ไบโอเทค สวทช. ได้รับสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (Lancang-Mekong Cooperation Special Fund) 2 โครงการกว่า 27 ล้านบาท

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

โครงการ  Train-the-Trainer Program under Lancang - Mekong Cooperation to Enhance Production Capacity and People's Livelihood by Improving the Value Chain for Cassava Cultivation and Application: Clean Cassava Chips, Native Starch, Modified Starch, Ethanol and Biogas Production ได้รับทุนสนับสนุน 13,732,488.11 บาท

ไบโอเทค สวทช. ได้รับสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (Lancang-Mekong Cooperation Special Fund) 2 โครงการกว่า 27 ล้านบาท

มันสำปะหลังถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของประเทศ โดยในปี พ.ศ. 2562 ประเทศไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกผลผลิตมันสำปะหลังรายใหญ่ที่สุดของโลกมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 68% ทั้งนี้หากรวมผลผลิตมันสำปะหลังในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านในแถบลุ่มแม่น้ำโขงจะพบว่ามีส่วนแบ่งตลาดโลกสูงถึง 90% ไบโอเทค สวทช. ได้รับสนับสนุนงบประมาณดำเนินโครงการจากกองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง (Lancang-Mekong Cooperation Special Fund) 2 โครงการกว่า 27 ล้านบาท

ดร.วรินธร สงคศิริ ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยวิศวกรรมชีวเคมีและชีววิทยาระบบ ศูนย์พันธุวิศกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ในฐานะหัวหน้าโครงการเปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 ไบโอเทค มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย ได้เล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิตแป้งมันสำปะหลัง จึงมุ่งสร้างองค์ความรู้ ดำเนินงานวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การใช้พลังงานและทรัพยากรตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน จนสามารถช่วยยกระดับอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังไทย จากความสำเร็จของโครงการและองค์ความรู้ที่สั่งสมมาตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี เรามีความพร้อมที่จะถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีไปยังอุตสาหกรรมมันสำปะหลังในประเทศลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งประกอบด้วยประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม ประเทศไทย และจีน (CLVT and China)"

ด้วยเหตุนี้ ทีมวิจัยฯ จึงได้ริเริ่มโครงการ Train-the-Trainer Program ที่มุ่งพัฒนาศักยภาพผู้เชี่ยวชาญของห่วงโซ่มันสำปะหลัง ซึ่งประกอบด้วย เกษตรกรผู้ผลิตมันสำปะหลัง นักวิชาการ บุคลากรและผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมันสำปะหลังในประเทศลุ่มแม่น้ำโขงตลอดห่วงโซ่อุปทานเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังตลอดห่วงโซ่การผลิต ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเข้มแข็งด้านการผลิตและการแข่งขันของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังของภูมิภาค

ดร. กาญจนา แสงจันทร์  นักวิจัยทีมวิจัยการจัดการและใช้ประโยชน์จากของเสียอุตสาหกรรมการเกษตร  ไบโอเทค หัวหน้าโครงการร่วม กล่าวเพิ่มเติมว่าหลักสูตรการอบรมในโครงการแบ่งเป็น 4 หลักสูตร ครอบคลุมหัวข้อสำคัญเริ่มตั้งแต่ "ต้นน้ำ" คือ การบริหารจัดการเทคโนโลยีการปลูกมันสำปะหลังและการปรับปรุงพันธุ์เพื่อการเพิ่มผลผลิตและทำให้มันสำปะหลังมีคุณสมบัติเหมาะกับการแปรรูปหรือใช้งานในอุตสาหกรรมเฉพาะ "กลางน้ำ" คือ การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งจะส่งผลต่อการใช้พลังงาน ทรัพยากร และการปล่อยของเสียจากอุตสาหกรรม จนถึง "ปลายน้ำ" คือ การใช้เทคโนโลยีในการนำของเหลือทิ้งจากกระบวนการผลิต ได้แก่ น้ำเสียและกากมันสำปะหลังมาผลิตก๊าซชีวภาพเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน รวมทั้งการผลิตผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มจากมันสำปะหลัง"

โดยโครงการดังกล่าว คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการอบรมทั้งจากภาครัฐและเอกชนมากกว่า 120 คน จากประเทศในแถบลุ่มน้ำโขง และเมื่อเสร็จสิ้นโครงการคาดว่าจะสามารถขยายเครือข่ายการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังจากประเทศไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน

สำหรับโครงการพัฒนาดัชนีจุลินทรีย์ด้วยวิธีทางอณูชีววิทยาและดีเอ็นเอบาร์โค้ดเพื่อการประเมินสถานภาพของระบบนิเวศในลุ่มน้ำแม่โขง-ล้านช้าง (A Microbial-based Index to Assess the Ecological Status of the Lancang-Mekong River based on Molecular Approaches and DNA Barcoding) หรือโครงการ MekongDNA ได้รับทุนวิจัยจำนวน 13,690,937.46 บาท  

โครงการ MekongDNA มีวัตถุประสงค์เพื่อนำวิธีการเมตาจีโนมิกส์และดีเอ็นเอบาร์โค้ดมาใช้พัฒนาดัชนีจุลินทรีย์เพื่อการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำบริเวณลุ่มน้ำแม่โขง-ล้านช้างอย่างมีประสิทธิภาพ

ดร. สุภาวดี อิงศรีสว่าง นักวิจัยอาวุโส ศูนย์ชีววัสดุประเทศไทย ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติและหัวหน้าโครงการ MekongDNA ให้ข้อมูลว่าวิธีการเมตาจีโนมิกส์และดีเอ็นเอบาร์โค้ดเป็นวิธีการวิเคราะห์ประเมินความหลากหลายและความชุกชุมของจุลินทรีย์ทั้งหมดหรือไมโครไบโอมที่มีอยู่ในตัวอย่างน้ำจากพื้นที่ 3 ส่วนหลักของลุ่มน้ำแม่โขง-ล้านช้าง ได้แก่ ส่วนต้นของแม่น้ำที่อยู่ในประเทศจีน ส่วนกลางของแม่น้ำที่ไหลผ่านประเทศไทยและส่วนปลายของแม่น้ำที่ไหลลงทะเลจีนใต้ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์ไมโครไบโอมของตัวอย่างน้ำบริเวณลุ่มน้ำแม่โขง-ล้านช้างจะถูกนำมาบูรณาการกับข้อมูลด้านอื่นๆ เช่น คุณสมบัติทางกายภาพและเคมีของน้ำเพื่อวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่และฤดูกาลของความหลากหลายและความชุกชุมของจุลินทรีย์ในแม่น้ำและพัฒนาดัชนีชีวภาพในการบ่งชี้คุณภาพน้ำในแม่น้ำซึ่งเป็นประโยชน์กับการพัฒนาแหล่งน้ำและการกำหนดนโยบายอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้โครงการยังมุ่งสร้างความตระหนักในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำและให้ความรู้ด้านการประเมินระบบนิเวศของแม่น้ำด้วยดัชนีจุลินทรีย์ผ่านการมีส่วนร่วมในรูปแบบนักวิทยาศาสตร์พลเมืองและการสร้างขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์ในการพัฒนาการติดตามประเมินสถานภาพทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพของระบบนิเวศแม่น้ำ

โครงการ MekongDNA เป็นความร่วมมือระหว่างศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติร่วมกับพันธมิตรหลายหน่วยงาน ได้แก่ ศูนย์โอมิกส์แห่งชาติ สวทช., ศูนย์ป้องกันวิกฤติน้ำ กรมทรัพยากรน้ำ, กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเทศไทย, Institute of Microbiology, Chinese Academy of Sciences (IMCAS), Lancang-Mekong Environmental Cooperation Center, กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม (Ministry of Ecology and Environment) สาธารณรัฐประชาชนจีน  และ Vietnam National University, Ho Chi Minh City, University of Science ประเทศเวียดนาม

กองทุนพิเศษแม่โขง- ล้านช้าง (Lancang-Mekong Cooperation Special Fund) จัดตั้งขึ้นภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม ไทย และสาธารณรัฐประชาชนจีน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความร่วมมือในเขตเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง โดยเน้นให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมกระบวนการพัฒนาอาเซียน


ข่าวประเทศไทย+เศรษฐกิจวันนี้

KGI ขับเคลื่อนการลงทุนยุคใหม่ในงาน SET in the City 2025 พร้อมเดินหน้าสนับสนุนตลาดทุนไทย โปร่งใส - ยั่งยืน

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI ร่วมงานมหกรรมการลงทุนแห่งปี "SET in the City 2025" จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมี นายสุเทพ รุ่งสยาม กรรมการผู้จัดการ และ นางนันทรัตน์ สุรักขกะ รองกรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยผู้บริหารจาก KGI ให้การต้อนรับ นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในโอกาสเยี่ยมชมบูธ โดยหนึ่งในไฮไลท์ของงานคือ เวที Mini Stage หัวข้อ "Global Glow Up: พอร์ตโตตามเทรนด์โลก" ซึ่งทีมผู้เชี่ยวชาญจาก KGI จะมาอัปเดตเทรนด์เศรษฐกิจโลก

ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเผยกลุ่มประเทศใน... อาเซียนตื่นตัวเศรษฐกิจดิจิทัล หวั่นไทยล้าหลังเวียดนาม แนะรัฐบาลเร่งเครื่อง — ผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติเผยกลุ่มประเทศในอาเซียน กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิท...

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีแล... กระทรวงดีอี ต้อนรับผู้บริหาร Grab ระดับภูมิภาคพร้อมร่วมหารือเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล — นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทั...

NIA เปิดรับผลงานนวัตกรรมจากทั่วประเทศไทย ... เวทีระดับชาติกลับมาแล้ว! กับการประกวด "รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ประจำปี 2568 — NIA เปิดรับผลงานนวัตกรรมจากทั่วประเทศไทย เข้าสู่การพิจารณาคัดเลือก เพื่อเฟ้นห...

เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 คณะผู้แทนไทย... ประเทศไทยแสดงบทบาทผู้นำด้านทรัพยากรน้ำ ในเวทีระดับสูงของยูเนสโก ณ กรุงปารีส — เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 คณะผู้แทนไทย นำโดย ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิก...