PwC ประเทศไทย เผยแนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทยในปี 64 จะขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ระบุหากภาครัฐมีการกำหนดรูปแบบการลงทุนและผลตอบแทนที่เหมาะสม จะช่วยดึงดูดให้เอกชนร่วมลงทุนเพิ่มมากขึ้น พร้อมชี้ว่า การพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัลและแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สิ้นสุดลง
นาย แกรี่ เมอร์ฟี่ย์ หุ้นส่วน สายงานโครงสร้างพื้นฐานและโครงการลงทุน บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึงรายงาน Thailand's Infrastructure Market Update and Outlook 2021 ของ PwC ประเทศไทย ว่า ภาพรวมตลาดโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยในปี 2564 มีแนวโน้มเป็นบวก โดยยังคงมีโอกาสในการลงทุนเพื่อพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในเวทีโลก แม้ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้การพัฒนาโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานบางโครงการมีความล่าช้า หรือชะลอตัวลง และบางโครงการต้องมีการทบทวนถึงความจำเป็นของโครงการใหม่ ตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) กลายเป็นโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งในปัจจุบันการพัฒนาโครงการดังกล่าว มีความคืบหน้าค่อนข้างมาก โดยภาครัฐได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับภาคเอกชน (Public Private Partnership: PPP) แล้ว รวมทั้งสิ้น 3 โครงการจาก 6 โครงการหลัก นอกจากนี้ ภาครัฐยังมีแนวคิดที่จะพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจภาคใต้กับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และกระจายผลประโยชน์จากการลงทุนในระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกไปสู่ภูมิภาคอื่น ๆ
นอกเหนือจากการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) แล้ว โครงการลงทุนในภาคคมนาคมขนส่ง ก็มีความคืบหน้าด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการระบบขนส่งทางรางในเขตพื้นที่เมือง และโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง
กำหนดรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมเพื่อดึงเอกชนร่วมลงทุนมากขึ้น
ทั้งนี้ การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) กำลังเป็นรูปแบบการดำเนินโครงการ และวิธีจัดซื้อจัดจ้างที่สำคัญในการพัฒนาโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ที่กำลังเป็นที่ยอมรับในวงกว้างในประเทศไทย
"รูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชนมีวิวัฒนาการและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้ว่า ในการประมูลโครงการสำคัญ ๆ ที่ผ่านมา มีนักลงทุนรายใหม่ ๆ เข้าร่วมประมูลโดยบางส่วนเป็นนักลงทุนที่ต้องการขยายธุรกิจจากอุตสาหกรรมหลักของบริษัท และเริ่มสนใจเข้ามาลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานมากขึ้น
"ที่ผ่านมาเราได้เห็นผลกระทบในเชิงบวกจากการดำเนินโครงการ PPP ของรัฐที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งช่วยดึงดูดให้ภาคเอกชนสนใจเข้ามาลงทุนในโครงการ PPP โดยรูปแบบการลงทุน PPP ที่สร้างสรรค์และมีความยืดหยุ่นจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในโครงการอย่างต่อเนื่องในอนาคต" นาย แกรี่ กล่าว
นาย แกรี่ กล่าวต่อว่า โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่มีการกำหนดรูปแบบการร่วมลงทุนที่เหมาะสม จะช่วยให้ผลตอบแทนการลงทุนทางการเงินมีความน่าดึงดูดต่อนักลงทุน และสร้างโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจ เช่น โครงการพัฒนาระบบขนส่งจะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจในกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากภาคเอกชนเข้ามาลงทุนในโครงการ PPP อย่างต่อเนื่อง ก็ย่อมส่งผลให้เกิดการแข่งขันในการประมูลโครงการลงทุนในอนาคตมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประมูลโครงการที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูงซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในภาพรวม
แนวโน้มตลาดโครงสร้างพื้นฐานของไทย
รายงานฉบับดังกล่าวยังระบุด้วยว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในระยะสองถึงสามปีข้างหน้าจะเน้นไปที่การพัฒนาโครงการสำคัญในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโครงการในภาคขนส่ง โดยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) จะยังคงเป็นรูปแบบการดำเนินการสำคัญในการพัฒนาโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทยในอนาคต
ด้านนาย มาร์ค แรธโบน หัวหน้าสายงานสายงานโครงสร้างพื้นฐาน และโครงการลงทุนประจำเอเชียแปซิฟิก PwC ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า นโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) ของไทยยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก และการร่วมลงทุนจะยังคงเป็นวิธีหลักในการพัฒนาโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของไทยต่อไป
"ปัจจัยสำคัญสำหรับภาครัฐในการดำเนินโครงการ PPP ในอนาคตคือ การบริหารจัดการข้อจำกัดทางการคลัง และการบรรเทาความเสี่ยงให้ภาคเอกชนเพื่อดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชนในโครงการ PPP มากขึ้น"
"นอกเหนือจากภาคขนส่ง ซึ่งเป็นภาคการลงทุนที่ไทยมีประสบการณ์ค่อนข้างมาก การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ยังมีโอกาสอีกมากที่จะถูกนำไปใช้ในภาคส่วนอื่น ๆ เช่น การดำเนินโครงการ PPP ในโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม หรือ Social Infrastructure เช่น โครงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย และโรงพยาบาล"
"ภาครัฐอาจทบทวนและพิจารณากฎระเบียบและนโยบายที่เกี่ยวข้องให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อส่งเสริม PPP และอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนให้กับภาคเอกชนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการ ซึ่งทั้งหมดจะช่วยให้การพัฒนาและดำเนินโครงการ PPP มีความกระชับและคล่องตัวยิ่งขึ้น" นาย มาร์ค กล่าว
โครงสร้างฟื้นฐานช่วยขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิด-19
ในระยะยาว การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยภาครัฐและภาคเอกชนได้เริ่มดำเนินโครงการและนโยบายในด้านต่าง ๆ เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิทัล เช่น การพัฒนาพื้นที่รอบสถานีขนส่งมวลชน (Transit Oriented Development) ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) เมืองอัจฉริยะ (Smart Cities) พลังงานทดแทน การซื้อขายพลังงานไฟฟ้า (Power Trading) และระบบ 5G
"โครงสร้างพื้นฐานมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจโลกและไทยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจะช่วยหนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในอนาคต ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะทำให้ไทยมีโอกาสอีกมากในการพัฒนา และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในโลกยุคหลังโควิด-19 ได้" นาย มาร์ค กล่าวทิ้งท้าย
BDMS Wellness Clinic และโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เตรียมจับมือโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต เปิด BDMS Wellness Clinic X Sri panwa ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผลักดันประเทศไทยสู่ Wellness Hub ระดับโลก บีดีเอ็มเอส เวลเนส คลินิก (BDMS Wellness Clinic) ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันของประเทศไทย สานต่อโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเวลเนสอันดามัน (Andaman Wellness Economic Corridor AWC) จับมือโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต เตรียมเปิดตัว BDMS Wellness Clinic สาขาศรีพันวา ภูเก็ต ยกระดับการท่องเที่ยว
สกสว. นำทัพ จัดเวทีระดมความคิดเห็นระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้
—
กองทุน ววน. โดย สกสว. ประสานความร่วมมือ สศช. ขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจใต้ พัฒนาเป็นพื้นที่เ...
รมว.สุชาติ สั่งกรมพัฒน์ up skill ผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ป้อน EEC
—
กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่งดำเนินการพัฒนากำลังคนด้านเทคโนโลยีการผลิตอัต...
"อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์" เปิดโมเดล ' Mixed-use' โครงการ 'LITTLE WALK'ลาดกระบัง ไลฟ์สไตล์ช้อปปิ้งแห่งใหม่ยกระดับการช้อปปิ้งสู่ย่าน Upper-Class Lifestyle
—
บมจ.อินเด็ก...
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ต้อนรับเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เยี่ยมชมโรงงานอัจฉริยะที่จังหวัดระยอง
—
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ให้การต้อนรับ ฯพณฯ เอกอัครราชทูตสาธารณ...
รมว.สุชาติ ขานรับนโยบายนายก เร่งพัฒนาแรงงานเขตพื้นที่พิเศษ เสริมเศรษฐกิจท่องเที่ยว ตั้งเป้า 12,480 คน
—
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิด...
กรุงศรีเปิดสำนักงาน EEC แห่งใหม่ที่ศรีราชาและระยอง เสริมศักยภาพบริการเหนือระดับเพื่อส่งเสริมการลงทุนต่างชาติในไทย
—
กรุงศรี (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มห...