งานวิจัยทั่วโลกแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ยาปลอมไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย และยังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ป่วยและผู้บริโภคได้ เนื่องจากยาปลอมมีการแพร่ระบาดในตลาดการค้ามาเป็นเวลานาน และการไม่มีความตระหนักรู้ที่มากพอมักทำให้เกิดการบริโภคยาปลอมจนนำไปสู่อาการและโรคต่างๆ ตลอดจนถึงความพิการแบบถาวร หรือแม้แต่การเสียชีวิตของผู้บริโภค
ไอพี คีย์ เซาท์อีสต์เอเชีย (IP Key South-East Asia) ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป เชื่อว่าสุขภาพของทุกคนเป็นสิ่งที่ประเมินค่ามิได้ จึงเปิดตัวแคมเปญออนไลน์ #YourHealthisPriceless เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงอันตรายที่เกิดการใช้ยาปลอมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพปลอม โดยให้ผู้บริโภคร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้ผลิตภัณฑ์ยาปลอมผ่านสื่อสังคมออนไลน์
“แคมเปญ #YourHealthisPriceless คือการเน้นย้ำถึงพันธกิจของสหภาพยุโรปผ่านโครงการ ไอพี คีย์ เซาท์อีสต์เอเชีย ในการสร้างความตระหนักรู้ด้านสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เราเชื่อมั่นว่าการแบ่งปันเรื่องราวจะช่วยให้เราตระหนักถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้บริโภครับทราบถึงลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์แท้ และซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากแหล่งจำหน่ายที่ถูกต้องตามกฎหมาย” นายติอาโก เกียเรอิโร หัวหน้าโครงการ ไอพี คีย์ เซาท์อีสต์เอเชีย กล่าว
ภัยคุกคามต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ
ผลิตภัณฑ์ยาปลอมคือยาที่ไม่มีคุณสมบัติสอดคล้องตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา จากข้อมูลการศึกษาเรื่องการค้าผลิตภัณฑ์ยาปลอม (Trade in Counterfeit Pharmaceutical Products) เมื่อเร็ว ๆ นี้โดยสำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาของสหภาพยุโรป (European Union Intellectual Property Office : EUIPO) และองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development - OECD) ระบุว่า โดยส่วนใหญ่แล้วหรือประมาณ 90% ของเคสผู้ป่วย พบว่ายาปลอมเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของผู้ป่วย นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) ยังรายงานในปี พ.ศ. 2560 ถึงเรื่องการเฝ้าระวังและระบบการตรวจสอบสากลขององค์การอนามัยโลกในเรื่องมาตรฐานและผลิตภัณฑ์ยาปลอม (WHO Global Surveillance and Monitoring System for Substandard and Falsified Medical Products) และประเมินว่าอาจมีเด็กที่อาจเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมจากการใช้ยาปลอมเป็นจำนวนราว 72,000 ถึง 169,000 คนในแต่ละปี
ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ได้แก่ ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด และยาโรคเบาหวาน โรคระบบประสาทส่วนกลาง โรคหัวใจ มะเร็ง มาลาเรีย รวมถึงเอชไอวี/เอดส์ และยาอื่น ๆ อีกมากมาย ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ยังครอบคลุมถึงยาและอุปกรณ์บำบัดต่าง ๆ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ด้านความงาม นับตั้งแต่อุปกรณ์จำพวกเข็มฉีดยาไปจนถึงกลุ่มสกินแคร์ แม้ผลิตภัณฑ์บางชนิดจะถูกจัดให้เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเครื่องสำอางในบางประเทศก็ตาม ผู้บริโภคอาจตกเป็นเหยื่อผลิตภัณฑ์ปลอมจากการใช้โลโก้หรือบรรจุภัณฑ์ปลอมซึ่งเลียนแบบให้เหมือนของแท้ ผู้ขายอาจมีการจัดโปรโมชั่นหรือลดราคาสินค้า หรืออาจถูกเชื้อชวนให้ซื้อเพราะความนิยมในสินค้าดังกล่าว ผลของการใช้ยาที่มาจากแหล่งผิดกฎหมายยังก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขภาพ รวมถึงการไม่สามารถรักษาหรือป้องกันโรคต่าง ๆ ได้
แม้จะเป็นปัญหาระดับโลก แต่การเพิ่มปริมาณของผลิตภัณฑ์ยาปลอมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็เริ่มเป็นเรื่องที่น่าวิตกมากขึ้นเรื่อยๆ งานศึกษาในปี ค.ศ. 2019 เรื่องอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Transnational Organized Crime in South-East Asia) โดยสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Office on Drugs and Crime : UNODC) ได้ระบุถึงรายชื่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย ที่เป็นต้นกำเนิดของยาปลอมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพปลอม โดยไทยถูกระบุว่าเป็นจุดขนถ่ายสินค้าดังกล่าว และยังเป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งเชื่อมโยงกับการปลอมแปลงหรือการผลิตยาเทียบเคียง เช่นเดียวกับฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ในช่วงปี พ.ศ. 2556-2560
“อันตรายต่อสุขภาพที่เกิดจากจากการใช้ยาปลอมทำให้ทรัพย์สินทางปัญญาเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเรามากยิ่งกว่าในอดีต และยังแสดงให้เห็นว่า การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด รวมถึงการปกป้องเครื่องหมายการค้า สิทธิบัตร และการออกแบบอุตสาหกรรม สามารถส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คนและระบบสาธารณสุขได้อย่างมหาศาล” นายติอาโก เกียเรอิโร กล่าว
ภัยคุกคามต่อการค้าโลกและซัพพลายเชนในทางกฎหมาย
การซื้อขายผลิตภัณฑ์ยาปลอมข้ามพรมแดนสามารถทำได้อย่างง่ายดายในโลกยุคดิจิทัล ผ่านระบบอี-คอมเมิร์ซและการขนส่งที่รวดเร็วและง่ายดาย รวมทั้งกระแสโลกาภิวัฒน์ที่ยิ่งทำให้ผู้จัดจำหน่ายลำดับรองสามารถขายสินค้าปลอมไปทั่วโลกได้มากขึ้น กล่าวคือสินค้าไม่จำเป็นต้องถูกผลิตในตลาดที่เป็นแหล่งจัดจำหน่าย เพราะสามารถขนถ่ายมาจากแหล่งใดก็ได้
ผลการศึกษาของ OECD ในปี ค.ศ. 2016 ระบุว่าการซื้อขายผลิตภัณฑ์ยาปลอมทั่วโลกมีมูลค่ากว่า 11.87 พันล้านยูโร หรือประมาณ 3.78 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 3.3% ของมูลค่าการค้าผลิตภัณฑ์ยาทั่วโลก จึงถือเป็นความท้าทายสำหรับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพย์สินทางปัญญาและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลในการตรวจจับสินค้าปลอมและบังคับใช้มาตรการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ดังนั้นการดูแลใส่ใจผู้บริโภคที่ได้รับการเชิญชวนจากผู้จำหน่ายสินค้าปลอมเหล่านี้จึงเป็นเรื่องจำเป็น
“สหภาพยุโรปให้การสนับสนุนโครงการทั้งในประเทศไทยและอาเซียน เพื่อต่อต้านผลิตภัณฑ์ยาปลอมที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน การทำให้มาตรการด้านความปลอดภัยและการควบคุมของประเทศต่าง ๆ ทั่วอาเซียนมีมาตรฐานเดียวกันจะช่วยให้การระบุผลิตภัณฑ์ยาปลอม การปรับปรุงการรับรองมาตรฐาน และการควบคุมชายแดนเป็นสิ่งที่ง่ายยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การจดสิทธิบัตรเพื่อระบุร้านจำหน่ายยาออนไลน์ที่ดำเนินงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็จะช่วยจำกัดการซื้อขายสินค้าอันตรายเหล่านี้ได้” นายโลรองต์ ลอร์เดส์ ที่ปรึกษาแห่งคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย (Delegation of the European Union to Thailand) กล่าว
ขอเชิญชวนให้ผู้บริโภคซื้อผลิตภัณฑ์ยาของแท้จากผู้จัดจำหน่ายที่ผ่านการรับรองและถูกต้องตามกฎหมาย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญนี้เพื่อแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการบริโภคผลิตภัณฑ์ยาปลอม โดยสามารถบรรยาย โพสต์รูปถ่ายหรือคลิปวีดีโอ พร้อมติดแฮชแท็ก #YourHealthisPriceless #IPKeySEA #EUForeignPolicy #EUinThailand และใส่บัญชีทวิตเตอร์ @IPKey_EU หรือเพจเฟซบุ๊ก IP Key ในโพสต์ของคุณ
BLC ส่งยาสามัญใหม่ 'GLUCOVIA' ชิงส่วนแบ่งตลาดยารักษาเบาหวานมูลค่ากว่า 3.2 พันล้านบาท
TASCO เผยยอดขายยางมะตอย ไตรมาสที่ 3 อยู่ที่ 2.9 แสนตัน
TEGH จับมือ "กยท." ลงนาม MOU บริหารจัดการผลผลิตยางพารา พร้อมดันไทยสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยางในภูมิภาค
เขตปทุมวันเข้มงวดคุมสูบบุหรี่ป้ายรถเมล์ เดินหน้าประสานห้าง-จัดพื้นที่สูบถูกต้อง
ฮันกุก ไทร์ ประเทศไทย ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ยางสำหรับรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) เปิดตัวยางรุ่น 'Dynapro HP3' และ 'Dynapro HT2'
เขตปทุมวันกวดขัน "ห้ามสูบบุหรี่" ในพื้นที่สาธารณะ ชี้มีโทษปรับสูงสุด 5,000 บาท
กลุ่ม ปตท. รุกลงทุนตลาดผลิตภัณฑ์ยาเฉพาะทางในสหรัฐอเมริกา ต่อยอดศักยภาพสู่แพลตฟอร์มยาครบวงจร
บริษัท GED และ บจ.ดีคอลเจน สร้างพื้นที่แห่งการแบ่งปัน มอบความสุขและสุขภาพที่ดี ให้ผู้ใช้ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ กับโครงการ "ชีวิตดีมีสุข" ครั้งที่ 4
จุฬาฯ-สภากาชาดไทย ผนึกกำลังพัฒนายาชีววัตถุระดับอุตสาหกรรม เริ่มต้นจากยาต้านมะเร็งปอด เสริมความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศ