“พลเอกประวิตร”ลงพื้นที่ระยอง ย้ำเชื่อมั่นจัดการน้ำอีอีซี เร่งฟื้นเศรษฐกิจหลังผลกระทบโควิด-19

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาประแสร์ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง โดยจุดแรกรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์น้ำภาคตะวันออก โดยมีนายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวต้อนรับ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ บรรยายสรุปสถานการณ์และมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ของกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ อธิบดีกรมชลประทาน บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำของอ่างเก็บน้ำประแสร์ และแนวทางแก้ไขปัญหา พร้อมแผนการบริหารจัดการน้ำรับมือภัยแล้งในระยะต่อไป เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) บรรยายสรุปแนวนโยบายการพัฒนาพื้นที่ EEC ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บรรยายสรุปความต้องการและความจำเป็นในการใช้น้ำของพื้นที่ EEC ในปัจจุบันและอนาคต นายกสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทยและพันธมิตร บรรยายสรุปผลกระทบและความเสี่ยงของภาคอุตสาหกรรมที่อาจจะเกิดจากสถานการณ์ภัยแล้ง ณ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาประแสร์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ก่อนเดินทางต่อไปยังสถานีสูบน้ำชั่วคราวคลองสะพาน-อ่างเก็บน้ำประแสร์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปแผนการสูบน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำอ่างเก็บน้ำประแสร์

“พลเอกประวิตร”ลงพื้นที่ระยอง ย้ำเชื่อมั่นจัดการน้ำอีอีซี เร่งฟื้นเศรษฐกิจหลังผลกระทบโควิด-19

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในโอกาสมอบนโยบายการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ภาคตะวันออก ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อติดตาม รับทราบข้อมูล รวมถึงปัญหาและอุปสรรคข้อติดขัดต่างๆ ให้เป็นไปตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนทุกภาคส่วนที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนด เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นแผนดำเนินการแก้ไขสถานการณ์แล้งที่เกิดขึ้นในภาคตะวันออกให้สำเร็จลุล่วงพร้อมเตรียมการเข้าสู่ฤดูฝน โดยเฉพาะจังหวัดระยองขณะนี้ไม้ผลพืชเศรษฐกิจทึ่สำคัญกำลังออกสู่ตลาด ภาคอุตสาหกรรมก็ต้องเร่งกำลังการผลิต รวมถึงภาคการท่องเที่ยว ที่ขณะนี้ทุกภาคส่วนกำลังเตรียมความพร้อมที่จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังสถานการณ์โควิดเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศให้ฟื้นคืนโดยเร็ว ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งจัดการความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำที่ยังมีอยู่ แม้ว่าฝนตกลงมาบ้างแล้วก็ตาม “พลเอกประวิตร”ลงพื้นที่ระยอง ย้ำเชื่อมั่นจัดการน้ำอีอีซี เร่งฟื้นเศรษฐกิจหลังผลกระทบโควิด-19

ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งเกิดผลกระทบกับภาคประชาชนน้อยที่สุด นอกจากที่ทุกหน่วยงานต้องเร่งเดินหน้าดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้แล้วทั้งการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และโครงการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งโครงการเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับเก็บกักน้ำในฤดูฝนปี 2563 สำหรับพื้นที่ปลูกไม้ผลยืนต้น และพื้นที่ประกาศเขตภัยแล้งครอบคลุม 75 จังหวัด ซึ่งรัฐบาลให้การสนับสนุนงบประมาณจำนวน 8,847 โครงการ โดยในพื้นที่ ระยอง ฉะเชิงเทรา และชลบุรี มีโครงการดังกล่าวรวม 195 โครงการ ปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น 15 ล้านลูกบาศก์เมตร ให้แล้วเสร็จตามแผนแล้ว ยังได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการใน 3 ส่วนหลัก โดยมอบให้กรมชลประทานวางแผนและบริหารจัดการน้ำในระบบโครงข่ายอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ให้เพียงพอถึงฤดูแล้งหน้า พร้อมทั้งสำรวจหาสาเหตุของปริมาณน้ำที่สูญเสียไปทางตอนบนด้วยที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯน้อยไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด ส่วนการนิคมอุตสาหกรรมฯ ให้วางแผนและจัดหาแหล่งน้ำสำรองของตนเอง พร้อมทั้งพิจารณาความเป็นไปได้ของการจัดการน้ำหลัก 3Rs ได้แก่ ลดการใช้ การใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ และที่สำคัญขอให้ดำเนินการด้าน CSR ต่อสังคมชุมชนที่เสียสละแบ่งปันน้ำอย่างต่อเนื่อง และท้ายสุดมอบให้ สทนช.ติดตามและเร่งรัดการพัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอทันการเติบโตและความต้องการใช้น้ำของทุกภาคส่วนให้เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี และหากมีโครงการสำคัญที่จำเป็นต้องดำเนินการเร่งด่วน ให้พิจารณาเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ทันที “พลเอกประวิตร”ลงพื้นที่ระยอง ย้ำเชื่อมั่นจัดการน้ำอีอีซี เร่งฟื้นเศรษฐกิจหลังผลกระทบโควิด-19

ด้าน ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า รองนายกรัฐมนตรียังได้กำชับทุกหน่วยงานเตรียมการรับมือฤดูฝนที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่รับน้ำเพื่อเก็บกักน้ำต้นทุนไม่เพียงแหล่งน้ำขนาดใหญ่ แต่ให้รวมถึงแหล่งน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็กและบ่อบาดาล ซึ่งพบว่าบ่อน้ำบาดาลที่มีศักยภาพในการนำน้ำมาใช้ในฤดูฝนปี 2563 ภาคตะวันออก มีจำนวนทั้งสิ้น 1,197 แห่ง ศักยภาพการผลิตน้ำบาดาล 12 ล้าน ลบ.ม./เดือน แบ่งเป็น เพื่อสนับสนุนน้ำอุปโภค-บริโภค 1,158 แห่ง เพื่อการเกษตร 539 แห่ง “พลเอกประวิตร”ลงพื้นที่ระยอง ย้ำเชื่อมั่นจัดการน้ำอีอีซี เร่งฟื้นเศรษฐกิจหลังผลกระทบโควิด-19

ขณะที่โครงการที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำด้านอุปโภคบริโภค และโครงการเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำสำหรับกักเก็บน้ำในฤดูฝน ปี 2563 ในพื้นที่ จาก EEC รวม 195 แห่ง ประกอบด้วย ขุดเจาะบ่อบาดาล จัดหาแหล่งน้ำผิวดิน ซ่อมแซมระบบประปา วางท่อน้ำดิบ เชื่อมโยงแหล่งน้ำ ฟื้นฟูแหล่งน้ำเดิม ก่อสร้างแหล่งน้ำใหม่ และก่อสร้างแหล่งน้ำใหม่พร้อมระบบ ดำเนินการโดย 7 หน่วยงาน ได้แก่ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น การประปาส่วนภูมิภาค กรมการข้าว กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม แบ่งเป็น จ.ระยอง 42 แห่ง เมื่อแล้วเสร็จจะมีส่งผลให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 0.55 ล้าน ลบ.ม./ปี จ.ฉะเชิงเทรา 140 แห่ง ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 2.77 ล้าน ลบ.ม./ปี และ จ.ชลบุรี 13 แห่ง ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น 10.92 ล้าน ลบ.ม./ปี


ข่าวสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ+สุรศักดิ์ เจริญศิริโชติวันนี้

สทนช. ร่วมขับเคลื่อน "โครงการพระราชดำริด้านน้ำ" เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เดินหน้าสืบสานพระราชปณิธาน นำร่องต่อยอด 22 โครงการ

สทนช. บูรณาการร่วม "สืบสาน รักษา และต่อยอด" บูรณาการการขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 300 โครงการ สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยพัฒนาแหล่งน้ำอย่างเป็นระบบเชื่อมโยงทุกมิติ สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า สทนช. ในฐานะหน่วยงานหลักในการกำกับดูแลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการติดตามและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยในการประชุม ครั้งที่ 1/2568

สทนช. เปิดศูนย์ส่วนหน้าฯ "ลุ่มน้ำยม-น่าน" จับมือทุกหน่วย คุมจราจรน้ำจากเหนือสู่เจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

สทนช. เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ระดมทุกหน่วยจัดการจราจรน้ำที่ไหลจากภาคเหนือก่อนลงสู่อ่าวไทย โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ...

สทนช. ลุยพื้นที่เสี่ยงภาคกลาง ตรวจความพร้อมระบบชลประทานเจ้าพระยาตอนล่าง ติดตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 เตรียมแผนรับมือน้ำหลากจากภาคเหนือ

สทนช. เดินหน้าลงพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง พร้อมประชุมหารือร่วมกับกรมชลประทาน เพื่อกำหนดแนวทางบริหารจัดการน้ำและติดตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2568 ...

ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ไ... ประกาศฉบับที่ 13/2568 เรื่อง เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วง 23-28 ก.ค.นี้ — ด้วยสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงบริเวณแม...

กรมอุตุนิยมวิทยา และ สถาบันสารสนเทศทรัพยา... เกาะติดข้อเท็จจริง การบริหารจัดการน้ำรับมือฤดูฝน ปี 2568 — กรมอุตุนิยมวิทยา และ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ได้มีการคาดการณ์ว่าปี 2...

สทนช. ติดตามมาตรการรับมือฝนลุ่มน้ำโขงอีสาน ประสาน MRCS ติดตามระดับน้ำแม่น้ำโขงล้นตลิ่ง ก.ค.-ส.ค.นี้

เลขาธิการ สทนช. ลงพื้นที่สกลนคร-นครพนม ติดตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 68 ในพื้นที่ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมประสาน MRCS ติดตามระดับน้ำแม่น้ำโขงล้นตลิ่งช่วง ก.ค.-ส.ค.นี้ กำชับหน่วยงานเร่งปรับ...

สทนช. ติดตามการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก พร้อมรับมืออุทกภัยปีนี้

สทนช. บูรณาการหน่วยงานประชุมศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าชั่วคราวฯ ลุ่มน้ำโขงเหนือ เร่งติดตามความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก การก่อสร้างพนังกั้นน้ำ และการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ รับมืออุทกภัยปีนี้ พร้อมชู "จ....