โรงพยาบาลหัวเฉียวแนะ ฮีทสโตรก.. อันตรายช่วงหน้าร้อน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดและอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน หากร่างกายเราปรับตัวไม่ทันอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยจากภาวะอากาศร้อนได้  ซึ่งมีได้ตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรงขั้นเสียชีวิตเลยทีเดียว  หนึ่งในอาการเจ็บป่วยที่เกิดจากสภาพอากาศร้อนจัด แต่มีคนพูดถึงกันน้อยทั้งที่เป็นโรคที่มีความรุนแรงสูง คือ โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือ โรคลมแดด ภัยเงียบที่หน้ากลัวที่สามารถเกิดขึ้นกับทุกเพศทุกวัย เราจึงไม่ควรละเลยและเตรียมพร้อมรับมือกับโรคนี้    

โรงพยาบาลหัวเฉียวแนะ ฮีทสโตรก.. อันตรายช่วงหน้าร้อน

แพทย์หญิงพรพนิต ชินพิริยะ แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน ศูนย์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลหัวเฉียว ได้กล่าวว่า อาการที่เกิดจากภาวะอากาศร้อนนั้นมีได้ตั้งแต่เล็กน้อย เช่น    

  • อาการบวมมือและเท้า (Heat edema) ซึ่งเกิดจากอากาศร้อนทำให้เส้นเลือดส่วนปลายขยายตัว การไหลเวียนเลือดกลับสู่หัวใจลดลง รักษาโดยการยกขาสูงและหลีกเลี่ยงอากาศร้อน ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายได้เอง โดยผู้ป่วยต้องไม่มีอาการหอบเหนื่อยร่วมด้วย  
  • อาการผดร้อน (Prickly Heat) ผดมีลักษณะเป็นตุ่มแดงร่วมกับมีอาการคันเด่น เกิดจากต่อมเหงื่อมีการอุดตัน วิธีการป้องกันคือสวมใส่เสื้อผ้าที่โปร่งสบาย หลีกเลี่ยงอากาศร้อน สามารถรับประทานยาแก้แพ้ได้ถ้ามีอาการคันร่วมด้วย  
  • อาการตะคริว (Heat cramps) เป็นอาการเกร็งของกล้ามเนื้อตามร่างกาย พบบ่อยบริเวณน่องขา เกิดจากมีภาวะสูญเสียน้ำและโซเดียมออกจากร่างกายทางเหงื่อ มักพบในนักกีฬาที่ออกกำลังกายหรือคนที่ทำงานกลางอากาศร้อนจัดต่อเนื่องยาวนาน การรักษาคือการดื่มน้ำเกลือแร่ชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไป และพักการทำงานหรือออกกำลังกายจนอาการทุเลา

โรคที่มีความรุนแรงมากขึ้นได้แก่

  • โรคเพลียความร้อน (Heat Exhaustion) ผู้ป่วยจะมีอาการ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ เป็นตะคริว อาจมีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นได้ แต่ไม่เกิน 40 องศาเซลเซียส การรักษาคนไข้กลุ่มนี้คือ นำผู้ป่วยออกจากอากาศร้อน ให้อยู่ในที่อากาศถ่ายเท ควรได้รับการรักษาโดยการให้สารน้ำที่มีเกลือแร่ทดแทน กรณีที่มีอาการมากอาจจำเป็นต้องให้สารน้ำและเกลือแร่ทางเส้นเลือดดำ ที่สำคัญคือโรคเพลียความร้อนนี้ หากไม่ได้รับการรักษาจะดำเนินโรคเป็นโรคลมแดด ซึ่งมีความรุนแรงสูงได้
  • โรคฮีทสโตรก (Heat Stroke) หรือ โรคลมแดด จัดเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงมากถึง 30 – 80 % เป็นโรคที่เกิดจากร่ายกายได้รับความร้อนมากเกินไปและไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน ทำให้อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายมีการทำงานผิดปกติไปจนถึงทำงานล้มเหลว อาการหลักของผู้ป่วยกลุ่มนี้ คือ อุณหภูมิแกนกลางร่างกายสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส ร่วมกับมีอาการทางระบบประสาท โดยผู้ป่วยบางรายอาจไม่พบเหงื่อออกเลย หรือพบเหงื่อออกปริมาณมากได้ อาการทางระบบประสาทที่พบ ได้แก่ เดินเซ สับสน กระสับกระส่าย ชักเกร็งกระตุก อ่อนแรง ไปจนถึงหมดสติ โดยกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อโรคฮีทสโตรก ได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กอายุน้อยกว่า 4 ปี อาชีพที่ต้องทำงานกลางแจ้งในอากาศร้อนต่อเนื่อง คนที่มีโรคเรื้อรัง คนที่ดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงคนที่เคยอยู่ในประเทศอากาศหนาวและต้องเดินทางมาที่ประเทศที่มีอากาศร้อนมาก เป็นต้น ตัวอย่างของโรคฮีทสโตรกที่มักถูกพูดถึงคือ ทหารเกณฑ์ที่วิ่งกลางแจ้งเป็นเวลานานโดยไม่ได้พัก ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้และต้องอยู่ในอากาศร้อนต่อเนื่องยาวนาน เป็นต้น

การปฐมพยาบาลในผู้ป่วย 2 กลุ่มหลังคือ การนำผู้ป่วยออกจากอากาศร้อนทันที พาผู้ป่วยไปอยู่ในที่อากาศถ่ายเทสะดวก ให้นอนพื้นราบ ปลดเสื้อผ้าออก ใช้ผ้าชุบน้ำวางบนร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณข้อพับต่างๆ กรณีผู้ป่วยมีอาการทางระบบประสาทร่วมด้วยและสงสัยว่าเป็นโรคฮีทสโตรก ควรโทรแจ้งรถพยาบาลฉุกเฉินออกรับหรือรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที      

ศูนย์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลหัวเฉียว มีทีมแพทย์ พยาบาลและบุคลากรฉุกเฉินที่ได้รับการฝึกอบรมด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน มุ่งมั่นให้การดูแลผู้ป่วยด้วยคุณภาพมาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยเป็นสำคัญ พร้อมทีมกู้ชีพช่วยเหลือ มีบริการรถ Mobile ICU เพื่อรองรับผู้บาดเจ็บ ผู้ป่วย หรือสถานการณ์ฉุกเฉิน ตลอด 24 ชั่วโมง สายด่วนศูนย์หัวเฉียวพิทักษ์ชีพ โทร. 081-870-3538-40


ข่าวโรงพยาบาลหัวเฉียวแนะ+โรงพยาบาลหัวเฉียววันนี้

โรงพยาบาลหัวเฉียว จัดการบรรยายวิชาการเรื่อง "วางแผนการดูแลล่วงหน้า"

โรงพยาบาลหัวเฉียว ร่วมกับ ชีวามิตร จัดการบรรยายวิชาการเรื่อง "วางแผนการดูแลล่วงหน้า" โดยวิทยากร นพ.ภิญโญ ศรีวีระชัย (ที่ 5 จากขวา) แพทย์ด้านการดูแลแบบประคับประคอง จากศูนย์บริรักษ์ โรงพยาบาลศิริราช เพื่อให้ความรู้แก่แพทย์ พยาบาล และสหทีมสาขาวิชาชีพ ในการรักษาดูแลกลุ่มผู้ป่วยและครอบครัว โดยมีผู้บริหารโรงพยาบาลหัวเฉียว พญ. มนนภา ขุนณรงค์ (ที่ 4 จากขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ 1 และนพ.สุรพงษ์ วรสุวรรณรักษ์ (ที่ 6 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ 2 พร้อมคณะผู้บริหาร แพทย์ พยาบาลและทีมสหวิชาชีพ

ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ (ที่ 8 จากขวา) ประ... โรงพยาบาลหัวเฉียว รับมอบเงินบริจาค 3,000,000 บาท — ดร.สุทัศน์ เตชะวิบูลย์ (ที่ 8 จากขวา) ประธานกรรมการ บริษัท ปัญจพล ไฟเบอร์ คอนเทนเนอร์ จำกัด นายสำเริง...

ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหาย... เสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ด้วยวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ High Dose — ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง สำหรับผู้ท...

นพ.พลากร เลิศศักดิ์วรกุล อายุรแพทย์เฉพาะท... ระวัง ! อาการเริ่มต้นของโรคพาร์กินสัน — นพ.พลากร เลิศศักดิ์วรกุล อายุรแพทย์เฉพาะทางระบบประสาทและสมอง ศูนย์สมองและระบบประสาทโรงพยาบาลหัวเฉียว กล่าวว่า ...

โรคไข้หวัดใหญ่กลับมาระบาดในทุกปี ซึ่งอาจม... สร้างเกราะป้องกันให้ร่างกาย ด้วยวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และ 39 — โรคไข้หวัดใหญ่กลับมาระบาดในทุกปี ซึ่งอาจมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เ...

พญ. มนนภา ขุนณรงค์ (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่าย... โรงพยาบาลหัวเฉียว รับรางวัล "Muang Thai Life Assurance Hospital Awards 2024" — พญ. มนนภา ขุนณรงค์ (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลหัวเฉียว รับรางว...

การตรวจหาแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (CT Cal... ดูแลหัวใจของคุณ.. ก่อนเกิดภาวะฉุกเฉิน ด้วยการตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ — การตรวจหาแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (CT Calcium Score) เป็นการคัดกรองความเสี่ยงโ...

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เชื่อ... โรงพยาบาลหัวเฉียวแนะ.. เทคนิคดูแลตัวเองง่ายๆ ในวันที่ต้องอยู่บ้าน — ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 เชื่อว่าหลายๆ ท่านอยากมีสุขภาพดี ไม่ป่วยง่ายๆ เราม...