อะโดบีเผยดัชนีดิจิทัลอีโคโนมีเป็นครั้งแรก

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ดัชนีใหม่ที่ชี้วัดดิจิทัลอีโคโนมีแบบเรียลไทม์: โควิด-19 ดันยอดขายพุ่ง ทั้งอีคอมเมิร์ซ และการสั่งออนไลน์และรับสินค้าที่หน้าร้าน (BOPIS)    

อะโดบีเผยดัชนีดิจิทัลอีโคโนมีเป็นครั้งแรก

อะโดบี (Nasdaq:ADBE) เปิดเผยข้อมูลดัชนีดิจิทัลอีโคโนมี (Adobe Digital Economy Index) ซึ่งนับเป็นดัชนีที่ชี้วัดดิจิทัลอีโคโนมีในแบบเรียลไทม์เป็นครั้งแรก โดยได้ทำการวิเคราะห์ธุรกรรมออนไลน์หลายล้านล้านรายการ ครอบคลุมสินค้ากว่า 100 ล้านรายการใน 18 หมวดหมู่  ดิจิทัลอีโคโนมีมีการเติบโตในอัตราที่รวดเร็วกว่าเศรษฐกิจโดยรวมเป็นอย่างมาก และมีความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจทั่วโลกต้องรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และเอาตัวรอดโดยอาศัยช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก เมื่อมองภาพรวมอย่างกว้างๆ จะเห็นว่าดิจิทัลอีโคโนมีมีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบติดตามราคาสินค้าทางออนไลน์และยอดใช้จ่ายที่แท้จริงอย่างถูกต้องแม่นยำ เพื่อให้เข้าใจแนวโน้ม และคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมและประเทศต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น    

ดัชนีดิจิทัลอีโคโนมีของอะโดบีดำเนินการโดยระบบ Adobe Analytics และอ้างอิง “ตะกร้าสินค้าดิจิทัลสำหรับผู้บริโภค” (Digital Consumer Shopping Basket) ซึ่งวัดยอดขายสินค้าและบริการออนไลน์ โดยครอบคลุมการซื้อผ่านช่องทางดิจิทัลที่เพิ่มขึ้น 20% ซึ่งหมายถึงการที่ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้มากขึ้นด้วยจำนวนเงินที่เท่าเดิมตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา  ยอดขายสินค้าบางหมวดหมู่ เช่น ของชำ ยาแก้หวัด อุปกรณ์ออกกำลังกาย และคอมพิวเตอร์ เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่ยอดการสั่งออนไลน์และรับสินค้าที่หน้าร้าน (Buy Online, Pickup In-Store - BOPIS) ก็เพิ่มขึ้นถึง 62%

ข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจมีดังนี้:

ระบบดิจิทัลผลักดันพฤติกรรมการซื้อรูปแบบใหม่: สินค้าบางหมวดหมู่มีส่วนแบ่งที่มากกว่าในตะกร้าสินค้าดิจิทัล ขณะที่หมวดหมู่อื่นๆ ไม่ได้รับความนิยม สินค้าของชำมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 8% ในช่วงสามปี  ส่วนสินค้าเครื่องแต่งกายเข้าสู่ตลาดดิจิทัลตั้งแต่ช่วงแรกๆ และมีส่วนแบ่งธุรกรรมออนไลน์เพิ่มขึ้นจาก 21% เป็น 23% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา  ในทางกลับกัน คอมพิวเตอร์มีส่วนแบ่งลดลงจาก 21% เหลือเพียง 8% เนื่องจากอุปกรณ์มือถือได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น    

การซื้อผ่านระบบดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง: ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าออนไลน์ในราคาที่ถูกลงอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคมีอำนาจการซื้อผ่านระบบดิจิทัลเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 20% นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา กล่าวคือ เงิน 1 ดอลลาร์ในปัจจุบันสามารถซื้อสินค้าที่จะต้องใช้เงิน 20 ดอลลาร์ในการซื้อเมื่อปี 2557 ขณะเดียวกัน สำหรับการซื้อสินค้าแบบออฟไลน์ เงิน 1 ดอลลาร์ในปัจจุบันสามารถซื้อสินค้าที่มีราคาเพียง 88 เซ็นต์เมื่อปี 2557  อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดการณ์ว่าผู้บริโภคจะหันไปซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจแบบออฟไลน์และออนไลน์ผนวกรวมเข้าด้วยกัน รวมถึงราคาสินค้าด้วยเช่นกัน    

โควิด-19 ดันยอดขายอีคอมเมิร์ซพุ่ง: ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 ถึง 11 มีนาคม 2563 ยอดขายสินค้าหลายรายการเพิ่มขึ้นอย่างมาก เช่น เจลล้างมือ ถุงมือ หน้ากากอนามัย และสเปรย์ฆ่าเชื้อ มียอดขายเพิ่มขึ้น 807% ส่วนยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งยา (เช่น ยาแก้หวัด ยาลดไข้ ยาแก้ปวด) มียอดขายเติบโต 217%  ขณะที่กระดาษชำระมียอดขายเพิ่มขึ้น 231%  ส่วนยอดขายอาหารกระป๋องและอาหารที่เก็บได้นานเพิ่มขึ้น 87%  นอกจากนี้ ผู้บริโภคจำนวนมากในสหรัฐฯ เก็บตัวอยู่ในบ้านตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดสั่งซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย (เช่น เคตเทิลเบล ดัมบ์เบล จักรยานออกกำลังกาย และลู่วิ่ง) มียอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้น 55% และคอมพิวเตอร์ (เดสก์ท็อปและแล็ปท็อป) มียอดเพิ่มขึ้น 40% ตามลำดับ  สินค้าของชำโดยรวมมียอดขายออนไลน์ต่อวันเพิ่มขึ้น 100% ในช่วงวันที่ 13-15 มีนาคม ขณะที่ยอดสั่งซื้อแบบสั่งออนไลน์และรับสินค้าที่หน้าร้าน (BOPIS: Buy Online Pick Up In Store) ในช่วงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ถึง 21 มีนาคม เพิ่มขึ้น 62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว    

นวัตกรรมใหม่ๆ ผลักดันให้ราคาสินค้าทางออนไลน์ลดลง: หมวดหมู่สินค้าที่มีการออกสินค้ารุ่นใหม่มากที่สุด (SKU ใหม่) ในแต่ละปี (อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ ทีวี) มีราคาลดลงทางออนไลน์ ขณะที่อำนาจในการซื้อของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อโดยรวมในสหรัฐฯ ลดลง ตัวอย่างเช่น ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่จำหน่ายผ่านทางออนไลน์ลดลงกว่า 40% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา  ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 ถึงกรกฎาคม 2560 ภาวะเงินฝืดในระบบออนไลน์ทำให้อำนาจการซื้อผ่านทางดิจิทัลเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย9% ต่อปี แต่ผู้บริโภคเริ่มหันไปซื้อสินค้าและบริการที่ไม่ค่อยมีนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น สินค้าของชำ และเฟอร์นิเจอร์ ส่งผลให้ภาวะเงินฝืดทางออนไลน์และอำนาจในการซื้อมีการเติบโตที่ชะลอตัวลง โดยเพิ่มขึ้นเพียง 2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า  เนื่องจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์เริ่มขยายตัวครอบคลุมสินค้าทุกประเภท ไม่ใช่แค่เฉพาะสินค้าที่เป็นนวัตกรรม ดังนั้นข้อได้เปรียบทางด้านราคาสำหรับการสั่งซื้อทางออนไลน์จึงมีแนวโน้มลดลง

ตะกร้าสินค้าดิจิทัลใหม่สำหรับผู้บริโภค

ส่วนแบ่งของยอดขายออนไลน์ในสหรัฐฯ ประกอบด้วย เครื่องแต่งกาย (ส่วนแบ่ง 23%), อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (16%), บ้านและสวน (12%), คอมพิวเตอร์ (8%), ของชำ (8%), เครื่องมือปรับปรุงบ้าน (5%), เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (4%), ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว (4%), ดอกไม้และของขวัญที่เกี่ยวข้อง (3%), เครื่องใช้สำนักงาน (3%), สินค้าประเภทกีฬา (2%), หนังสือ (2%), เครื่องประดับ (2%), เฟอร์นิเจอร์และเครื่องนอน (2%), ผลิตภัณฑ์และอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง (2%) และของเล่นและเกม (2%)  ส่วนสินค้าประเภทยาที่ไม่ต้องมีใบสั่งยาและอุปกรณ์และวัสดุทางการแพทย์มีส่วนแบ่ง 1% เท่ากัน

ระเบียบวิธีที่ใช้ในการศึกษา

ดัชนีดิจิทัลอีโคโนมีของอะโดบี (Adobe Digital Economy Index) ให้ข้อมูลเชิงลึกที่ครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุด โดยอ้างอิงข้อมูลวิเคราะห์จากการเยี่ยมชมไซต์ต่างๆ กว่าหนึ่งล้านล้านครั้ง และสินค้ากว่า 100 ล้านรายการ  ระบบ Adobe Analytics ตรวจสอบธุรกรรมจากผู้ค้าปลีกออนไลน์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ 80 รายจากทั้งหมด 100 ราย ซึ่งมากกว่าบริษัทเทคโนโลยีรายอื่นๆ  ข้อมูลที่วิเคราะห์มีความแม่นยำ และเจาะลึกมากกว่าการประเมินโดยใช้แบบสอบถาม เพราะอะโดบีเป็นบริษัทเดียวที่สามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกรรมของผู้บริโภคจำนวนมากได้ในแบบเรียลไทม์  หน่วยงานภาครัฐและองค์กรภาคอุตสาหกรรมหลายแห่ง เช่น สำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ ธนาคารกลาง และสำนักงานสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ ยินยอมให้อะโดบีเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับดิจิทัลอีโคโนมีได้ทันที

