รายงานดัชนีความพร้อมรับมือโรคมะเร็งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก - เผยไทยมีศักยภาพและความพร้อมด้านการวางแผนรับมือโรคมะเร็ง

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

รายงานเรื่อง ความพร้อมเพื่อรับมือกับโรคมะเร็ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก: การขับเคลื่อนสู่มาตรการควบคุมโรคมะเร็งฉบับสากล หรือ Cancer preparedness in Asia Pacific: Progress towards universal cancer control จัดทำโดย The Economist Intelligence Unit และได้รับการสนับสนุนโดยบริษัท โรช จำกัด ได้เผยผลวิเคราะห์ความพร้อมในด้านต่าง ๆ ของ 10 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในการรับมือกับความท้าทายเพื่อดูแลประชาชนและรักษาผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งจะนำไปสู่การผลักดันให้มีมาตรการรองรับและควบคุมฉบับสากล

รายงานดัชนีความพร้อมรับมือโรคมะเร็งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก - เผยไทยมีศักยภาพและความพร้อมด้านการวางแผนรับมือโรคมะเร็ง

รายงานเรื่อง ความพร้อมเพื่อรับมือกับโรคมะเร็ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก: การขับเคลื่อนสู่มาตรการควบคุมโรคมะเร็งฉบับสากล ได้วิเคราะห์ความพร้อมของ 10 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก คือ ประเทศไทย ออสเตรเลีย จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ และเวียดนาม โดยเป็นการสำรวจ เก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ผลโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็งและระบบสาธารณสุขจากระดับภูมิภาค ซึ่งเจาะประเด็นในสามด้านสำคัญ คือ นโยบายและการวางแผน การให้บริการและรักษา และระบบสุขภาพและการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยผลการสำรวจเผยว่า ประเทศออสเตรเลียได้คะแนนรวมสูงสุด ในขณะที่ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 6 จากทั้งหมดสิบอันดับ รายงานดัชนีความพร้อมรับมือโรคมะเร็งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก - เผยไทยมีศักยภาพและความพร้อมด้านการวางแผนรับมือโรคมะเร็ง

ผลสำรวจยังระบุลำดับคะแนนที่น่าสนใจจากกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง (upper-middle income) อย่างประเทศไทยและมาเลเซีย ที่ได้คะแนนด้านมาตรการในวางแผนรับมือกับโรคมะเร็งได้ดีมากจนอยู่ในอันดับต้น ๆ ของดัชนี อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานตามแผนการที่วางไว้อย่างมีประสิทธิภาพยังเป็นปัญหาสำคัญที่หลายประเทศต้องหาทางรับมือ รายงานดัชนีความพร้อมรับมือโรคมะเร็งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก - เผยไทยมีศักยภาพและความพร้อมด้านการวางแผนรับมือโรคมะเร็ง

ดร. ศุลีพร แสงกระจ่าง รองผู้อำนวยการด้านพัฒนาระบบสุขภาพ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ประเทศไทยได้คะแนนสูงอยู่ในอันดับสี่ ของการเป็นประเทศที่มีนโยบายและแผนการเตรียมพร้อมรับมือกับโรคมะเร็งดีที่สุด เมื่อมองลึกลงไปถึงที่มาของคะแนน ไทยยังได้รับคะแนนสูงที่สุดจากการเป็นประเทศที่สามารถดำเนินการตามหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งร่วมกับประเทศออสเตรเลีย เกาหลีใต้และญี่ปุ่น”

ปัจจุบัน โรคมะเร็ง ยังคงเป็นสาเหตุหลักที่คร่าชีวิตของผู้คนจำนวนมากในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีการคาดการณ์ว่า ภายในปี 2573 ภูมิภาคนี้จะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 35 เปอร์เซ็นต์ และมีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์[1] ถึงแม้ว่าจะมีนโยบายการรับมือและสถาบันวิจัยโรคมะเร็งเกิดขึ้นมากมาย แต่อัตราการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นและการตรวจพบโรคมะเร็งเมื่อโรคมีการลุกลามไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายแล้ว ยังเป็นปัญหาสำคัญของเกือบทุกประเทศในภูมิภาค โดยสามอันดับแรกของโรคมะเร็งที่พบผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศไทย เมื่อปี 2561 คือ มะเร็งปอด ตามมาด้วย มะเร็งตับ และมะเร็งเต้านม

ผลสำรวจของประเทศไทย ประจำปี 63

ด้านนโยบายและการวางแผน

ประเทศไทยมีแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติที่เข้มแข็ง ทั้งยังเป็นประเทศที่อยู่อันดับหนึ่งด้านงานวิจัยเรื่องโรคมะเร็งจากการที่มีสถาบันมะเร็งแห่งชาติ มีการสร้างความตระหนักรู้เรื่องการดูแลรักษาสุขภาพและลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายพื้นที่ให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีขั้นตอนการติดตามและประเมินผลของการวางแผนที่มีประสิทธิภาพ

