แนวคิดการรวมทรัพยากรไอทีเพื่อบริหารจัดการและแชร์การใช้งานร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเป็นความต้องการของทุกองค์กรมานานแล้ว หากยังพอจำกันได้ แนวคิดเรื่อง คอนโซลิเดชัน (Consolidation) นับเป็นจุดเริ่มต้นของความพยายาม จัดการกับฮาร์ดแวร์แบบรวมศูนย์ แต่ยังทำได้แค่เพียงนำเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และเน็ตเวิร์คที่ใช้ในองค์กรมารวมไว้ในศูนย์ข้อมูลกลาง เพื่อให้ดูแลง่าย ประหยัดพื้นที่ และปลอดภัย แต่ยังไม่สามารถจัดสรรการใช้งานฮาร์ดแวร์ได้เต็มประสิทธิภาพ รวมทั้งไม่สามารถนำทรัพยากรส่วนเกินจากจุดหนึ่งไปเติมส่วนที่ขาดในอีกจุดหนึ่งได้ เนื่องจากเป็นการใช้งานแบบหนึ่งเครื่องต่อหนึ่งแอปพลิเคชันหรือหนึ่งระบบปฏิบัติการ จนกระทั่งเกิดเทคโนโลยีที่เรียกว่า เวอร์ชวลไลเซชัน (Virtualization) ที่สามารถจำลองสภาพการทำงานของฮาร์ดแวร์กลุ่มต่าง ๆ ในรูปแบบเวอร์ชวลแมชชีน (Virtual Machine) และทำให้องค์กรสามารถโยกย้าย กระจาย หรือแบ่งปันทรัพยากรไอทีข้ามไปมาระหว่างกันได้อย่างยืดหยุ่น รวดเร็ว เสมือนเป็นการทำงานจากคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน แต่ก็สร้างความยุ่งยากและภาระงานให้กับผู้ดูแลระบบเมื่อต้องติดตั้งใช้งาน และส่วนใหญ่ยังเป็นการใช้งานปิดภายในองค์กร
รับมือยุคเปลี่ยนผ่านด้วย Hyper Converged Infrastructure
เมื่อความต้องการทางธุรกิจและพฤติกรรมของผู้ใช้เทคโนโลยีในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่โลกออนไลน์มากขึ้น คลาวด์ประเภทต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจและการปฏิบัติงานทั้งในและนอกองค์กร โดยแอปพลิเคชันมีแนวโน้มพัฒนาจากการใช้เฉพาะในกระบวนการปฏิบัติงาน ไปสู่แพลตฟอร์มบริการธุรกิจบนระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์เชื่อมต่อที่หลากหลายจากทุกที่ทั่วประเทศหรือทั่วโลก ดังนั้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีทั้งกับลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ และผู้มีส่วนได้เสียต่าง ๆ ทำให้องค์กรธุรกิจจำต้องยกระดับโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบเวอร์ชวลไลเซชันไปสู่ แนวคิด Hyper Converged Infrastructure (HCI) เพื่อขยายผลการจัดการและใช้งานทรัพยากรไอทีร่วมกันจากส่วนกลางอย่างปลอดภัย ไล่ตั้งแต่อุปกรณ์ในการประมวลผล เช่น เซิร์ฟเวอร์ ระบบจัดเก็บข้อมูล (Storage) และเน็ตเวิร์ค ไปจนถึงการจัดการกับแอปพลิเคชันหรือบริการทางธุรกิจ โดยมีซอฟต์แวร์เป็นตัวกำหนดและควบคุมการทำงาน (Software-defined) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเทคโนโลยี ไฮเปอร์ไวเซอร์ (Hypervisor) ที่จะมาเสริมประสิทธิภาพและความคล่องตัวในการทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีเกิดใหม่ต่าง ๆ เช่น การทำงานผ่านสภาพแวดล้อมคลาวด์ การทำงานกับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลในลักษณะเวอร์ชวลเดสก์ท็อป (VDI) อุปกรณ์ BYOD อุปกรณ์ไอโอที เทคโนโลยีเอไอ หรือ แมชชีน เลิร์นนิ่ง เป็นต้น
