับ นาย ที เซ็นไซ นักเรียนปีที่ 13 อีกหนึ่งนักเรียนไทยในโรงเรียน Waimea เล่าให้ฟังว่า “ผมสนุกกับการเรียนออนไลน์ ชอบทำวิดีโอ TikTok และเข้าร่วมการประชุมกลุ่มโรงเรียนทุกวันศุกร์ ผมคิดว่าโรงเรียนจัดการระบบสอนออนไลน์ได้อย่างดี และผมมีความสุขกับการใช้เวลากับแม่ที่ครอบครัวอุปถัมภ์ ผมว่าผมโชคดีมากที่ได้มีโอกาสอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์ในช่วงระหว่างการแพร่กระจายของโรคโควิด19 ขณะที่เพื่อนคนไทยของผมส่วนใหญ่ที่ไปเรียนประเทศอื่นต้องกลับไปเมืองไทย รัฐบาลนิวซีแลนด์สามารถจัดการสถานการณ์นี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ด้าน โรงเรียนมัธยมไวนุยโอมาทา (Wainuiomata High School) ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา ที่ตั้งอยู่ในเมืองไวนุยโอมาทา แคว้นเวลลิงตัน มีจำนวนนักเรียนทั้งหมด 600 คน และมีนักเรียนนานาชาติรวม 20 คน ในจำนวนนี้เป็นนักเรียนไทย 1 คน ทางโรงเรียนมีแผนการรับมือเป็นขั้นๆ ตั้งแต่เริ่มมีข่าวการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศนิวซีแลนด์และแพร่มายังเมืองเวลลิงตัน และเมื่อรัฐบาลประกาศล็อคดาวน์ประเทศ โรงเรียนก็มีการตอบสนองต่อนโยบายดังกล่าวอย่างทันท่วงทีและสอดคล้องกับแผนหลักของกระทรวงศึกษาธิการฯ โดยปรับเลื่อนการปิดภาคเรียน 1 มาเร็วขึ้น 2 สัปดาห์ และจัดตั้งข้อกำหนดและรูปแบบการดำเนินการที่เรียกว่า“Lockdown Policy” ที่ทีมงานทุกภาคส่วนยึดถือปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งประกอบด้วย:
- ประสานจัดการส่งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปของโรงเรียนให้กับนักเรียนทุกคนที่ไม่มีอุปกรณ์ดังกล่าวของตนเอง เพื่อให้นักเรียนมีความพร้อมสำหรับการเรียนออนไลน์ในช่วงเปิดภาคเรียนที่ 2 ที่จะเริ่มในระหว่างกึ่งกลางล็อคดาวน์
- ให้การดูแลนักเรียนแบบองค์รวมที่เรียกว่า “Pastoral Care” โดยเน้นการติดตามดูแลนักเรียนอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องเป็นพิเศษ แม้ต้องทำผ่านระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ
- Pastoral Care for International Students ประกอบด้วยการทำงานประสานกันอย่างเป็นระบบ 4 ส่วน คือ
a. Student’s Holistic Well-being โดยมี Student Manager เฝ้าดูแลติดตามเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนทุกคนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี แข็งแรง มีความสุข ไม่โดดเดี่ยว ผ่านการแชทและวิดีโอคอลเป็นรายบุคคลกับนักเรียน พร้อมทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับ School Counselor หรือนักจิตวิทยาประจำโรงเรียน พร้อมสร้างกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ออนไลน์ทุกเที่ยงวันพุธ เรียกว่า Wednesday Fun Lunch Meeting ให้นักเรียนต่างชาติทุกคนร่วม Video Meeting เพื่อทำกิจกรรมสนุกๆ
b. Student’s Happy Homestay โดยมี Homestay Coordinator เฝ้าดูแลติดตามประสานงานกับโฮมสเตย์ทุกครอบครัว และจัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ออนไลน์ เช่น What’s Cooking ชวนเหล่าครอบครัวโฮมสเตย์มาแชร์สูตรอาหารและทำอาหารร่วมกันผ่านวิดีโอคอล โดยมีนักเรียนร่วมกิจกรรมด้วย
c. Student’s Academic Achievement โดยมี Assistant International Dean เฝ้าดูแลติดตามนักเรียนเป็นรายบุคคลและรายกลุ่มผ่านการแชทและการวิดีโอคอลเป็นประจำอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้นักเรียนมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลช่วยเหลือเสมอและทันท่วงที หากมีข้อติดขัดสงสัยในการเรียน
- ประสานจัดการให้นักเรียนไทยที่ติดค้างอยู่ในประเทศไทยและยังไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศนิวซีแลนด์ได้ สามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ของโรงเรียนอย่างเป็นระบบร่วมกับนักเรียนอื่นๆ ของโรงเรียน และติดตามดูแลอย่างใกล้ชิดและอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนสามารถเรียนทัน และได้รับการดูแลจากครูที่ปรึกษาและครูประจำรายวิชาทุกคน ที่สำคัญ นักเรียนไทยยังได้รับการดูแลในระบบ Pastoral Care จาก Student Manager ของโรงเรียนซึ่งเป็นคนไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่านักเรียนมีสุขภาพกาย-ใจที่ดี
โดยนางสาวกฤติญา อารักษ์คุณากร อายุ 19 ปี นักเรียนไทย Year 13 ได้กล่าวเสริมว่า“ส่วนตัวรู้สึกว่ารัฐบาลนิวซีแลนด์รับมือกับโควิด-19 ได้ดีมาก ส่วนโรงเรียนก็ให้ความช่วยเหลือเรามากๆ ค่ะ พอดีเรายังติดอยู่เมืองไทย ยังเดินทางกลับไปนิวซีแลนด์ไม่ได้เนื่องจากโควิด-19 แต่เราก็สามารถเรียนออนไลน์ได้ โดยมีคุณครูคนไทย (ครูศิริ – พัทธนันท์ ศิริสิงห์อำไพ) ที่นิวซีแลนด์คอยช่วยเหลือเราในหลายเรื่อง ทั้งออนไลน์มาพูดคุยช่วยให้ไม่เหงา ทั้งช่วยอัพเดพเรื่องเรียนและอื่นๆ ด้วยค่ะ”
ที่กล่าวมาเป็นตัวอย่างเพียงส่วนหนึ่งในการปรับตัวของภาคการศึกษานิวซีแลนด์ ซึ่งจากเหตุการณ์ครั้งนี้ คงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าทำไมนิวซีแลนด์ ถึงเป็นประเทศที่มีระบบการศึกษาอันดับต้นๆของโลก โดยได้รับการจัดอันดับเป็น 1 ใน 3 ของประเทศที่เตรียมความพร้อมนักเรียนสู่อนาคตที่ดีที่สุดในโลก และได้รับการจัดอันดับเป็น 1 จากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จากกรจัดอันดับของ Worldwide Educating for the Future Index 2019 โดยThe Economist Intelligence Unit
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษานิวซีแลนด์ ดูได้ที่ www.studyinnewzealand.govt.nz
31 ส.ค.งานการศึกษานิวซีแลนด์ (NZ Education Fair 2019)
การศึกษานิวซีแลนด์ จับมือ ม.เกษตร กำแพงแสน แนะแนวเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา ได้ทั้งภาษา และความรู้สุขภาพแบบองค์รวม
นิวซีแลนด์อนุมัติวีซ่าให้นักเรียนไทยเพิ่มขึ้น 73%
การศึกษานิวซีแลนด์เชิญนักเรียนไทยเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยหลักสูตรปริญญาโทแบบเร่งรัด
Study Group ร่วมงาน TIECA Study Abroad Fair 2025 พร้อมหนุนหลักสูตร Pathway Program ที่ช่วยให้นักเรียนไทยประสบความสำเร็จในโลกยุค AI