ปภ.รายงานสถานการณ์อุทกภัย ดินสไลด์ และวาตภัย 28 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขัง 11 จังหวัด เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่และช่วยเหลือผู้ประสบภัย

19 Oct 2020

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 28 จังหวัด รวม 92 อำเภอ 269 ตำบล 972 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,546 ครัวเรือน ผู้เสียชีวิต 1 ราย (จันทบุรี) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 11 จังหวัด ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ  

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2563 – ปัจจุบัน (19 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00 น.)  มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย รวม 28 จังหวัด ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา ชัยภูมิ ศรีสะเกษ ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง อุทัยธานี สมุทรสาคร กาญจนบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา รวม 92 อำเภอ 269 ตำบล 972 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,546 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (จันทบุรี) บาดเจ็บ 3 ราย (สิงห์บุรี) แยกเป็น

พื้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลันและน้ำไหลหลาก 26 จังหวัด รวม 86 อำเภอ 260 ตำบล 954 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 25,487 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ในจังหวัดจันทบุรี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 จังหวัด ยังคงมีน้ำท่วมขัง 11 จังหวัด ดังนี้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด ได้แก่
อุบลราชธานี แม่น้ำมูลเอ่อล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำในตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี ประชาชนได้รับผลกระทบ 6 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
นครราชสีมา น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 13 อำเภอ 46 ตำบล 124 หมู่บ้าน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 9 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปักธงชัย อำเภอโชคชัย อำเภอสูงเนิน อำเภอโนนสูง อำเภอพิมาย อำเภอปากช่อง อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอขามทะเลสอ และอำเภอเสิงสาง สถานการณ์ภาพรวมระดับน้ำทรงตัว

ภาคตะวันออก 3 จังหวัด ได้แก่
ปราจีนบุรี น้ำล้นตลิ่งในพื้นที่อำเภอศรีมหาโพธิ และอำเภอกบินทร์บุรี รวม 2 ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 134 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว
สระแก้ว ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสระแก้ว อำเภอวัฒนานคร และอำเภออรัญประเทศ ปัจจุบันระดับน้ำทรงตัว
ชลบุรี น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองชลบุรี อำเภอพนัสนิคม และอำเภอพานทอง รวม 7 ตำบล 26 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 114 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง

ภาคใต้ 3 จังหวัด ได้แก่
สุราษฎร์ธานี น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่อำเภอพระแสง ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 ตำบล ระดับน้ำลดลง
ตรัง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอเมืองตรัง และอำเภอกันตัง ระดับน้ำลดลง
นครศรีธรรมราช ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอช้างกลาง ระดับน้ำลดลง

ภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่
นครปฐม น้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกำแพงแสน อำเภอเมืองนครปฐม อำเภอบางเลน อำเภอดอนตูม อำเภอพุทธมณฑล อำเภอสามพราน และอำเภอนครชัยศรี รวม 33 ตำบล 193 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
กาญจนบุรี น้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย อำเภอท่ามะกา และอำเภอห้วยกระเจา รวม 6 ตำบล 9 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
อุทัยธานี น้ำท่วมขังในพื้นที่ อำเภอสว่างอารมณ์ ประชาชนได้รับผลกระทล 44 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง

พื้นที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัย 4 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท กาญจนบุรี สิงห์บุรี และพังงา รวม 6 อำเภอ 9 ตำบล 18 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนเสียหาย 59 หลัง ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้วอยู่ระหว่างการฟื้นฟู
พื้นที่ได้รับผลกระทบจากดินสไลด์ 4 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ภูเก็ต สตูล และกระบี่ รวม 5 อำเภอ 6 ตำบล 6 หมู่บ้าน

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกติดตั้งเครน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังจุดอพยพ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อการดำรงชีพ สำหรับจังหวัด
ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งการประกอบอาชีพ ชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป