รอยัล ฟิลิปส์ (NYSE: PHG, AEX: PHIA) ผู้นำด้านเทคโนโลยีเพื่อการดูแลสุขภาพระดับโลก เผยสถิติใหม่จากผลสำรวจประจำปีเกี่ยวกับการนอนหลับครั้งที่ 6 เนื่องในวันนอนหลับโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 19 มีนาคม ในหัวข้อ "Seeking Solutions: How COVID-19 Changed Sleep Around the World" พบว่าการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้คนทั่วโลก ไม่เพียงแต่เรื่องระบบทางเดินหายใจเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพการนอนอีกด้วย จากการสำรวจข้อมูลด้านการนอนหลับของกลุ่มตัวอย่างในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกพบว่ากว่าสองในสามหรือ 71% มีสุขภาพการนอนที่แย่ลงเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
เนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สร้างความรู้สึกกังวลและตื่นตระหนกให้กับประชากรทั่วโลก ซึ่งความเครียดและความวิตกกังวลนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อการนอนหลับของผู้คนทั่วโลก นับเป็นเวลาปีกว่าที่ทั่วโลกเผชิญหน้ากับวิกฤติการณ์ในครั้งนี้ จากข้อมูลพบว่าในปี พ.ศ. 2563 ประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกใช้เวลาในการนอนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7.2 ชม.ต่อคืน (เทียบกับปีก่อนหน้าที่ใช้เวลาในการนอน 7.1 ชั่วโมง) แต่กว่า 41% กลับบอกว่าพวกเขารู้สึกไม่พึงพอใจต่อคุณภาพการนอน ซึ่งส่งผลให้ประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกต้องการปรับเปลี่ยนคุณภาพการนอนให้ดียิ่งขึ้น โดยการเข้าถึงข้อมูลบนออนไลน์หรือการใช้เทคโนโลยีเทเลเฮลท์ (Telehealth) เพื่อปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ประชากรในภูมิภาคต่างเผชิญกับภาวะการนอนที่ไม่มีคุณภาพ
จากผลสำรวจประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบว่ากว่า 50% รู้สึกว่าการระบาดของโควิด-19 ส่งผลต่อคุณภาพการนอนที่แย่ลง โดย 22% กล่าวว่าพวกเขารู้สึกว่านอนน้อยลงในตอนกลางคืน และอีก 44% เปิดเผยว่าพวกเขามีอาการง่วงนอนในช่วงกลางวัน แต่ในขณะที่ 38% ให้ความเห็นว่าพวกเขารู้สึกว่านอนหลับอย่างมีคุณภาพ หลายๆ คน ยังมีปัญหาการนอนหลับสนิทอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ซึ่งจากการสำรวจพบว่า 42% มีปัญหาตื่นนอนในช่วงกลางดึก และ 33% มีอาการเผลอหลับโดยไม่รู้ตัว ในขณะที่ 26% มีอาการนอนไม่หลับ โดยสาเหตุอันดับแรกของการนอนไม่หลับมาจาก ความเครียดและวิตกกังวล (21%) รองลงมาคือ การใช้สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต (17%) และสภาพแวดล้อมของการนอน (16%)
ความเครียดและวิตกกังวลที่ส่งผลต่อคุณภาพการนอนอันดับแรก คือ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องการเงิน (54%) รองลงมาคือ เรื่องการทำงาน (52%) ต่อมาคือสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว (38%) และเรื่องภายในครอบครัว (34%) แต่ที่น่าสนใจคือ กว่า 42% ยังคงมีความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลายในเร็ววัน
โทรศัพท์มือถือ ขัดขวางการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ
จากการสำรวจพบว่าประชากร 50% ใช้โทรศัพท์ขณะอยู่บนเตียงนอน และกว่า 50% ยอมรับว่าการเล่นโทรศัพท์เป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาทำก่อนนอน และเป็นสิ่งแรกที่เขาทำเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า โดยส่วนมาก 49% ใช้โทรศัพท์เพื่อความบันเทิง ในขณะที่ 37% ชาร์จโทรศัพท์ข้างเตียงทิ้งไว้ตลอดทั้งคืน ส่วนอีก 22% กล่าวว่าพวกเขามีการตื่นขึ้นมาเพื่อรับสายโทรศัพท์ หรือตอบข้อความกลางดึก
นอกจากนี้ ผู้คนส่วนใหญ่กว่า 78% ยอมรับว่าการเล่นโทรศัพท์บนเตียงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขานอนหลับช้าลง โดยพวกเขามักใช้เวลาไปกับการดูโซเชียลมีเดียต่างๆ (75%) ดูวิดีโอ (67%) เช็คอีเมล (39%) ส่งข้อความ (37%) และติดตามข่าวสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 (45%)
ปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่เพื่อยกระดับคุณภาพการนอนหลับ
เพื่อให้เกิดการนอนที่มีคุณภาพมากขึ้น ประชากรในเอเชียแปซิฟิกได้มีการใช้วิธีต่างๆ เพื่อช่วยปรับพฤติกรรมการนอนหลับให้ดีขึ้น ทั้งการใช้ดนตรีบำบัด (41%) การอ่านหนังสือ (50%) ดูโทรทัศน์ (39%) การเข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลา (35%) ลดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (25%) รวมถึงการใช้เครื่องมือตรวจจับภาวะการนอนหลับ (18%)
อย่างไรก็ตาม จากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลดีต่อการผลักดันให้ประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตระหนักถึงความสำคัญของการนอนหลับมากขึ้น พร้อมทั้งหันมาใช้ระบบเทเลเฮลท์ และการเข้าถึงข้อมูลทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการนอนให้ตัวเอง โดยพบว่ากว่า 50% ได้ใช้เทคโนโลยีเทเลเฮลท์เป็นครั้งแรกเพื่อทำการนัดหมายเข้าปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 โดย 62% ของผู้ที่ใช้เทเลเฮลท์รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก และพวกเขาบอกว่าจะยังคงใช้เทคโนโลยีเทเลเฮลท์ต่อไปในอนาคต หากพวกเขาต้องการคำปรึกษาหรือตรวจสอบคุณภาพการนอนอีกด้วย