สิ่งที่ประเทศไทยควรให้ความสำคัญมากขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด คือ การสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือกันระหว่างหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางและการจัดสรรงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการสร้างทะเบียนมะเร็งระดับประชากร ซึ่งครอบคลุมสถิติที่เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสำหรับการวางแผนการคัดกรองและรักษาในระยะยาวต่อไป

ด้านการให้บริการและการรักษา

“ประเทศไทยมียารักษาโรคมะเร็งส่วนมากถูกบรรจุเข้าไปในระบบ ทำให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงยาและเบิกค่ายาตามสิทธิที่พึงมีได้ผ่านระบบสาธารณสุข” ดร. ศุลีพร กล่าวเสริม

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาการรักษาให้มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางมากขึ้น โดยปัจจุบันประเทศไทยมีคะแนนด้านนี้อยู่ในลำดับที่ 10 ร่วมกับ อินเดีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยเน้นด้านการทำนโยบายที่ครอบคลุมถึงการติดตามผลระยะยาว การพักฟื้น และการทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการยกระดับประสิทธิภาพให้แก่เครื่องมือทางรังสีวิทยา และเพิ่มจำนวนรังสีแพทย์ด้านมะเร็งวิทยา และบุคลากรสุขภาพด้านอื่น ๆ

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังไม่มีมาตรการเพิ่มเติมสำหรับการตรวจคัดกรองแต่เนิ่น ๆ ทำให้บางครั้งผู้ป่วยพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งเมื่อโรคลุกลามไปมากแล้ว ซึ่งในรายงานได้แนะนำว่า ประเทศไทยควรมีการให้บริการตรวจคัดกรองมะเร็งเบื้องต้น เช่น การตรวจแมมโมแกรม และการตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ ตั้งแต่ในระดับสถานีอนามัย และสร้างความตระหนักด้านการคัดกรองและวิธีการรักษาให้ประชาชนในทั่วทุกพื้นที่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น

ด้านระบบสุขภาพและการสนับสนุนจากรัฐบาล

หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของประเทศไทยได้รับคำชม และเป็นแบบอย่างให้นานาประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในแง่ของการลดค่าใช้จ่ายเพื่อสุขภาพ ลดอัตราการเสียชีวิตในเด็ก ทั้งยังเพิ่มขั้นตอนการรักษาด้วยยาต้านไวรัสและการบำบัดทดแทนไต ทั้งยังลดอุปสรรคในการทำงานเนื่องจากอาการเจ็บป่วย

ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง แต่กลับมีมาตรการการดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง แม้มีทรัพยากรจำกัด และมีคุณภาพเทียบเท่ากับประเทศในกลุ่มที่มีรายได้สูง

นายฟาริด บิดโกลิ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท โรช ไทยแลนด์ พม่า กัมพูชา และลาว กล่าวว่า “สิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมมากยิ่งขึ้นในการรับมือโรคมะเร็ง คือ การสร้างระบบทะเบียนมะเร็งระดับประชากร การกำหนดงบประมาณและค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุข เพื่อลดช่องว่างให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงความต้องการของผู้ป่วยเป็นสำคัญ โดยปัญหาที่ได้ถูกพูดถึงในรายงานนี้ จำเป็นต้องอาศัยการร่วมมือกันของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์ที่ไม่ปกติเช่นนี้ ที่ส่งผลให้งบประมาณด้านสาธารณสุขและการบริการด้านการแพทย์มีค่อนข้างจำกัด”

“โรชมีความตั้งใจที่จะร่วมมือกับรัฐบาลไทย และหน่วยงานด้านสาธารณสุข ในการมุ่งพัฒนานโยบาย รวมไปถึงโครงการทางการแพทย์ เพื่อให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งสามารถเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอย่างยั่งยืน” นายฟาริด กล่าวปิดท้าย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงาน ความพร้อมเพื่อรับมือกับโรคมะเร็ง ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก: การขับเคลื่อนสู่มาตรการควบคุมโรคมะเร็งฉบับสากล ได้ที่ https://worldcancerinitiative.economist.com/cancer-preparedness-asia-pacific    

เกี่ยวกับ โรช

โรช เป็นบริษัทชั้นนำของโลกที่เป็นผู้พัฒนาวิธีการรักษาแบบพุ่งเป้าออกฤทธิ์เฉพาะที่ควบคู่กับการตรวจวินิจฉัยโรค โดยมุ่งเน้นไปที่การผลักดันความเป็นเลิศทางวิทยาศาสตร์เพื่อมอบชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วย การที่โรชผนวกรวมการศึกษาวิจัยทางยาที่ล้ำสมัยเข้ากับการวินิจฉัยโรคภายใต้บริษัทเดียวกัน ทำให้โรชเป็นผู้นำด้านการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญในการมอบการรักษาที่ถูกต้องให้กับผู้ป่วยแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โรช เป็นผู้นำอันดับหนึ่งของโลกในเรื่องเทคโนโลยีชีวภาพ (ไบโอเทค) ซึ่งมีบทบาทที่สำคัญยิ่งในการไขความกระจ่างเรื่องสาเหตุการเกิดโรคในระดับโมเลกุล มีการวิจัยและพัฒนายาในด้านวิทยามะเร็ง ภูมิคุ้มกันวิทยา โรคติดเชื้อ จักษุวิทยา และประสาทวิทยา นอกจากนี้ โรช ยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านงานวินิจฉัยโรคผ่านระบบการตรวจวินิจฉัยโรคในห้องปฏิบัติการ การวินิจฉัยโรคมะเร็งในระดับเนื้อเยื่อ รวมไปถึงการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และระบบบริหารจัดการการดูแลภาวะเบาหวาน

ก่อตั้งขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2439 โรช มุ่งมั่นในการคิดค้นหนทางในการป้องกัน วินิจฉัย และรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไปพร้อม ๆ กับมีส่วนร่วมในการสร้างความยั่งยืนให้กับผู้คนในสังคม บริษัทยังมุ่งเน้นในการเข้าถึงนวัตกรรมความเป็นเลิศของยารักษาโรคและยกระดับชีวิตของผู้ป่วย โดยการทำงานร่วมกับพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ปัจจุบัน มียาจำนวน 30 ชนิดที่พัฒนาขึ้นโดยโรชที่ได้รับการบรรจุอยู่ในรายการยาจำเป็นที่แนะนำโดยองค์การอนามัยโลก (World Health Organization Model Lists of Essential Medicines) เช่น ยาปฏิชีวนะรักษาชีวิต, ยาต้านมาลาเรีย และยาเคมีบำบัด เป็นต้น โรชยังได้รับการยอมรับให้เป็นบริษัทที่มีความยั่งยืนในอุตสาหกรรมยา จาก ดัชนีชี้วัดความสำเร็จขององค์กรที่ยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices) เป็นระยะเวลากว่า 10 ปีติดต่อกัน

สำนักใหญ่ของ โรช กรุ๊ป ตั้งอยู่ที่ บาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และมีสำนักงานตั้งอยู่มากกว่า 100 ประเทศ ในปี พ.ศ. 2560 โรช มีพนักงานกว่า 98,000 คนทั่วโลก และในปีเดียวกัน โรช ได้ลงทุนให้กับการวิจัยและพัฒนาไปกว่า 11.7 พันล้านฟรังก์สวิส และมียอดจำหน่ายถึง 61.5 พันล้านฟรังก์สวิส นอกจากนี้ โรชยังได้ผนวกรวมเจเนนเทคในสหรัฐฯ เข้ามาเป็นสมาชิกในกลุ่ม โรช กรุ๊ป และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของชูไกในญี่ปุ่น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.roche.com


ข่าวThe Economist+เอเชียแปซิฟิกวันนี้

การศึกษานิวซีแลนด์ตอบโจทย์ทั้งเด็กเล็ก-เด็กโตสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต เปิดโอกาสให้ไปเรียนได้ง่ายขึ้นด้วยทุนตั๋วเครื่องบินและปริญญาตรีไฮบริดเริ่มเรียนที่ไทย

ปัจจุบันนิวซีแลนด์เป็นทางเลือกใหม่ในลำดับต้นๆสำหรับการไปเรียนต่อต่างประเทศ ด้วยระบบการศึกษาที่เปิดกว้างและมีคุณภาพติดอันดับต้นๆของโลก ตอบโจทย์ทั้งเด็กเล็ก และเด็กโต ผู้คนเป็นมิตร ปลอดภัย สภาพแวดล้อมเอื้อต่อการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยนิวซีแลนด์ทุกแห่งติดอันดับ 3 เปอร์เซ็นต์ของโลก และได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 จากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก จาก The Economist Intelligence Unit เป็นเวลา 3 ปีซ้อน พร้อมต้อนรับนักเรียนไทยด้วยการมอบทุนตั๋วเครื่องบินให้กับนักเรียนไทยที่เคยไปเรียนระยะสั้นที่นิวซี

Economist Impact and Infosys Launch the Value Chain Navigator to Help Businesses Manage and Mitigate their Scope 3 Emissions

The Value Chain Navigator helps companies transition to a more sustainable future Survey shows only 53% of companies are collecting and monitoring scope 3 emissions data...

"Passion for a Sustainable Future", a sho... Yili Wins 2023 Odyssey Award for "Best Corporate Sustainability Film" in Cambridge — "Passion for a Sustainable Future", a short film co-produced by Yili ...

The Economist Group launches Economist Impact

The Economist Group has today announced the launch of Economist Impact a business which will partner with leading corporations, governments and nonprofits to deliver positive societal change. In a unique offering, Economist Impact brings together a 75...

The Economist Group เปิดตัวธุรกิจใหม่ Economist Impact

The Economist Group ได้ประกาศเปิดตัว Economist Impact ในวันนี้ ซึ่งเป็นธุรกิจที่จะร่วมมือกับองค์กร หน่วยงานรัฐบาล และองค์กรไม่แสวงผลกำไรชั้นนำ เพื่อมอบการเปลี่ยนแปลงที่ดีต่อสังคม Economist Impact นำเสนอบริการอันเป็นเอกลักษณ์ ...