เกี่ยวกับ อะโดบี

อะโดบีเปลี่ยนโลกผ่านประสบการณ์ด้านดิจิทัล ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.adobe.com


ข่าวอีคอมเมิร์ซ+เศรษฐกิจวันนี้

ห้างเซ็นทรัล และ Central App ยืนหนึ่ง! ครองบัลลังก์ออมนิชาแนลรีเทลเลอร์ เขย่าวงการค้าปลีก - อีคอมเมิร์ซ ด้วย "CENTRAL 9.9 SALE" ดีลดีไม่พึ่งดวง เตรียมกวาดลูกค้าทั่วไทย คาดยอดช้อปพุ่งทะยานกว่า 3 เท่า !!

ห้างเซ็นทรัล และ Central App ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เร่งเครื่องเต็มสูบ สร้างสีสันเศรษฐกิจไตรมาส 3 เดินหน้าจัดแคมเปญเอาใจสายช้อปศึกวันเลขเบิ้ล (Double Digit Day) ในแคมเปญ "CENTRAL 9.9 SALE" ภายใต้แนวคิด "BEST DEALS REQUIRE NO LUCK ดีลดี ไม่พึ่งดวง" ตอกย้ำผู้นำออมนิชาแนลรีเทลเลอร์ ที่ผสานทุกช่องทางการช้อปปิ้ง ทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ และโซเชียลคอมเมิร์ซไร้รอยต่อ จัดเต็ม 10 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 2-11 กันยายน 2568 ตั้งเป้ากวาดลูกค้า-ดีลฮันเตอร์ทั่วประเทศ นางสาวรวิศรา จิราธิวัฒน์

บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จ... BBLAM จับมือ E FUND ยักษ์ใหญ่กองทุนจีน เปิดตัว B-CNNEXT เจาะโอกาสเศรษฐกิจยุคใหม่ — บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม บัวหลวง จำกัด (BBLAM) ประกาศความร่วมมือ...

ช้อปปี้ อีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ที่ครองใจผู้ใช... Shopee 9.9 มอบส่วนลดสูงถึง 2 พันล้านบาทกระตุ้นยอดขายท้องถิ่นโต 9 เท่า พร้อมทำสถิติส่งไว 25 นาที — ช้อปปี้ อีคอมเมิร์ซเบอร์ 1 ที่ครองใจผู้ใช้งานชาวไทย เดิน...

สร้างโอกาสทางการค้า เชื่อมโยงกลุ่มลูกค้าย... กยท. ยกทัพร่วมเปิดงาน 9.9 Global Business Linkage Festival ณ กรุงปักกิ่ง — สร้างโอกาสทางการค้า เชื่อมโยงกลุ่มลูกค้ายางพาราทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์ม B2B ใหญ่ที่...

ชวนช้อปมั่นใจ 'ลดอลังปังทุกแบรนด์' ตอกย้ำ... ลาซาด้า 9.9 ดึงกระแสโซเชียลตัดสิน 'ช้อปยังไงก็ไม่รู้สึกผิด' — ชวนช้อปมั่นใจ 'ลดอลังปังทุกแบรนด์' ตอกย้ำผู้นำอีคอมเมิร์ซตัวจริง ด้วยประสบการณ์ช้อปเหนือระดั...

พานาโซนิค ออกโรงเตือนภัย "ถ่านปลอม" ระบาด... พานาโซนิค เตือนผู้บริโภคระวังถ่านปลอม เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพและอุปกรณ์ — พานาโซนิค ออกโรงเตือนภัย "ถ่านปลอม" ระบาดตลาดออนไลน์-ออฟไลน์ ชี้ถ่านปลอมเสี่ยงบวม...

อาลีบาบา คลาวด์ เสริมแกร่งเทคโนโลยีของบ๊อ... Bosch และ Alibaba Group กระชับความร่วมมือทางกลยุทธ์เพื่อพัฒนานวัตกรรมทางดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI — อาลีบาบา คลาวด์ เสริมแกร่งเทคโนโลยีของบ๊อช ด้วยศักยภ...