นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการคนละครึ่งมีประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 9.4 ล้านคน และมีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 3.8 แสนร้านค้า ซึ่ง ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2563 มียอดการใช้จ่ายสะสม 704.5 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 362.5 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 342 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 232 บาทต่อครั้ง โดยใช้จ่ายครบทุกจังหวัด และจังหวัดที่มีการใช้จ่ายมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา และนครศรีธรรมราช
รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายของประชาชนครึ่งหนึ่งที่ใช้จ่ายกับร้านค้า ซึ่งร้านค้าจะได้รับยอดรวมโอนเข้าบัญชีที่ลงทะเบียนทุกสิ้นวัน ในช่วง 02.00 น. - 6.00 น. ตามระบบชำระเงินของธนาคาร สำหรับส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง ร้านค้าจะได้รับในวันทำการถัดไป ในช่วง 17.30 – 19.00 น. โดยยอดการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดภาครัฐจะโอนให้ทันทีในวันทำการถัดไป สำหรับในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 23 - 25 ตุลาคม 2563 ในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย จำนวน 212 ล้านบาท ภาครัฐได้โอนให้ร้านค้า จำนวน 96,359 ร้านค้าเรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา รวมทั้งอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงระบบการจ่ายเงินให้ร้านค้าให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น อย่างไรก็ดี หากร้านค้าใดยังไม่ได้รับเงินขอให้ติดต่อธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อตรวจสอบสถานะบัญชีของท่านว่า เป็นบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวนานเกิน 1 ปีหรือไม่ หรือมีปัญหาอื่นใด
นอกจากนี้ รองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้ได้รับทราบว่ามีพฤติกรรมโฆษณาชวนเชื่อในการดำเนินการโดยไม่มีการใช้จ่ายจริงตามเงื่อนไขโครงการ จึงขอย้ำเตือนว่าภาครัฐมีระบบการติดตามตรวจสอบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติ รวมทั้งมีการตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการในติดตามความเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าว หากพบพฤติกรรมหรือธุรกรรมที่ผิดปกติหรือมีการใช้จ่ายที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขโครงการ ภาครัฐจะดำเนินการระงับการจ่ายเงินทั้งฝั่งร้านค้าและประชาชนทันที โดยหากตรวจสอบพบว่าการใช้จ่ายผิดเงื่อนไขโครงการจริงจะต้องมีการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอให้ประชาชนและร้านค้าโปรดอย่าหลงเชื่อการเชิญชวนตามโฆษณาผ่านช่องทางต่าง ๆ ในการช่วยดำเนินการโดยไม่มีการใช้จ่ายจริงอย่างเด็ดขาดเพราะอาจตกเป็นเหยื่อในการสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิดซึ่งมีโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ ทั้งนี้ ภาครัฐมุ่งหวังให้โครงการคนละครึ่งสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ในการช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชน ตลอดจนช่วยให้ร้านค้ามีรายได้เพิ่มมากขึ้นได้จริง
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 รับทราบมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่เป็นหนี้คงค้างกับสถาบันการเงินเป็นระยะเวลานานโดยบริษัทร่วมทุนระหว่างสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) และบริษัทบริหารสินทรัพย์ (บบส.) (Joint Venture Asset Management Company : JV AMC) ภายใต้แนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งระบบ ซึ่งจะทำให้ SFIs สามารถร่วมลงทุนจัดตั้ง บบส. และโอนหนี้บางส่วนของ SFIs ไปยัง JV AMC และเพิ่มความคล่องตัว
สิ้นสุดโครงการเราชนะ สร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 2.7 แสนล้านบาท
—
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงก...
การขอความร่วมมือประชาชนและผู้ประกอบการปฏิบัติตามเงื่อนไขโครงการเราชนะ
—
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง...
ความคืบหน้าโครงการเราชนะและการขอความร่วมมือแจ้งเบาะแสการกระทำผิดเงื่อนไขของโครงการเราชนะ
—
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐาน...