สทนช.รับนโยบาย "พลเอก ประวิตร" เร่งระดมมันสมองผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานเตรียมตั้งคณะทำงานฯแก้ไขปัญหาการรุกตัวน้ำเค็มอย่างยั่งยืน

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

สทนช. รับนโยบาย "พลเอก ประวิตร" เร่งหารือหน่วยงานเกี่ยวข้อง พร้อมระดมมันสมองผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ เตรียมจัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มในแม่น้ำสายสำคัญได้อย่างยั่งยืน

สทนช.รับนโยบาย "พลเอก ประวิตร" เร่งระดมมันสมองผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานเตรียมตั้งคณะทำงานฯแก้ไขปัญหาการรุกตัวน้ำเค็มอย่างยั่งยืน

เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และ พลเรือเอก พิเชฐ ตานะเศรษฐ คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานการประชุมหารือเรื่องแนวทางแก้ไขปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มในแม่น้ำสายสำคัญ และข้อเสนอโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งในลุ่มน้ำเจ้าพระยาและรอบอ่าวไทย โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและทีมอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการจัดทำผังน้ำ (ลุ่มน้ำเจ้าพระยา/ลุ่มน้ำท่าจีน/ลุ่มน้ำบางปะกง/ลุ่มน้ำแม่กลอง) เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมน้ำปิง ชั้น 4 อาคารจุฑามาศ สทนช. ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ สทนช.รับนโยบาย "พลเอก ประวิตร" เร่งระดมมันสมองผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานเตรียมตั้งคณะทำงานฯแก้ไขปัญหาการรุกตัวน้ำเค็มอย่างยั่งยืน

ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า สืบเนื่องจากการลงพื้นที่ของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ในการติดตามการแก้ไขปัญหาน้ำเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำบางปะกง ณ เขื่อนพระราม 6 จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 64 ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาการรุกตัวของน้ำเค็มอย่างยั่งยืน เนื่องจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการจัดสรรน้ำจากเขื่อนเพื่อผลักดันน้ำเค็มนั้น เป็นการเสียน้ำต้นทุนจำนวนมาก และจากสถิติย้อนหลังการใช้น้ำเพื่อผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำสายหลัก 4 สาย ได้แก่ แม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำบางปะกง มีปริมาณสูงขึ้นทุกปี โดยปี 58/59 ใช้น้ำรวม 2,934 ล้าน ลบ.ม. ปี 62/63 ใช้น้ำรวม 3,690 ล้าน ลบ.ม. และปี 63/64 (ช่วงวันที่ 1 พ.ย. 63-6 มี.ค. 64) ใช้น้ำไปแล้วรวม 2,355 ล้าน ลบ.ม นอกจากนี้ เมื่อช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา ค่าความเค็มของแม่น้ำเจ้าพระยามีค่าสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยมีค่าความเค็มสูงสุดอยู่ที่ 2.53 กรัม/ลิตร (มาตรฐานในการผลิตน้ำประปาต้องไม่เกิน 0.5 กรัม/ลิตร และน้ำเพื่อการเกษตรต้องไม่เกิน 2 กรัม/ลิตร) ซึ่งส่งผลกระทบต่อน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนและพืชผลทางการเกษตร

"ที่ประชุมได้เสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำเค็มในแม่น้ำสายสำคัญ ประกอบด้วย 1.การเพิ่มน้ำต้นทุน โดยการสร้างแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ตอนบน และการผันน้ำจากลุ่มน้ำข้างเคียงเพิ่มขึ้น รวมถึงการใช้ประโยชน์จากน้ำบาดาล 2.ลดการใช้น้ำที่สูญเสียระหว่างทาง จากแหล่งน้ำมายังปลายน้ำ โดยการควบคุมการใช้น้ำทั้งภาคเกษตรและอื่นๆ ที่อยู่นอกแผนอย่างเคร่งครัด รวมถึงอาจมีมาตรการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกพืชที่ใช้น้ำมาก 3.การย้ายจุดสูบน้ำเพื่อจัดทำระบบประปาให้ไกลออกไปจากปากแม่น้ำ เพื่อลดอิทธิพลการรุกของน้ำทะเล และ 4.การสร้างประตูที่เหมาะสมป้องกันน้ำทะเลรุกในแม่น้ำ 4 สายหลัก ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาอย่างรอบด้านถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงแนวทางการป้องกันผลกระทบดังกล่าวด้วย" เลขาธิการ สทนช. กล่าว

ทั้งนี้ สทนช. จะนำผลการหารือที่ได้ไปจัดทำเป็นข้อมูลพื้นฐาน เพื่อนำเรียนรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ทราบ และนำเสนอในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) พิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ยังจะดำเนินการจัดตั้งคณะทำงานชุดพิเศษเป็นการเฉพาะเพื่อพิจารณาทางเลือกเพิ่มเติม ที่ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานปฏิบัติและผู้ทรงคุณวุฒิด้านน้ำจากสถาบันการศึกษา เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานให้สามารถกำหนดเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน นำไปสู่การขับเคลื่อนแนวทางปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม อีกทั้งยังอยู่ในระหว่างดำเนินการศึกษาจัดทำผังน้ำตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ โดยเดินหน้าไปแล้ว 8 ลุ่มน้ำ คาดว่าจะแล้วเสร็จทั้ง 22 ลุ่มน้ำในปี 2566 และในปี 2565 สทนช. ยังมีโครงการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการลดผลกระทบปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวิเคราะห์ทางเลือกที่เหมาะสมและสอดคล้องต่อการบริหารจัดการน้ำกรณีเกิดวิกฤตในอนาคตด้วย


ข่าวสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ+สำนักงานทรัพยากรน้ำวันนี้

สทนช. จับมือเขื่อนภูมิพล ปรับลดการระบายน้ำบรรเทาท่วมภาคกลาง

สทนช. ประชุมด่วนวางแผนปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล หลังคาดฝนภาคเหนือจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นวันพรุ่งนี้ จาก 55 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เหลือ 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และวันถัดไปปรับลดอีกเหลือ 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพื่อลดมวลน้ำที่ไหลลงสู่ภาคกลาง วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2568) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและวางแผนการบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพล โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ

สทนช. ระดมทุกหน่วยเดินหน้าคลี่คลายพื้นที่ท่วมขังหลังฝนตอนบนลดลง

เตรียมปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมจับตาฝนตกหนักต่อเนื่องภาคใต้ สทนช. หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นชอบปรับลดการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เหลือ 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน พร้อมเตรียมทยอยปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อช่วย...

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติ... เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา — สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะ...

สทนช. เปิดศูนย์ส่วนหน้าฯ "ลุ่มน้ำยม-น่าน" จับมือทุกหน่วย คุมจราจรน้ำจากเหนือสู่เจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

สทนช. เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ระดมทุกหน่วยจัดการจราจรน้ำที่ไหลจากภาคเหนือก่อนลงสู่อ่าวไทย โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ...

สทนช. ติดตามการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก พร้อมรับมืออุทกภัยปีนี้

สทนช. บูรณาการหน่วยงานประชุมศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าชั่วคราวฯ ลุ่มน้ำโขงเหนือ เร่งติดตามความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก การก่อสร้างพนังกั้นน้ำ และการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ รับมืออุทกภัยปีนี้ พร้อมชู "จ....