ในการทำงานของเวอร์ชวลแมชชีนยุคเก่า หากองค์กรต้องการพัฒนาหรือติดตั้งใช้งานแอปพลิเคชัน หรือบริการทางธุรกิจใด ๆ จะต้องมีการจำลองระบบปฏิบัติการนั้น ๆ ติดไปด้วยจึงจะใช้งานได้ แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีคอนเทนเนอร์ (Container) อย่าง Docker เข้ามาช่วยจำลองสภาพแวดล้อมที่จำเป็นและเหมาะสมสำหรับการใช้งานแอปพลิเคชันที่ตอบสนองต่อบริการทางธุรกิจได้รวดเร็วขึ้น โดยเรียกแอปพลิเคชันเหล่านั้นว่า Cloud-Native Application เพราะไม่ยึดติดกับระบบปฏิบัติการหรือไฮเปอร์ไวเซอร์ ดังนั้น ในแต่ละคอนเทนเนอร์จะบรรจุเฉพาะแอปพลิเคชันหรือบริการธุรกิจ ไฟล์ตั้งค่าการติดตั้ง อิมเมจ และไลบรารี่ต่าง ๆ ให้พร้อมสำหรับการนำไปใช้กับเซิร์ฟเวอร์เครื่องใดก็ได้ที่ติดตั้งไฮเปอร์ไวเซอร์ไว้โดยไม่ต้องกังวลกับOS หรือต้องติดตั้งเครื่องมือ (Tools) อื่น ๆ เพิ่มเติมแต่อย่างใด ประโยชน์คือแอปพลิเคชันหรือบริการธุรกิจในรูปของไมโครเซอร์วิส (Microservices) มีขนาดเล็กลง เคลื่อนย้ายง่าย และติดตั้งใช้งานได้รวดเร็ว ขณะเดียวกัน เทคโนโลยี คูเบอร์เนเตส (Kubernetes) ก็จะมาช่วยบริหารจัดการการใช้งานคอนเทนเนอร์หลาย ๆ ตัวในระบบให้ทำงานร่วมกันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
Hyper Converged กับแพลตฟอร์มคลาวด์องค์กรเพื่ออนาคต
ถึงตอนนี้ เราพอมองเห็นว่าโครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบ Hyper Converged ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและความคล่องตัวในการพัฒนาระบบงานที่สำคัญต่อการทำธุรกิจในปัจจุบัน สามารถผสมผสานการทำงานระบบเก่าและใหม่ให้มีประสิทธิภาพแม้เทคโนโลยีจะแตกต่างกัน ปรับเปลี่ยนเข้าสู่คลาวด์ที่ทันสมัยด้วยสถาปัตยกรรมทางเทคโนโลยีที่เล็กลงและส่งต่อได้ง่ายขึ้น บริหารทรัพยากรไอทีให้เหมาะสมกับปริมาณงานเพื่อลดค่าใช้จ่าย ลดเวลาปรับเปลี่ยนและบำรุงรักษาระบบไอที นอกจากนั้นผู้ดูแลยังสามารถใช้ประโยชน์ของระบบแบบ Self-Service เพื่อทำงานหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและมีความเป็นอัตโนมัติมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ องค์กรธุรกิจที่ต้องการผันระบบงานเพื่อรับกับเทคโนโลยีคลาวด์ องค์กรที่กำลังมองหาระบบเพื่อรองรับการขยายสาขา การทำ Co-Location การทำงานจากทางไกล หรือต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพและรับมือกับแอปพลิเคชันที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ในระบบหรือบนคลาวด์ แนะนำว่าไม่ควรมองข้ามการนำแนวคิดเรื่อง Hyper Converged ไปใช้
ปัจจุบัน บริษัทเทคโนโลยีไอทีชั้นนำของโลกหลายแห่งได้พัฒนาประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ให้สามารถรองรับโครงสร้างการทำงานไอทีในแบบ Hyper Converged ได้มากขึ้น ตัวอย่างเช่น HPE SimpliVity 380 โดยฮิวเลตต์-แพคการ์ด ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม Hyper Converged ที่รวมการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ สตอเรจ และเครือข่ายการจัดเก็บข้อมูลไว้ด้วยกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความเร็ว และความยืดหยุ่นในการใช้งาน รวมถึงมีความสามารถในการสำรองหรือกู้คืนข้อมูลไว้อย่างครบถ้วน แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับองค์กรของนูทานิกซ์ (Nutanix Enterprise Cloud Platform) ซึ่งมาพร้อมกับ Nutanix Hypervisor AHV ที่ช่วยดูแลจัดการแอปพลิเคชัน และแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั้งในระดับฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเวอร์ชวลแมชชีน อาทิ ช่วยปกป้องและกู้คืนข้อมูลระดับไฟล์ ทำซ้ำและส่งต่อไฟล์ข้อมูลข้ามไปยังฮาร์ดแวร์กลุ่มต่าง ๆ (คลัสเตอร์) ในกรณีเกิดภัยพิบัติ เพิ่มฟังก์ชันที่เรียกว่า Self-Service Portal สำหรับสร้างคลาวด์ส่วนตัว สร้างคลัสเตอร์ของคูเบอร์เนเตส ลดปัญหาความขัดข้องของระบบ (Downtime) ด้วยการซ่อมแซมข้อมูลที่เสียหายเอง อัพเกรดฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ ไฮเปอร์ไวเซอร์ ลดหรือขยายเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อในเครือข่าย (Node Server) ผ่านออนไลน์ได้รวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน-เขียนข้อมูล และกระจายการทำงานโดยไม่ต้องลงทุนสตอเรจขนาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีโซลูชัน Nutanix Xi Frame ซึ่งรองรับการทำงานแบบเวอร์ชวลเดสก์ท็อปที่ต้องอาศัยกราฟิกและการเชื่อมต่อแบบไร้สาย โดยสามารถเข้าระบบปฏิบัติการต่าง ๆ ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ เป็นต้น ซึ่งข้อดีคือสามารถซื้อใช้งานได้เท่าที่จำเป็นโดยไม่ต้องลงทุนล่วงหน้า และสามารถจัดซื้อเพิ่มเติมภายหลังได้โดยเชื่อมต่อกับระบบเดิมอย่างไม่มีข้อจำกัด
กล่าวโดยสรุป Hyper Converged นับเป็นเทคโนโลยีอนาคตสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและคลาวด์ ซึ่งตอบโจทย์ได้ตรงจุดทั้งประสิทธิภาพในการควบคุมและลดต้นทุนด้านไอที โดยไม่ลดทอนศักยภาพการทำงานและขีดความสามารถด้านการแข่งขันทางธุรกิจ
UBE อัปสกอร์! ขึ้นชั้นระดับ AA จากการประเมินความยั่งยืน SET ESG Ratings 2568 ปักธงปี 2569 ยกระดับการดำเนินงานมุ่งเป้าดัชนีโลก FTSE Russell
SAPPE คว้า SET ESG Ratings 2025 ระดับ A ติดอันดับหุ้นยั่งยืนต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน ตอกย้ำมาตรฐานธุรกิจยั่งยืนในทุกมิติ
PTG คว้าหุ้นยั่งยืน "ระดับสูงสุด AAA" จาก SET ESG Ratings ปี 2568
TTA คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ปี 2568 ระดับสูงสุด "AAA"
COM7 คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ระดับ "AA" ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ตอกย้ำการบริหารจัดการธุรกิจอย่างยั่งยืน
ไทยยูเนี่ยนได้รับผลการประเมินดัชนีชี้วัดด้านการบริหารจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ CDP ระดับ A- ตอกย้ำความก้าวหน้าภายใต้กลยุทธ์ความยั่งยืน SeaChange(R) 2030
ไทยประกันชีวิต ชู TLI แอปพลิเคชัน ตอบโจทย์บริการด้านสุขภาพ-การเงินแบบครบวงจร
ปตท. คว้า 6 รางวัล Thailand Corporate Excellence Awards 2025 สะท้อนบทบาทองค์กรแห่งความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน
SKR คว้าหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2568 ระดับ "A" ตอกย้ำการบริหารจัดการธุรกิจอย่างยั่งยืน