เร่งคลอดแผนพัฒนาแหล่งน้ำ รองรับความต้องการใช้น้ำ

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

สทนช. เดินหน้าแก้ปัญหาน้ำภูเก็ต วางแผนพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ หวั่นเกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำ เร่งเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนรองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคตที่พุ่งสูงถึง 120 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี  

เร่งคลอดแผนพัฒนาแหล่งน้ำ รองรับความต้องการใช้น้ำ

ดร. สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมวางแผนการพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำจังหวัดภูเก็ตให้มีน้ำอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอและมั่นคง ทั้งนี้ แม้จะมีปริมาณน้ำฝนที่ตกในพื้นที่เฉลี่ยสูงถึง 2,780 มม.ต่อปี และเป็นฤดูฝนที่ยาวนานถึง 6 เดือนก็ตาม แต่ด้วยความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 2-4 หรือประมาณ 2 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี โดยในปัจจุบันมีความต้องการใช้น้ำประมาณ 80 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี ในขณะที่แหล่งน้ำต้นทุนหลักที่สามารถนำน้ำมาใช้ในการผลิตน้ำประปาทั้งของภาครัฐและเอกชนรวมกันมีเพียง 60 ล้าน ลบ.ม.ต่อปี เท่านั้น จึงทำให้จังหวัดภูเก็ตขาดแคลนน้ำเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง จากการศึกษาความต้องการใช้น้ำของจังหวัดภูเก็ตพบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง        โดยในปี 2565 จะมีความต้องการน้ำอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นเป็น 89 ล้าน ลบ.ม. ปี 2570 มีความต้องการน้ำ 98 ล้าน ลบ.ม.      ปี 2575 มีความต้องการน้ำประมาณ 112 ล้าน ลบ.ม. และปี 2580 มีความต้องการน้ำสูงถึง 120 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้นหากไม่เร่งวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มขึ้น จังหวัดภูเก็ตจะเกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงแน่นอน

เลขาธิการ สทนช. กล่าวต่อว่า การสร้างความมั่นคงเรื่องน้ำให้จังหวัดภูเก็ต เพื่อให้มีปริมาณน้ำสำรองเพียงพอตลอดช่วงฤดูแล้งนั้น ต้องดำเนินการในหลายมาตรการควบคู่กัน ได้แก่ การเพิ่มปริมาณความจุอ่างเก็บน้ำเดิม 3 แห่งให้มีความจุรวมกันไม่น้อยกว่า 50 ล้าน ลบ.ม. การเพิ่มปริมาณน้ำจากขุมเหมืองมาใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น การเพิ่มปริมาณการสูบน้ำจากแม่น้ำเข้าระบบผลิตน้ำประปาหรือเติมในอ่างเก็บกักน้ำ รวมทั้งเพิ่มปริมาณการใช้น้ำจากแหล่งน้ำอื่นๆ เพื่อไปเสริมในพื้นที่นอกเขตบริการน้ำประปา เช่น บ่อบาดาลหรือนำน้ำมาจากนอกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมทั้งการสร้างอ่างเก็บน้ำอ่าวยนต์ ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ขนาดความจุประมาณ 1.50 ล้าน ลบ.ม.

ดังนั้นเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปตามมาตรการที่วางไว้ สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้บูรณาการวางแผนดำเนินการแก้ไขปัญหาเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะสั้น ปี 2563-64 ระยะกลาง ปี 2565-67 และระยะยาว ปี 2567 เป็นต้นไป  โดยในระยะสั้นจะดำเนินการทั้งหมด 9 โครงการ ได้แก่ โครงการสร้างอาคารรับน้ำเข้าแหล่งสูบน้ำขุมสรรพสามิต โครงการสร้างประตูทดน้ำคลองบางใหญ่ โครงการวางท่อซื้อน้ำประปาจากบริษัทโกลด์ชอว์ โครงการสร้างระบบสูบน้ำจากขุมน้ำสรรพสามิตไปโรงกรองน้ำบางวาด  โครงการทำสัญญาซื้อน้ำประปาจากบริษัทซุปเปอร์วอเตอร์ โครงการสร้างระบบเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำจังหวัดภูเก็ต โครงการสร้างอาคารทดน้ำคลองเจ๊ะตรา ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง โครงการสร้างอาคารทดน้ำคลองบางโจ ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง และโครงการสร้างอาคารทดน้ำคลองบางใหญ่

ในส่วนแผนงานระยะกลางและระยะยาว สทนช. จะเร่งเดินหน้าศึกษาความเหมาะสมของโครงการและวิเคราะห์ผลกระทบในทุกด้านให้ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน อาทิ โครงการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ โครงการสร้างระบบสูบผันน้ำบ้านโคกโตนด-อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ โครงการสร้างระบบสูบผันน้ำเติมอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ โครงการก่อสร้างปรับปรุงขยายระบบประปาจากจังหวัดพังงาไปยังจังหวัดภูเก็ต โครงการศึกษาพัฒนาเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำต้นทุนจังหวัดภูเก็ต โครงการศึกษาพัฒนาระบบผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล เป็นต้น


ข่าวสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ+สำนักงานทรัพยากรน้ำวันนี้

สทนช. ร่วมขับเคลื่อน "โครงการพระราชดำริด้านน้ำ" เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เดินหน้าสืบสานพระราชปณิธาน นำร่องต่อยอด 22 โครงการ

สทนช. บูรณาการร่วม "สืบสาน รักษา และต่อยอด" บูรณาการการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 300 โครงการ สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยพัฒนาแหล่งน้ำอย่างเป็นระบบเชื่อมโยงทุกมิติ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ในฐานะหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยในการประชุม ครั้งที่ 1/2568

สทนช. เปิดศูนย์ส่วนหน้าฯ "ลุ่มน้ำยม-น่าน" จับมือทุกหน่วย คุมจราจรน้ำจากเหนือสู่เจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

สทนช. เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ระดมทุกหน่วยจัดการจราจรน้ำที่ไหลจากภาคเหนือก่อนลงสู่อ่าวไทย โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ...

สทนช. ลุยพื้นที่เสี่ยงภาคกลาง ตรวจความพร้อมระบบชลประทานเจ้าพระยาตอนล่าง ติดตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 เตรียมแผนรับมือน้ำหลากจากภาคเหนือ

สทนช. เดินหน้าลงพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมประชุมหารือร่วมกับกรมชลประทาน เพื่อกำหนดแนวทางบริหารจัดการน้ำและติดตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ...

ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ไ... ประกาศฉบับที่ 13/2568 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วง 23-28 ก.ค.นี้ — ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงบริเวณแม...

กรมอุตุนิยมวิทยา และ สถาบันสารสนเทศทรัพยา... เกาะติดข้อเท็จจริง การบริหารจัดการน้ำรับมือฤดูฝน ปี 2568 — กรมอุตุนิยมวิทยา และ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ได้มีการคาดการณ์ว่าปี 2...

สทนช. ติดตามมาตรการรับมือฝนลุ่มน้ำโขงอีสาน ประสาน MRCS ติดตามระดับน้ำแม่น้ำโขงล้นตลิ่ง ก.ค.-ส.ค.นี้

เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่สกลนคร-นครพนม ติดตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 68 ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมประสาน MRCS ติดตามระดับน้ำแม่น้ำโขงล้นตลิ่งช่วง ก.ค.-ส.ค.นี้ กำชับหน่วยงานเร่งปรับ...

สทนช. ติดตามการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก พร้อมรับมืออุทกภัยปีนี้

สทนช. บูรณาการหน่วยงานประชุมศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าชั่วคราวฯ ลุ่มน้ำโขงเหนือ เร่งติดตามความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก การก่อสร้างพนังกั้นน้ำ และการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ รับมืออุทกภัยปีนี้ พร้อมชู "จ....

เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่ จ.พะเยา ติดตามค... สทนช. ติดตามการบริหารจัดการน้ำกว๊านพะเยา พร้อมรับมืออุทกภัยตลอดฤดูฝนปีนี้ — เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่ จ.พะเยา ติดตามความก้าวหน้ามาตรการรับมือฤดูฝน ปี 68 แ...