- กสอ. กรุยทางเชื่อมคลัสเตอร์ผึ้ง อุตสาหกรรมมูลค่าสูง ขยายยุทธศาตร์ผนึก SMEs แกร่ง
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) มุ่งเน้นพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการให้มีทักษะการบริหารจัดการอุตสาหกรรม การพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและการสร้าง ความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการผ่าน 2 เครื่องมือสำคัญประกอบด้วย เครื่องมือในเชิงพื้นที่ผ่านโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.) สร้างเครือข่ายผู้ประกอบการในเชิงพื้นที่เข้มแข็งฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ 11,879 กิจการ และเครื่องมือในเชิงธุรกิจผ่านการรวมกลุ่มคลัสเตอร์ จำนวน 103 กลุ่ม โดยตั้งเป้าปี 2564
ปั้น 29 คลัสเตอร์ ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้มีศักยภาพในการแข่งขัน คาดสามารถเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ
ได้กว่า 100 ล้านบาท เตรียมยกระดับ "คลัสเตอร์ผึ้ง" อุตสาหกรรมมูลค่าสูงในพื้นที่ภาคเหนือ ลดผลกระทบ
จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เสริมศักยภาพกระบวนแปรรูป การวิจัยคุณภาพน้ำผึ้ง เพื่อให้เทียบเท่าองค์กรระดับนานาชาติ
นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) มุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการผ่านการส่งเสริมทักษะการประกอบการในด้านต่าง ๆ การพัฒนาเทคโนโลยีให้กับกระบวนการผลิตและการแปรรูป การตลาด การบริหารจัดการ รวมทั้งการรวมกลุ่มผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน โดยใช้ 2 เครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมผู้ประกอบการ ประกอบด้วย โครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.) ซึ่งถือเป็นเครื่องมือในระดับพื้นที่ในการรวมกลุ่มผู้ประกอบการทุกสาขาอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการส่งต่อข้อมูลการดำเนินธุรกิจ การช่วยเหลือกัน ของผู้ประกอบการในระดับจังหวัดและภูมิภาค ทำให้เครือข่ายผู้ประกอบการมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้น
การดำเนินงานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 จนถึงปัจจุบัน ดำเนินการไปแล้ว 367 รุ่น ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ มีผู้ประกอบการเข้าร่วม 11,879 กิจการ ซึ่งผลพลอยได้จากการเข้าร่วมโครงการ ทำให้เกิดการผนึกเครือข่ายที่มีความเข็มแข็ง แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งยังสามารถให้ความช่วยเหลือกันได้ทันท่วงที ระหว่างเกิดปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจต่าง ๆ โดยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เกิดการช่วยเหลือระหว่างกันจนสามารถดดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องในช่วงที่เกิดปัญหาทางเศรษฐกิจ และโครงการพัฒนาการรวมกลุ่มและเชื่อมโยงอุตสาหกรรม หรือ คลัสเตอร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือในระดับธุรกิจที่รวบรวมผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกัน ก่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพภายในเครือข่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดย กสอ. ได้ขยายผลการขับเคลื่อนการผนึกกลุ่มผู้ประกอบการบนแนวคิด Cluster Hub คือ เชื่อมโยงอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเชิงพื้นที่กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องและหน่วยงานสนับสนุน เพื่อให้เกิดการพัฒนา และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น และเกิดกระบวนการเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่งได้ดำเนินการ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน สามารถพัฒนาคลัสเตอร์ จำนวน 103 กลุ่ม โดยในปี พ.ศ. 2564 มีแผน ในการดำเนินการพัฒนาคลัสเตอร์รวมทั้งสิ้น 29 กลุ่ม แบ่งเป็น คลัสเตอร์เกษตรอุตสาหกรรม จำนวน 25 กลุ่ม และคลัสเตอร์กลุ่มอุตสาหกรรมศักยภาพ (S-Curve) จำนวน 4 กลุ่ม คาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นายณัฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการในพื้นที่ภาคเหนือ โดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 1 ได้ดำเนินการในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 จนถึงปัจจุบัน สามารถพัฒนา คลัสเตอร์เสร็จสิ้นจำนวน 11 กลุ่ม โดยในปี 2563 ดำเนินการส่งเสริมคลัสเตอร์ 2 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย คลัสเตอร์ผ้าทอ ECO และคลัสเตอร์เครื่องมือแพทย์ ทั้งนี้หนึ่งในอุตสาหกรรม ที่ กสอ. เล็งเห็นถึงศักยภาพในการส่งเสริมให้เป็นคลัสเตอร์ ในปี 2564 คือ อุตสาหกรรมแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผึ้ง โดย ข้อมูลจาก กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในปีที่ผ่านมา พบว่า ประเทศไทยมีอุตสาหกรรมการผลิตน้ำผึ้งมากเป็นอันดับที่ 36 ของโลก และเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน (รองจากเวียดนาม) โดยสามารถผลิตน้ำผึ้ง ได้ 1 หมื่นตันต่อปี และส่งออกไปยังประเทศต่างๆ เช่น ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา อินโดนีเซีย แคนาดา และจีน จำนวนกว่า 7.9 พันตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 616.59 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเกิดคู่แข่งทางการค้า ส่งผลให้ราคาน้ำผึ้งลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากส่งเสริมเป็นคลัสเตอร์ผึ้งจะสามารถพยุงมูลค่าให้ใกล้เคียงกับในช่วงปีที่ผ่านมา เสริมศักยภาพให้กับกระบวนการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากผึ้ง ผ่านการจัดกาเครื่องจักรกลที่ทันสมัย และยังช่วย ลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยการจัดหาและจับคู่กับผู้ประกอบการในเครือข่ายของ กสอ. อาทิ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหาร ในการนำน้ำผึ้งไปใช้เป็นส่วนประกอบของอาหาร หรือ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมโรงแรมนำผลิตภัณฑ์จากผึ้งมาให้บริการกับผู้เข้าพัก
ด้าน นางสาวสุวรัตนา ยาวิเลิศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุภาฟาร์มผึ้ง จำกัด ระบุว่า สุภาฟาร์มผึ้ง ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยคุณสมบูรณ์ และคุณสุภา ยาวิเลิศ สองสามีภรรยาซึ่งได้ศึกษาเรียนรู้การเลี้ยงผึ้ง จากชาวไต้หวัน เริ่มจากอาชีพเสริมและพัฒนามาเป็นอาชีพหลัก โดยเลี้ยงผึ้งภายในสวนลำไยของครอบครัวที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยในช่วงโควิด19 ยอดขายผลิตภัณฑ์ลดลงกว่าร้อยละ 70 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาค 1 จ.เชียงใหม่ ในโครงการแตกกอธุรกิจผ่านการจัดทำโมเดลธุรกิจใหม่ ขยายฐานลูกค้าจากกลุ่มผู้สูงอายุ มาสู่กลุ่มคนวัยทำงาน โดยให้ใช้แฟลตฟอร์มออนไลน์เป็นเครื่องมือในการขาย ทั้งการนำเสนอโปรโมชัน ผ่านระบบไลฟ์ และการนำเสนอคอนเทนต์ผ่าน Youtube ของสุภาฟาร์ม
ปัจจุบันมีกลุ่มผู้เลี้ยงผึ้งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออก จำนวนกว่า 1,215 ราย
โดยน้ำผึ้งที่ผลิตออกมานั้นจะมีรสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้นอยู่กับอาหารที่ผึ้งได้รับ ตัวอย่างเช่นน้ำผึ้ง
จากดอกลำไยจะมีกลิ่นที่หอมกว่าน้ำผึ้งจากเกษรดอกไม้ทั่วไป ซึ่งหากผู้ประกอบการร่วมกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการผลิตและได้รับการสนับสนุนนวัตกรรมเครื่องจักรกลที่ทันสมัย เชื่อว่าจะสามารถวิจัย เชิงลึกเกี่ยวสรรพคุณของน้ำผึ้งหรือสารสำคัญที่มีเฉพาะในน้ำผึ้งจากประเทศไทย จะสามารถยกระดับคลัสเตอร์ผึ้ง ให้เทียบเท่า กับสมาคมในระดับนานาชาติ นางสาวสุวรัตนา กล่าวทิ้งท้าย
อย่างไรก็ดี ในปี พ.ศ. 2564 กสอ. มุ่งขับเคลื่อนแนวคิด "ตลาดนำคลัสเตอร์" เพื่อเป็นพื้นฐาน
การส่งเสริมด้วยการวางแผนการพัฒนาคลัสเตอร์ให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาด โดยบูรณาการเครื่องมือ ประกอบด้วย การให้คำปรึกษาแนะนำเบื้องต้นและเชิงลึก การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมภายใต้ศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 (ITC 4.0) ตลอดจนบุคลากรและเครื่องมือการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้ศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Thai-IDC) มาใช้ในกระบวนการพัฒนา โดยมีศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1-11 ซึ่งกระจายตัวทั่วประเทศให้เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนและดำเนินงาน Cluster Hub ของพื้นที่
โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ กสอ. ได้จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ นำทัพผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.) ประกอบด้วยผู้ประกอบการจากสุภาฟาร์มผึ้ง โรงแรมแอทพิงนคร ร้านโอ๋กะจู๋ ร้านอาหารลำดีตี้ขัวแดง และบริษัท อี.พี.เดคคอร์ จำกัด โชว์ศักยภาพเครือข่ายเข้มแข็งในพื้นที่ภาคเหนือทำให้สามารถดำเนินธุรกิจในภาวะการณ์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมการท่องเที่ยวสำหรับเพศทางเลือกได้ที่ www.thailgbtconnect.com โทรศัพท์ 092-590-5165 หรือสอบถามข้อมูลการส่งเสริมผู้ประกอบการฝ่าวิกฤตโควิด-19 ได้ที่ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทรศัพท์ 0 2202 4414-18
"พลอยลภัสร์" เปิดตัวภาพยนตร์ "สำรับ สลับศตวรรษ My Century" ผนึกพลังสร้างสรรค์ ถ่ายทอดเสน่ห์อาหารไทย ผ่านภาพยนตร์ก้าวไกลสู่เวทีสากล
"ดีพร้อม" โชว์ความสำเร็จสร้าง Hidden Gems ยกระดับร้านอาหารเชฟชุมชนฯ ตอกย้ำเสน่ห์อาหารไทย รังสรรค์ 93 เมนู เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม คาดสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 140 ล้านบาท
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย และ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมฉลองครบรอบ 10 ปี
กระทรวงอุตฯ ชูผลสำเร็จ 1 ทศวรรษ "Angel Fund" ดีพร้อม-เดลต้า ปั้น "ผู้ประกอบการอัจฉริยะ" 237 ราย สร้างมูลค่าเศรษฐกิจทะลุ 1,000 ล้านบาท พร้อมรุก 3 กลยุทธ์ใหม่ ดันดีพเทคดาวรุ่งสู่ตลาดอุตสาหกรรม
"ธนกร" สั่งการ "ดีพร้อม" Quick Big Win อัดฉีดสินเชื่อ "เงินไว by DIPROM" ดอกเบี้ย 50 สตางค์ กระตุ้นสั้น โค้งสุดท้ายปลายปี ดีมานด์พุ่ง!! 30%
"ดีพร้อม" ปลุกพลังสร้างสุข ดัน SMEs เข้าร่วมกิจกรรม เลิกเหล้า-บุหรี่ ออมเงิน ได้ผลกว่า 17 ล้าน ขึ้นแท่น วิสาหกิจต้นแบบ SHAP ประจำปี 2567
"ดีพร้อม" เสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยสายแฟชั่น ดึงซอฟต์พาวเวอร์ เสริมอัตลักษณ์ รังสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมชี้ 3 เทรนด์ที่ต้องเร่งปรับตัวตาม
ดีพร้อมจัดใหญ่ 'มหกรรมดีพร้อมเสน่ห์ไทย: Thai Vibe by DIPROM' โชว์ซอฟต์พาวเวอร์อาหารและแฟชั่นไทย สร้างอนาคตใหม่ให้ SMEs คาดดึงคน 30,000 รายเข้างาน กระตุ้นเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 250 ล้านบาท
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ วว. / THACCA เชิญชวนร่วมกิจกรรมการเชื่อมโยงสู่เทคโนโลยีเพิ่มช่องทางการตลาด ฟรี!!