ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารกรุงไทยและบล. กรุงไทย ซีมิโก้

03 Apr 2020
ฟิทช์ เรทติ้งส์ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term IssuerDefault Rating) ของธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) หรือ KTB ที่ 'BBB’ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่'AA+(tha)’ และฟิทช์ยังได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว(NationalLong-Term Rating) ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด หรือ KTZ ที่ 'A+(tha)’ ทั้ง KTB และ KTZ มีแนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ พร้อมกันนี้ฟิทช์ได้ปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของ KTB ลงเป็น 'AA-(tha)’ จาก 'AA(tha)’ รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดได้แสดงไว้ในส่วนท้ายปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศอันดับเครดิตภายในประเทศ และอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิอันดับเครดิตของ KTB มีปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากอันดับเครดิตสนับสนุนที่'2’ อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (SupportRating Floor) ที่'BBB’เนื่องจากฟิทช์เชื่อว่าความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติ(extraordinarysupport) แก่KTBในกรณีที่มีความจำเป็นปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน(ViabilityRating)อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB ที่ 'bbb-’ พิจารณาถึงถึงเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทยและฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในกลุ่มรัฐวิสาหกิจและข้าราชการโดยความสัมพันธ์กับหน่วยงานรัฐเป็นยปัจจัยช่วยให้ธนาคารรักษาความสามารถในการระดมทุน(funding)ให้อยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพและรักษาความสามารถในการแข่งขันฐานะเงินกองทุนของ KTB ปรับตัวดีขึ้นมาในระดับใกล้เคียงกับกลุ่มธนาคารในต่างประเทศที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินคล้ายกันและช่วยลดลความเสี่ยงได้บ้าง ณ ระดับเครดิตปัจจุบันแต่อย่างไรก็ตามอัตราส่วนเงินกองทุนส่วนที่เป็นของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Core EquityTier 1) ที่15.2% ณ สิ้นปี 2562 ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่16%อีกทั้งฟิทช์ยังมองว่า KTB มีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้สูงกว่าธนาคารขนาดใหญ่รายอื่นในประเทศเนื่องจากธนาคารมีการให้การสนับสนุนโครงการของรัฐบาลบ้าง อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินยังสะท้อนถึงความท้าทายของสภาพแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจและผลกระทบที่รุนแรงต่อเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสที่กระจายไปในวงกว้างโดยผลกระทบดังกล่าวได้เพิ่มแรงกดดันต่อสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่อ่อนแอมาอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในประเทศและทั่วโลกที่ซบเซาแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีมาตรการผ่อนปรนเพื่อช่วยสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้แต่มาตรการเหล่านี้ไม่น่าจะหักล้างความเสี่ยงที่เกิดจากผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำต่อลูกหนี้ที่มีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอหรือเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางได้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของธาคารไทยสามารถดูได้จาก“CoronavirusOutbreak Increases Challenges for Thai Banks’ Operating Environment” ลงวันที่ 2 เมษายน 2563เนื่องจากระยะเวลาและแนวโน้มความรุนแรงของสถานการณ์การระบาดของโคโรน่าไวรัสยังมีความไม่แน่นอนซึ่งตามสมมติฐานกรณีฐานของฟิทช์นั้นคุณภาพของสินทรัพย์รวมถึงผลการดำเนินงานของ KTB อาจได้รับผลกระทบอย่างมากในช่วงระยะเวลา2ปีข้างหน้าเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานในปี 2562โดยนอกจากระดับค่าใช้จ่ายการสำรองหนี้สูญ (credit cost) ที่อาจเพิ่มขึ้นแล้วรายได้ของธนาคารก็อาจจะปรับตัวลดลงจากภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำรวมถึงรายได้ที่ไม่ใช้ดอกเบี้ยที่ชะลอตัวอย่างไรก็ตามด้วยอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ KTB ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศอยู่1 อันดับน่าจะสะท้อนไปแล้วบ้างถึงความผันผวนที่จะสูงกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสูงกว่าและอยู่ในสภาวะแวดล้อมในระดับเดียวกันKTBยังคงมีความสามารถในการรองรับความเสี่ยงในด้านของเงินกองทุนและอัตราส่วนสำรองหนี้สูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ(132% ณ สิ้นปี 2562) น่าจะช่วยรองรับความเสี่ยงได้อีกทั้งมาตรการผ่อนปรนของธนาคารแห่งประเทศไทยในด้านคุณภาพสินทรัพย์และการปรับโครงสร้างหนี้น่าจะช่วยบรรเทาความเสี่ยงไปได้ในระดับหนึ่งอย่างไรก็ตามฟิทช์ยังเชื่อผลการดำเนินงานของธนาคารไทยน่าจะปรับตัวแย่ลงในช่วง 2 ปีข้างหน้า ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – อันดับเครดิตสนับสนุน(SupportRating) และอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (Support Rating Floor) อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ KTB มีปัจจัยในการพิจารณาจากการที่ฟิทช์เชื่อว่าความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนพิเศษที่นอกเหนือจากการดำเนินงานตามปรกติในกรณีที่มีความจำเป็น นอกจากนี้ KTB ยังเป็น 1 ใน 5ธนาคารที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดให้เป็นธนาคารที่มีนัยต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ(D-SIB)ประกอบกับKTBยังมีความสำคัญในเชิงกลยุทย์ต่อรัฐบาลไทยโดย KTBเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งเดียวที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ดังนั้น KTBจึงมีความพร้อม(ด้านของระบบและเครือข่ายสาขา) ที่จะช่วยให้การสนับสนุนแก่นโยบายจากภาครัฐ เช่นโครงการกระเป๋าเงินอิเลคทรอนิกส์ (National e-wallet) ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต – หุ้นกู้ด้อยสิทธิอันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่2 ตามเกณฑ์บาเซล3 ของ KTB ถูกปรับลดอันดับลงมาที่'AA-(tha)’ซึ่งต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวและเป็นอันดับเครดิตอ้างอิงของหุ้นกู้ด้อยสิทธิอยู่2 อันดับทั้งการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวสอดคล้องกับกรณีพื้นฐานตามเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตฉบับปรับปรุงใหม่ของฟิทช์เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีโอกาสที่จะได้รับชำระหนี้คืน (recovery rate) ในอัตราที่ต่ำลงเมื่อเทียบกับหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน หุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวมีสถานะสิทธิด้อยกว่าหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน และไม่มีคุณสมบัติบังคับตัดหนี้สูญทั้งจำนวนและหุ้นกู้ดังกล่าวไม่ได้ถูกปรับลดอันดับเพิ่มเติมเพื่อสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ผู้ถือหุ้นกู้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ดาดการณ์(non-performancerisk) เนื่องจากไม่มีคุณสมบัติรองรับผลขาดทุนระหว่างการดำเนินกิจการ(going-concernloss absorption) เช่นสิทธิในการยกเว้นหรือการเลื่อนจ่ายดอกเบี้ย ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต–บริษัทลูกและบริษัทร่วมอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ KTZ อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของKTB(ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่)3อันดับเพื่อสะท้อนถึงการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของ KTZ มีสัดส่วนการถือหุ้นในระดับที่ใกล้เคียงกันรวมทั้งยังสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในนโยบายของรัฐบาลและลำดับความสำคัญในการให้การสนับสนุนแก่บริษัทในฐานะที่รัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มในกรณีที่KTBซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดยตรงของKTZไม่สามารถให้การสนับสนุนแก่บริษัทได้ด้วยฐานะทางการเงินของธนาคารเองในภาวะวิกฤตอย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมามีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าความสัมพันธ์ของ KTZ กับ KTB มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นเช่นการเปลี่ยนชื่อบริษัทและสัญญลักษณ์ทางการค้าที่คล้ายกันมากขึ้นกับของ KTB แม้ KTZ จะเป็นผู้นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่สำคัญแก่กลุ่มลูกค้าของธนาคารแต่บริษัทยังมีความใกล้ชิดและเชื่อมโยงกับธนาคารแม่ในระดับที่น้อยกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์ไทยที่ได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยฟิทช์

อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน (senior unsecured debt) ของ KTZ ที่ 'A+(tha)’ อยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทเนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันของบริษัทการพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG)KTB มีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของโครงสร้างธรรมาภิบาล(GovernanceStructure) ที่ระดับ4เนื่องจากมีโอกาสที่ภาครัฐจะมีอิทธิพลต่อการกำกับดูแลกิจการและความเสี่ยง (risk governance)จากการถือหุ้นโดยรัฐบาลในธนาคารรวมถึงจะสามารถมีอิทธิพลต่อคณะกรรมการและผู้บริหารซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อโครงสร้างเครดิตและสัมพันธ์ต่ออันดับเครดิตเช่นเดียวกับปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิตอื่นปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของKTBอาจได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำซึ่งอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำนั้นสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ต่อความสามารถและโอกาสที่ภาครัฐจะให้การสนับสนุนช่วยเหลือแก่KTB ได้อย่างทันท่วงทีดังนั้นการปรับเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (ดูได้จากด้านล่าง)น่าจะส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)การปรับลดอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ (ดูได้จากด้านล่าง)น่าจะส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิตดังกล่าวเช่นกันปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตภายในประเทศและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)อันดับภายในประเทศอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำได้ขึ้นมาเท่ากับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยอย่างไรก็ตามเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าเกิดขึ้นในระยะสั้นปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)การปรับตัวด้อยลงของโครงสร้างเครดิตของ KTB เทียบกับบริษัทหรือธนาคารอื่นที่ได้การจัดอันดับเครดิตภายในประเทศอาจส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิตเหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดได้หากฟิทช์ประเมินว่ารัฐบาลมีควรามสามารถในการสนับสนุนแหรือมีโอกาสที่จะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารลดลงปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)การปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินมีความเป็นไปได้น้อยในขณะนี้เนื่องจากยังคงมีความท้าทายจากสภาวะแวดล้อมในการดำเนินงานที่ไม่เอื้อต่อการดำเนินงานและธนาคารมีระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ที่สูงกว่าเมื่อเทียบกันธนาคารขนาดใหญ่ในประเทศซึ่งฟิทช์คาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์และผลประกอบการของธนาคารปรับตัวด้อยลงในช่วง2 ปีข้างหน้าปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน) อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินอาจถูกปรับลดอันดับลงมาเป็น'bb+’หากฐานะเงินกองทุนของธนาคารปรับตัวลดลงมาในระดับที่ฟิทช์ประเมินว่าไม่เพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงเช่น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ส่วนที่เป็นของเจ้าของ หรือ CET1 ต่ำกว่า 13%ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตสนับสนุนและอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสนับสนุนไม่น่าจะเกิดขึ้นยกเว้นอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยได้รับการปรับเพิ่มอันดับขึ้นไปที่'A’และฟิทช์เชื่อว่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในโอกาสที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคาร อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ KTB อาจเปลี่ยนแปลงได้จากการเปลี่ยนแปลงในมุมมองของฟิทช์ต่อแนวโน้มที่รัฐบาลจะให้การสนับสนุนแก่ธนาคารอันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับหากฟิทช์เชื่อว่า KTB มีบทบาทในเชิงนโยบายของรัฐที่ชัดเจนและมั่นคงมากขึ้นกว่าระดับเดิมที่ฟิทช์เคยคาดไว้พร้อมทั้งยังคงมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินในประเทศปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้กิเดการปรับลดอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)การปรับลดอันดับเครดิตสนับสนุนอาจเกิดขึ้นได้หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของประเทศไทยถูกปรบลดอันดับลงไปที่ 'BBB-’ หรือต่ำกว่านอกจากนี้อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำของ KTB อาจถูกปรับลดลงมาเท่ากับธนาคารพาณิชย์เอกชนที่มีนัยสำคัญต่อระบบ(D-SIB)หากฟิทช์เชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารกับรัฐปรับตัวลดลงอย่างมากเช่น การลดสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐลงไปต่ำกว่า 50%และการไม่มีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับกระทรวงการคลังในด้านการบริหารจัดการเงินสดให้กับรัฐบาลปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – หุ้นกู้ด้อยสิทธิปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทของธนาคารจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงในอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารซึ่งเป็นอันดับเครดิตอ้างอิง (anchor rating) ดังนั้นการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารจะส่งผลให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารได้รับการปรับเพิ่มอันดับเช่นกันปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)การปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารจะส่งผลให้อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิของธนาคารได้รับการปรับลดอันดับเช่นกันปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – บริษัทลูกและบริษัทร่วมปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงบวกหรือส่งผลให้เกิดการปรับเพิ่มอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)ฟิทช์อาจปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศของ KTZ หากฟิทช์เชื่อว่าโอกาส(propensity)ที่KTBจะให้การสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากการสนันสนุนในด้านการดำเนินงานปรกติแก่KTZมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับปัจจุบัน เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้ หาก KTB เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในKTZ(มีมีระดับการควบคุมที่สูงขึ้น)หรือ KTZมีบทบาทในเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญขึ้นต่อธนาคาร ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบเชิงลบหรือส่งผลให้เกิดการปรับลดอันดับเครดิต(ปัจจัยเดียวหรือหลายปัจจัยรวมกัน)ในทางกลับกันฟิทช์อาจปรับลดอันดับเครดิตภายในประเทศของ KTZ หาก KTZ มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อKTBน้อยลงซึ่งจะส่งผลให้โอกาสที่ KTB จะให้การช่วยเหลือและสนับสนุนแก่บริษัทปรับตัวลดลง ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเกิดขึ้นได้เช่นในกรณีที่ KTBลดสัดส่วนการถือหุ้นในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และระดับการควบคุมในKTZลงการที่ KTBลดระดับการสนับสนุนทางการเงินหรือการปฏิบัติงานที่มีให้กับKTZ หรือหากผลการดำเนินงานในอนาคตของ KTZ หรือธนาคารแม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญและส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านกลยุทธ์และลำดับความสำคัญในการดำเนินงานซึ่งอาจส่งผลให้มีความไม่ชัดเจนต่อโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนอันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกันของ KTZ จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทการพิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG)KTB มีระดับคะแนนความสัมพันธ์ของโครงสร้างธรรมาภิบาล(GovernanceStructure) ที่ระดับ4เนื่องจากมีโอกาสที่ภาครัฐจะมีอิทธิพลต่อการกำกับดูแลกิจการและความเสี่ยง (riskgovernance) ยกเว้นในกรณีที่กล่าวไว้ด้านบน ระดับคะแนนความสัมพันธ์ของ ESG ต่ออันดับเครดิตไม่เกินระดับ 3ซึ่งหมายความว่าปัจจัยด้าน ESG จะไม่ส่งผลกระทบหรืออาจมีผลกระทบในระดับที่น้อยมากต่ออันดับเครดิตของธนาคารไม่ว่าจะด้วยปัจจัยจากลักษณะของธุรกิจหรือจากการบริหารจัดการของธนาคารก็ตามข้อมูลเพิ่มเติมดูได้จาก Fitch's ESG Relevance Scores, visitwww.fitchratings.com/esg.รายละเอียดของอันดับเครดิตทั้งหมดมีดังนี้KTB:อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'BBB’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F2’อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'AA+(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)’ อันดับเครดิตความแข็งแกร่งทางการเงิน คงอันดับที่ 'bbb-’ อันดับเครดิตสนับสนุนขั้นต่ำ คงอันดับที่ 'BBB’ อันดับเครดิตสนับสนุน คงอันดับที่ '2’ อันดับเครดิตสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'BBB’อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'AA+(tha)’อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'F1+(tha)’อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ลดอันดับเป็น 'AA-(tha)’ จาก 'AA(tha)’ KTZ:อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว คงอันดับที่ 'A+(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น คงอันดับที่ 'F1+(tha)’ อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ 'A+(tha)’