จากปัญหาเรื่องการนอนหลับที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้ารับการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ (45%) เข้าปรึกษาแพทย์ประจำตัว (41%) ค้นหาข้อมูลสุขภาพออนไลน์ และบนเว็บไซต์ต่างๆ (41%) แล เลือกปรึกษาผู้เชี่ยวชาญผ่านระบบเทเลเฮลท์ (40%)
ตรวจสอบคุณภาพการนอนอย่างใกล้ชิด เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงด้านการนอน
ในขณะที่ประชากรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกหันมาให้ความสำคัญและแก้ไขปัญหาการนอนหลับให้ดีขึ้น แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกกลัวที่จะเข้ารับการตรวจวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ (Obstructive Sleep Apnea :OSA) จากสถิติพบว่าหนึ่งในสาม หรือประมาณ 31% มีความกังวลที่จะเข้ารับการตรวจด้านการนอนหลับ
(Sleep Test) เพราะกลัวว่าจะได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ในขณะที่ 27% เชื่อว่าไม่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เกิดจากการอุดกั้นของทางเดินหายใจขณะนอนหลับ ทำให้อากาศไม่สามารถผ่าน หรือผ่านได้น้อย ส่งผลให้เกิดภาวะออกซิเจนในเลือดลดลง มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดสูงขึ้น ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ จากสถิติพบว่าคนไทยมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับอยู่ที่ 11.4% โดยอาการที่เด่นชัดของภาวะหยุดหายใจขณะหลับ คือ อาการนอนกรน และมีเสียงกรนที่เหมือนคนหยุดหายใจเป็นพักๆ โดยอุบัติการณ์ของอาการนอนกรนในคนไทย พบอยู่ที่ 26.4% นอกจากนี้ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับยังทำให้ผู้ป่วยนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงมีอาการเพลียตอนตื่นนอน และง่วงตอนกลางวัน และหากมีอาการรุนแรงอาจอันตรายถึงเสียชีวิตได้อีกด้วย
นายวิโรจน์ วิทยาเวโรจน์ ประธานและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า "การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพและวิถีชีวิตของพวกเราทุกคน หนึ่งในนั้น คือ คุณภาพการนอนของเราด้วย ถึงแม้ว่าผู้คนจะ Work from Home หรือทำงานผ่านช่องทางออนไลน์ ทำให้ได้อยู่บ้านมากขึ้น แต่ความเครียดและความกังวลจากสถานการณ์ดังกล่าวกลับส่งผลกระทบด้านลบต่อการนอนหลับได้เช่นกัน เนื่องในวันนอนหลับโลกปีนี้ ฟิลิปส์ จึงต้องการรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทยหันมาใส่ใจการนอนที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพราะการนอนหลับที่ดีและเพียงพอ มีส่วนช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงานและการใช้ชีวิตในแต่ละวันและยังเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพที่ดีในระยะยาวอีกด้วย จึงอยากแนะนำให้ทุกท่านสังเกตตัวเองและคนรอบข้าง หากสงสัยว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับการนอนหลับ ให้เข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับการดูแลและรักษาอย่างถูกวิธี"
หากต้องการทราบถึงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลสำหรับ Global Sleep Survey และนวัตกรรมเพื่อการนอนหลับจากฟิลิปส์ สามารถติดตามได้ที่ Philips.com/WorldSleepDay.
SAPPE เข้าร่วมเวที "CSCAP - Climate and Sustainability Capital Forum @United Nations" ร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ณ สหประชาชาติ กรุงเทพฯ
"มิตรผล" จับมือ "SCGC" พัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน เร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ส่งเสริมการทำ Closed-Loop นำพลาสติกใช้แล้วสู่การรีไซเคิล มุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
สยามพารากอน ยืนหนึ่งแลนด์มาร์กระดับโลก คว้ารางวัล ICONIC THAI BRAND AWARD จาก Tatler Asia
ซีบีอาร์อีเผยตลาด Branded Residence ในไทย ก้าวสู่ผู้นำในเอเชียแปซิฟิก
แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดตัว WorldFirst โซลูชันบัญชีเดียว ครบทุกธุรกรรมทั่วโลก ในประเทศไทยเพื่อร่วมยกระดับ SME ไทย
KBTG คว้ารางวัล The Innovators 2025 เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
SCB WEALTH จับจังหวะดอลลาร์อ่อน เปิดขาย SCBUSDABSAP วันที่ 7-15 ต.ค.นี้ เน้นลงทุนในหุ้นเอเชียแปซิฟิกด้วยสกุลUSDมุ่งสร้างผลตอบแทนทุกสภาวะตลาด
มาสเตอร์การ์ดเผยความสำคัญของการสร้างแนวทางการป้องกันเชิงบูรณาการเพื่อรับมือปัญหาการฉ้อโกงในอาเซียน ในงาน Bangkok Digital Finance Conference 2025
ผู้เชี่ยวชาญจากอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลกจะประชุมร่วมกัน ณ กรุงเทพมหานคร เพื่อหารือประเด็นสำคัญด้านความปลอดภัยในการชำระเงินที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน