สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ สมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย (TBIA) โดยการสนับสนุนของ สภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (สสวทท.) จัดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “นวัตกรรมการจัดการขยะอินทรีย์และพลาสติกชีวภาพ” ภายใต้การดำเนินโครงการนวัตกรรมการจัดการขยะอินทรีย์และพลาสติกชีวภาพสำหรับเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทย พร้อมเผยแพร่ฐานข้อมูลระบบการจัดการขยะอินทรีย์และพลาสติกชีวภาพในการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งให้เกิดการนำขยะอินทรีย์ไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น สามารถส่งเสริมการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางเพื่อการสร้างวินัยในการจัดเก็บขยะตามหลักสุขาภิบาล พร้อมระดมนักวิชาการแบ่งปันความคิด ข้อเสนอแนะ เพื่อสร้างแนวทางปฏิบัติ ในเวทีเสวนา “ร่วมมือกันจัดการขยะอินทรีย์ด้วยพลาสติกชีวภาพ” โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวน 200 คนจากภาครัฐและภาคเอกชน เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ณ ห้องประชุมชั้น 5 อาคาร Admin วว. เทคโนธานี คลองห้า จ.ปทุมธานี
พล.ต.รศ.ดร.ชัยณรงค์ เชิดชู นายกสภาสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กล่าวตอนหนึ่งในโอกาสเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการฯ ว่า กระบวนการจัดการขยะอินทรีย์ที่ดี มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการนำพาประเทศไทยไปสู่ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐกิจ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกันจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา หน่วยงานระดับท้องถิ่นและประชาชน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในการสัมมนาครั้งนี้จะช่วยจุดประกายความคิดในการระดมสมอง เพื่อผลักดันให้เกิดนโยบายระดับประเทศ ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบการจัดการขยะอินทรีย์อย่างมีประสิทธิภาพและยกระดับคุณภาพของปุ๋ยอินทรีย์ เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจแบบหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจแบบใหม่ของรัฐบาลที่มุ่งสู่ BCG Model เพี่อเร่งพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตแบบก้าวกระโดดบนฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายสายันต์ ตันพานิช รองผู้ว่าการวิจัยและพัฒนาด้านอุตสาหกรรมชีวภาพ วว. กล่าวว่า วว. และสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย ได้รวบรวมข้อมูลระบบการแปรรูปขยะอินทรีย์และขยะพลาสติกชีวภาพให้เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ครอบคลุมทั้งกระบวนการตั้งแต่ระบบครัวเรือนจนถึงระบบอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ยิ่งต่อภาคการเกษตร การบริหารจัดการขยะอินทรีย์ของประเทศ โดยผู้สนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลได้ที่ Facebook TISTR ทั้งนี้ขยะอินทรีย์มักถูกทิ้งรวมขยะอื่นๆ ก่อให้เกิดปัญหาในการจัดการขยะในภาพรวม แนวทางหนึ่งในการลดภาระให้กับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ การนำขยะอินทรีย์มาผ่านกระบวนการหมักเป็นปุ๋ยอินทรีย์ แล้วนำกลับมาไปใช้ในการปรับปรุงบำรุงดินให้มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะกับการเจริญเติบโตของพืช การจัดกิจกรรมสัมมนาครั้งนี้มุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมงานเล็งเห็นถึงความสำคัญของการลดปริมาณและแยกประเภทขยะอินทรีย์ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ของชุมชนและองค์กรต่อไป อันจะก่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนและนำไปสู่ความยั่งยืนจากการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดมลพิษของประเทศ
นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย กล่าวถึงบทบาทของพลาสติกชีวภาพช่วยจัดการขยะอินทรีย์ได้อย่างไรว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีวัตถุดิบที่เป็นต้นน้ำในการผลิตพลาสติกชีวภาพในระดับโลก ได้แก่ อ้อย มันสำปะหลัง และยังเป็นประเทศที่มีกำลังการผลิตพลาสติกชีวภาพอยู่ในระดับโลกเช่นกัน ซึ่งส่วนใหญ่จะส่งออกไปต่างประเทศ อย่างไรก็ดีปริมาณการใช้พลาสติกชีวภาพภายในประเทศยังมีจำนวนน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณการผลิตและส่งออกไปยังต่างประเทศ แม้นว่าภาครัฐและเอกชนจะหันมาให้ความสำคัญในการวิจัยพัฒนาเพิ่มมากขึ้น และรณรงค์ให้มีการใช้ภายในประเทศให้มากขึ้น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจและจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการสื่อสาร สร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน เพื่อการบริหารจัดการให้มีการใช้ประโยชน์มากขึ้น ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าพลาสติกชีวภาพไม่สามารถมาแทนที่การใช้พลาสติกได้ แต่เป็นทางเลือกในการบริหารจัดการดูแลสิ่งแวดล้อมให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน โลกเรานั้นยังต้องอาศัยพลาสติกอยู่ แต่เราต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเหมาะสมกับคุณสมบัติของพลาสติกที่ถูกสร้างมาให้มีช่วงระยะเวลาการใช้ที่ยาวนาน แต่มนุษย์เรานั้นนำมาใช้ประโยชน์สั้นเกินไปและใช้ไม่คุ้มค่า จึงก่อให้เกิดการสะสมของปริมาณขยะตามมา
ดร.รจนา ตั้งกุลบริบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมเกษตรสร้างสรรค์ วว. กล่าวถึงนวัตกรรมการจัดการขยะอินทรีย์และพลาสติกชีวภาพว่า ปัจจุบันเกษตรกรไทยมีความสนใจนำวัสดุเหลือทิ้งอินทรีย์จากครัวเรือน ชุมชนและอุตสาหกรรมเกษตรมาใช้ในการผลิตสารปรับปรุงดิน/ปุ๋ยอินทรีย์เพื่อทดแทนและลดการใช้ปุ๋ยเคมีในการเกษตรแบบปลอดภัย โดยมีนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องซึ่งหลายภาคส่วนได้ศึกษาพัฒนาขึ้นและสามารถนำไปใช้ได้จริง อาทิ เทคโนโลยีการผลิตปุ๋ย/การหมักปุ๋ยระดับครัวเรือนเป็นการแก้ปัญหาการกำจัดเศษอาหารให้มีประโยชน์อีกครั้ง ต้นแบบการจัดการขยะระดับชุมชน เช่น การเลือกใช้สิ่งของและผลิตภัณฑ์ที่ไม่กระทบกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นมาตรการลดหรือป้องกันไม่ให้เกิดขยะตั้งแต่ต้น การยึดหลักการที่ว่าขยะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ การทำให้ขยะเหลือน้อยที่สุดและกำจัดที่เหลือด้วยเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้การจัดการขยะอินทรีย์และพลาสติกชีวภาพที่เหมาะสมจะก่อให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมคือ ช่วยลดปริมาณขยะ มีรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากขยะอินทรีย์ ลดค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ยในการทำการเกษตร สามารถใช้ทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้สภาพดินดีขึ้น ลดปริมาณของเหลือทิ้งทางการเกษตรในโรงงานอุตสาหกรรมเกษตรลงได้มาก ขยายพื้นที่การเกษตรโดยการใช้ปุ๋ยอินทรีย์เพิ่มขึ้น สร้างงานให้กับคนในบริเวณโรงงานและพื้นที่ใกล้เคียง และเกิดการหมุนเวียนของการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน
นอกจากนี้ในงานสัมมนายังมีกิจกรรม เสวนาเรื่อง “ร่วมมือกันจัดการขยะอินทรีย์ด้วยพลาสติกชีวภาพ” โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและเอกชนร่วมให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ โดยมีข้อสรุปดังนี้
ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า ประเทศไทยไม่มีระบบการจัดการขยะที่ดี ทำให้เกิดปัญหาขยะอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะขยะจากอาหาร คือ การสูญเสีย ทั้งนี้มีรายงานว่า ปริมาณอาหาร 1 ใน 3 ของโลกสูญเสียไปกับกระบวนการต่างๆ นับว่าเป็นการสูญเสียทรัพยากรและต้นทุนในการผลิตและการขนส่ง ขยะพลาสติกในไทยมีปริมาณ 12% หรือ 2 ล้านตันของปริมาณขยะทั้งหมด ซึ่งมีการจัดการขยะไม่ถูกต้อง และส่งผลกระทบต่อสุขอนามัย ขยะต้องนำไปจัดการให้ถูกต้อง ทั้งระบบขนส่ง ระบบจัดการ จะต้องมีระบบที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ เช่น การฝังกลบ จะต้องมีการคลุมด้วยพลาสติก เพื่อไม่ให้รั่วไหลลงสู่น้ำใต้ดิน กรณีการเผา ต้องมีระบบบำบัดมลพิษต่าง ๆ ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด สิ่งที่ต้องเร่งทำคือ สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับคนไทยในการคัดแยกขยะ ประเทศไทยต้องมีความชัดเจนในด้านนโยบายการบริหารจัดการ มีกฎระเบียบที่ชัดเจน จึงจะทำให้ประสบผลสำเร็จในการแก้ไขปัญหา
นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา ผู้อำนวยการกลุ่มงานสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การจัดการขยะมูลฝอยใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ มีการรวมกลุ่มเป็นคลัสเตอร์แล้ว 262 กลุ่ม เพื่อการบริหารจัดการขยะร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ โดยมีการแบ่งกลุ่มพื้นที่ออกเป็น 3 ขนาด ได้แก่ 1. Size L มีปริมาณขยะมากกว่า 500 ตันต่อวันมี 11 กลุ่ม 2. Size M มีปริมาณขยะ 300 - 500 ตันต่อวันมี 11 กลุ่ม และ 3. Size S มีปริมาณขยะน้อยกว่า 300 ตันต่อวันมี 240 กลุ่ม ปัจจุบันมีการใช้งบประมาณในการบริหารจัดการขยะในท้องถิ่นประมาณปีละ 2 หมื่นกว่าล้านบาท แต่มีการจัดเก็บค่าบริการได้ประมาณ 2 พันกว่าล้านบาทต่อปีเท่านั้น จึงมีส่วนต่างที่ภาครัฐต้องรับภาระจำนวนมาก แทนที่จะใช้งบประมาณดังกล่าวเพื่อสวัสดิการประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ดังนั้นสิ่งที่สังคมต้องร่วมมือกันก็คือ ลดปริมาณขยะเพื่อลดการใช้งบประมาณในการบริหารจัดการ อย่างไรก็ตามแต่ละจังหวัดมีบริบทที่แตกต่างกันต้องคัดสรรวิธีการที่เหมาะสมและให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า
นางสาววานิช สาวาโย ผู้อำนวยการส่วนลดและใช้ประโยชน์ของเสีย กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ในปี 2562 มีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนเกิดขึ้นทั่วประเทศประมาณ 28.71 ล้านตัน มีการสร้างขยะประมาณ 1.18 กิโลกรัม/คน/วัน ทั้งนี้กฏหมายเกี่ยวกับการบริหารจัดการขยะพลาสติกโดยตรงยังไม่มี เป็นเพียงมาตรการที่เกี่ยวข้อง เช่น การรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกในห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในประเทศ ทั้งนี้เป็นโจทย์ที่ภาครัฐจะขับเคลื่อนขยายผลต่อไปในส่วนต่างๆ เช่น ตลาดสด ร้านขายของชำ ที่มีปริมาณการใช้ถุงพลาสติกจำนวนมาก ปัจจุบันมีคณะทำงานภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในการเชื่อมโยงให้มีการ งด เลิก ใช้ พลาสติก ซึ่งจะตอบโจทย์กับปัญหาปัจจุบัน
ดร.เรวดี อนุวัฒนา นักวิจัยอาวุโส ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมพลังงานสะอาดและสิ่งแวดล้อม วว. กล่าวว่า หากมีการแยกขยะอย่างมีประสิทธิภาพจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน ต้องมีการนำเทคโนโลยีในการบริหารจัดขยะเข้าไปใช้ในพื้นที่จริง จากกรณีการดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและขยะพลาสติกในชุมชนเพื่อการบูรณาการย่างยั่งยืน ระหว่าง วว. อบต.ตาลเดี่ยว และจังหวัดสระบุรี ประสบผลสำเร็จในการพัฒนา นวัตกรรมและเทคโนโลยีการคัดแยกขยะระบบกึ่งอัตโนมัติ ที่สามารถรองรับปริมาณขยะเก่าและขยะใหม่ 20-40 ตันต่อวัน โดยเน้นสัดส่วนการรีไซเคิลและแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เทคโนโลยีในการคัดแยกชนิดและสีพลาสติกพร้อมระบบผลิตเกล็ดและเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง กำลังการผลิต 100 กิโลกรัมต่อชั่วโมง นวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพร่วมกับสารปรับปรุงดิน ประกอบด้วย ระบบผลิตก๊าซไบโอมีเทนอัดถัง ระบบผลิตสารปรับปรุงดินชนิดน้ำ ระบบผลิตเชื้อเพลิงขยะคุณภาพสูง (RDF) รวมถึง นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ชุมชนจากขยะหรือของเหลือทิ้งภาคการเกษตร ส่งผลให้มีการเพิ่มสัดส่วนการรีไซเคิล คัดแยกขยะอินทรีย์เพื่อการนำไปใช้ประโยชน์ เกิดการจ้างงานสร้างอาชีพ ลดมลพิษทางสิ่งแวดล้อมจากขยะและน้ำเสีย
ดร.วันทนีย์ จองคำ ที่ปรึกษาสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพไทย กล่าวว่า ขยะอินทรีย์ในประเทศมีปริมาณปีละ 17.28 ล้านตัน สามารถนำมาคัดแยกขยะจากต้นทางโดยใช้ถุงพลาสติกชีวภาพ จะสามารถผลิตปุ๋ยอินทรีย์ได้ถึงปีละ 11.52 ล้านตัน คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้นกับประเทศถึง 115,200 ล้านบาท จากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นว่าโอกาสของพลาสติกชีวภาพของประเทศไทยในระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่จะเกิดขึ้นคือ การขยายผลรูปแบบการจัดงานสีเขียวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยใช้พลาสติกชีวภาพในการจัดการขยะอินทรีย์ รัฐบาลกำหนดนโยบายการคัดแยกขยะต้นทางโดยใช้พลาสติกชีวภาพในการจัดการขยะอินทรีย์ทั้งในระดับครัวเรือน ชุมชนและจังหวัด โดยทำงานร่วมกับกลุ่มพลาสติกเพื่อผลักดันให้เกิด Circular Economy อย่างครบวงจร รัฐบาลกำหนดนโยบายให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ผลิต ผู้จำหน่าย และผู้บริโภค ต้องมีส่วนรับผิดชอบร่วมกันในการจัดการขยะพลาสติกในรูปแบบของการจัดเก็บภาษีเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อม เพื่อนำมาใช้จัดทำระบบการขยะของประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้เกิดระบบการจัดการขยะที่ยั่งยืนของประเทศ โดยควรมีงานวิจัยเชิงนโยบายเพื่อประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูรองรับ
ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานต้อนรับ นางสาวศศิธร พลัตถเดช รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พร้อมคณะ ในโอกาสเยี่ยมชมศึกษาดูงาน โครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของ วว. ได้แก่ ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช โรงงานบริการนวัตกรรมอาหาร (FISP) ศูนย์นวัตกรรมผลิตหัวเชื้อจุลินทรีย์เพื่ออุตสาหกรรม (ICPIM) และศูนย์ทดสอบมาตรฐานระบบขนส่งทางราง
วว. วิจัยพัฒนาการใช้ประโยชน์สารสกัด "ใบเตย" เสริมสุขภาพระบบกระดูก/ข้อ สำหรับสังคมก่อนและสูงวัย
—
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โด...
วว.รับมอบประกาศนียบัตรร่วมจัดแสดงผลงานในงานสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติเจนีวา ครั้งที่ 50
—
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาส...
วว.คว้ารางวัลชนะเลิศเหรียญทอง (Gold Medal) @ งานสิ่งประดิษฐ์ระดับนานาชาติเจนีวา ครั้งที่ 50
—
ผศ.ดร.วีรชัย อาจหาญ ผู้ว่าการ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโน...
สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราช วว. ชวนร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
—
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกร...
วว. พัฒนาสารเสริมสุขภาพสัตว์ปีกจากจิ้งหรีดทองดำ ช่วยลดปริมาณเชื้อก่อโรค/กระตุ้นการเจริญเติบโต
—
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย...
วว. ร่วมสืบสานศิลปวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น เนื่องในงาน "สงกรานต์ อว."
—
นางสาวศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและน...
วว. จัดอบรมฟรี ! เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC
—
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สถาบันวิจ...
วว. คว้ารางวัลชนะเลิศนวัตกรรมการสื่อสารสร้างสรรค์ Commu Max Competition
—
วว. คว้ารางวัลชนะเลิศนวัตกรรมการสื่อสารสร้างสรรค์ Commu Max Competition จากผลงาน...
สถานีวิจัยลำตะคอง วว. บริการ จุดพักรถ…พักผ่อน เติมพลัง ช่วงเทศกาลสงกรานต์ "8 - 15 เมษายน 2568"
—
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.)...