"เอสซีจี" เปิดแผนปี 64 ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรม เซอร์วิสโซลูชัน และเทคโนโลยีดิจิทัล ตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ พร้อมนำหลัก Sustainable Development มาสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน
เอสซีจี ผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง เปิดแผนธุรกิจปี 2564 เผยเทรนด์ด้านความสะอาดและสุขภาวะที่ดี การทำงานจากบ้าน และสิ่งแวดล้อม จะช่วยขับเคลื่อนตลาดวัสดุก่อสร้าง และที่อยู่อาศัยในยุคแห่งความท้าทาย พร้อมประกาศเดินหน้าปรับธุรกิจสู่ New Normal Digitalization ดึงเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อน และเสริมแกร่งธุรกิจตลอดซัพพลายเชน ด้วยแนวคิด 'ทรานส์ฟอร์มเมชัน วิท อินโนเวชัน' (Transformation with Innovation) ผ่านแผนธุรกิจเชิงรุก 3 ด้าน ได้แก่ 'Innovation & Service Solutions' 'Digital Transformation' และ 'Sustainable Development' เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมสินค้า บริการ พร้อมโซลูชันที่ครบวงจร รวมถึงต่อยอดด้านดิจิทัลในทุกส่วน พัฒนาร้านค้าเชื่อมต่อระบบออนไลน์รูปแบบ SCG HOME Active Omni-Channel เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าที่เปลี่ยนไป สร้างการเติบโตให้ธุรกิจไปพร้อมกับสังคม สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตลอดจนพัฒนาบุคลากรให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลง ตั้งเป้าหมายภายในปี 2564 เพิ่มจำนวนสินค้าที่ได้รับฉลาก SCG Green Choice อีกประมาณ 30%
นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า "ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างในปี 2564 คาดการณ์ว่าเทรนด์ที่มาช่วยขับเคลื่อนตลาดวัสดุก่อสร้าง และที่อยู่อาศัยในปีนี้ ได้แก่ เทรนด์ Well-Being ผู้บริโภคยังคงต้องการสินค้า และโซลูชันที่สะอาด ปลอดภัย และมอบสุขภาวะที่ดีในการอยู่อาศัย เทรนด์ Work from Home ทำให้ผู้บริโภคต้องการเทคโนโลยีดิจิทัลที่จะเข้ามาช่วยให้การทำงานที่บ้านสะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมถึงเทรนด์การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผู้บริโภคต้องการสินค้า และโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
นายนิธิ กล่าวต่อว่า "จากแนวโน้มตลาดที่คาดการณ์ไว้ในปี 2564 เราจะดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิด Transformation with Innovation นำเทคโนโลยีดิจิทัลมารุกตลาดใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้า และเสริมแกร่งธุรกิจในทุกส่วนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ด้วยแผนเชิงรุก 3 ด้าน ได้แก่
นอกจากนี้ เอสซีจียังมุ่งพัฒนาบุคลากร โดยจะมุ่งพัฒนาทักษะที่จำเป็น อาทิ Digital Skill, Data Analytics และ Service Excellence Skill รวมถึงผนึกพันธมิตร อาทิ สถาบันการศึกษาต่างๆ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการคิดค้นนวัตกรรมสินค้า และโซลูชันต่างๆ หรือพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อพัฒนาทักษะด้านการดำเนินธุรกิจค้าปลีกบนโลกออนไลน์
"หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจในยุคนี้ คือ ต้องสังเกตและเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า และตลาด รู้จักปรับตัว และทำงานด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเราเชื่อว่าการปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และหลัก Sustainable Development เข้ามามีบทบาทในทุกมิติ พร้อมตอกย้ำจุดแข็งของโมเดลเซอร์วิสโซลูชัน จะช่วยให้เราสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทั้งกลุ่ม B2B และ B2C มอบความมั่นใจ ความสะดวกสบาย และสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน นอกจากนี้เราจะเดินหน้าสร้าง Ecosystem ทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ตลอดจนขยายความร่วมมือกับพันธมิตรในรูปแบบ Open Innovation เพื่อร่วมกันพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค ทั้งนี้จากแผนการดำเนินงานในปีนี้เราตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตในทิศทางเดียวกับตลาด และเพิ่มกำไรจากการปรับปรุงประสิทธิภาพ และต้นทุนการผลิตอย่างต่อเนื่อง" นายนิธิ กล่าวทิ้งท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit