สทนช.เร่งแผนฟื้นฟูแหล่งน้ำขนาดเล็ก แก้ปมน้ำนอกเขตชลประทานขาดแคลน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

สทนช.งัดแผนฟื้นแหล่งน้ำขนาดเล็กกว่า 1.4 แสนแห่งทั่วประเทศ เพิ่มความมั่นคงน้ำอุปโภคบริโภค และเกษตรในชุมชนได้เต็มศักยภาพ เติมเต็มแหล่งน้ำชลประทานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เตรียมเสนอกรอบแนวทางการพัฒนาเข้า กนช.28 ธ.ค.นี้

สทนช.เร่งแผนฟื้นฟูแหล่งน้ำขนาดเล็ก แก้ปมน้ำนอกเขตชลประทานขาดแคลน

ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยในโอกาสลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการศึกษาแผนหลักแบบบูรณาการเพื่อบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้งสำหรับพื้นที่ห้วยโม้ง-ลำพะเนียง และต้นน้ำพอง จ.เลย ว่า นอกจากศึกษาศักยภาพแหล่งน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางที่สามารถดึงน้ำจากลุ่มน้ำเลย และก่อสร้างแหล่งน้ำในบางพื้นที่ตามแผนหลักแล้ว สทนช. ยังพิจารณาถึงแนวทางการบริหารจัดการน้ำในระดับตำบล ผ่านการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก เช่น โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยพะเนียงที่ลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นกรณีศึกษาตัวอย่างให้กับแผนหลักแบบบูรณาการเพื่อบรรเทาอุทกภัยและภัยแล้ง สำหรับพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยโมง-ลำพะเนียงและต้นน้ำพอง ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากการรับฟังความเห็นในพื้นที่ มีการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ของประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญ ที่ สทนช. อยู่ในระหว่างการขับเคลื่อนดำเนินการฟื้นฟูและพัฒนาให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เนื่องจากเป็นแหล่งน้ำที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ทั้งที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติและอ่างเก็บน้ำ ซึ่งมีความจุน้อยกว่า 2 ล้าน ลบ.ม. กระจายอยู่จำนวนถึง 142,234 แห่ง รับผิดชอบโดย 10 หน่วยงาน อาทิ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เป็นต้น ซึ่งตามแผนการกระจายอำนาจลงสู่ระดับท้องถิ่นต่อไปจะเป็นภารกิจหลักที่หน่วยงานท้องถิ่นจะเป็นเจ้าภาพหลักรับผิดชอบ ได้แก่ องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล รวมถึงเทศบาล มักประสบปัญหาในการเสนอแผนงานโครงการที่ท้องถิ่นยังขาดองค์ความรู้ข้อมูล รวมทั้งข้อจำกัดด้านศักยภาพและงบประมาณการบำรุงรักษา ที่ขาดความเชื่อมโยงกันระหว่างท้องถิ่นและหน่วยงานส่วนกลาง

ดังนั้น สทนช. จะเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยการจัดทำแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในระดับท้องถิ่น ให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถเสนอโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กภายในพื้นที่ของตนเอง โดยประยุกต์ใช้ดัชนีชี้วัดการจัดการน้ำของสำนักงานสถิติแห่งชาติ โดยมีตัวชี้วัด 8 มิติ เป็นเงื่อนไขในการลำดับความสำคัญความจำเป็นเร่งด่วนในการพัฒนาโครงการ ประกอบด้วย ด้านต้นทุนทรัพยากรน้ำ การจัดการน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค ความมั่นคงของน้ำเพื่อการพัฒนา ความสมดุลของน้ำต้นทุนและการใช้น้ำ การจัดการคุณภาพน้ำและสิ่งแวดล้อมน้ำ การจัดการภัยพิบัติที่เกิดจากน้ำ และการจัดการและอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี โดยหน่วยงานท้องถิ่นจะต้องจัดแผนทำปฏิบัติการในระยะ 5 ปี ผ่านทางคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ซึ่งหน่วยงานราชการจะสนับสนุนท้องถิ่นในการดำเนินการภารกิจถ่ายโอน ได้แก่ การจัดทำแผน ศึกษา สำรวจ ออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง บำรุงรักษา ผ่านกลไกลของคณะอนุกรรมทรัพยากรน้ำจังหวัด ก่อนเสนอต่อไปยังคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบกรอบดำเนินการ 28 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะช่วยเร่งให้เกิดการขับเคลื่อนฟื้นฟูแหล่งน้ำขนาดเล็กทั่วประเทศ ตอบสนองความต้องการใช้น้ำทั้งด้านอุปโภคบริโภคและด้านการเกษตรของคนในชุมชนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งที่มีอยู่เดิมให้กลับมาอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มีงบประมาณในการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสร้างใหม่ที่มีความแข็งแรงมั่นคงไม่ประสบปัญหาเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีประโยชน์โดยตรงกับชุมชนที่ห่างไกลแหล่งน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทาน

"โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยพะเนียง ต.นาด้วง อ.นาด้วง จ.เลย เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดเล็กที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณปี 2562 เดิมมีสภาพตื้นเขินและมีตะกอนสะสมเป็นจำนวนมาก อาคารระบายน้ำเดิมเกิดการชำรุดและไม่มีบานระบาย ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ ส่งผลให้เกิดปัญหาท่วมแล้งในพื้นที่ ซึ่งเทศบาลตำบลนาด้วงได้ร้องขอสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 3 จ.อุดรธานี ดำเนินการขุดลอกลำห้วยและก่อสร้างอาคารระบายน้ำ รวมทั้งก่อสร้างคลองส่งน้ำเข้าพื้นที่การเกษตร เพื่อแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับราษฎรในพื้นที่ ปัจจุบันโครงการแล็วเสร็จ และได้ถ่ายโอนให้กับเทศบาลตำบลนาด้วงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 63 สามารถเก็บกักน้ำได้ 50,000 ลบ.ม. ใช้ประโยชน์เพื่อการเกษตร 1,400 ไร่ การอุปโภค-บริโภค 200 ครัวเรือน ในพื้นที่ 1 ตำบล และยังใช้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด อีกทั้งยังมีการใช้ประโยชน์ที่ดินสำหรับทำการเกษตร 300 ไร่ ด้วย "ดร.สมเกียรติ กล่าว


ข่าวสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ+สำนักงานทรัพยากรน้ำวันนี้

สทนช. จับมือเขื่อนภูมิพล ปรับลดการระบายน้ำบรรเทาท่วมภาคกลาง

สทนช. ประชุมด่วนวางแผนปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล หลังคาดฝนภาคเหนือจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นวันพรุ่งนี้ จาก 55 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เหลือ 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และวันถัดไปปรับลดอีกเหลือ 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพื่อลดมวลน้ำที่ไหลลงสู่ภาคกลาง วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2568) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและวางแผนการบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพล โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ

สทนช. ระดมทุกหน่วยเดินหน้าคลี่คลายพื้นที่ท่วมขังหลังฝนตอนบนลดลง

เตรียมปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมจับตาฝนตกหนักต่อเนื่องภาคใต้ สทนช. หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นชอบปรับลดการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เหลือ 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน พร้อมเตรียมทยอยปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อช่วย...

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติ... เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา — สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะ...

สทนช. เปิดศูนย์ส่วนหน้าฯ "ลุ่มน้ำยม-น่าน" จับมือทุกหน่วย คุมจราจรน้ำจากเหนือสู่เจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

สทนช. เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ระดมทุกหน่วยจัดการจราจรน้ำที่ไหลจากภาคเหนือก่อนลงสู่อ่าวไทย โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ...

สทนช. ติดตามการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก พร้อมรับมืออุทกภัยปีนี้

สทนช. บูรณาการหน่วยงานประชุมศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าชั่วคราวฯ ลุ่มน้ำโขงเหนือ เร่งติดตามความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก การก่อสร้างพนังกั้นน้ำ และการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ รับมืออุทกภัยปีนี้ พร้อมชู "จ....