สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เร่งส่งเสริมและผลักดันนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมเกษตร ปั้นสตาร์ทอัพใน 6 สาขา ได้แก่ 1) การเกษตรดิจิทัล 2) เครื่องจักรกลเกษตร หุ่นยนต์ โดรนและระบบอัตโนมัติ 3) เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร 4) การจัดการฟาร์มรูปแบบใหม่ 5) การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและขนส่ง และ 6) บริการทางธุรกิจเกษตร จำนวนทั้งหมด 66 ราย เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และลดต้นทุนให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังได้วิเคราะห์แนวโน้มนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเกษตรที่มีโอกาสเติบโตปี 2021 เช่น แพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าเกษตรออนไลน์ การทำฟาร์มในเขตเมือง และการสร้างบริการแบบเบ็ดเสร็จ
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งความท้าทายด้านการเกษตร ที่แม้ว่าจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ การระบาดของเชื้อโควิด-19 แต่ด้วยวิถีชีวิตใหม่ส่งผลต่อรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในสังคมที่เปลี่ยนไป เช่น การเดินทางท่องเที่ยวลดลง การเลือกซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น ดังนั้น การส่งต่อสินค้าเกษตรไปถึงมือผู้บริโภคได้โดยตรงนั้นจึงจำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยบริหารจัดการ ซึ่ง NIA ได้มีการติดตามและสรรหาแนวทางในการช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการผลักดันนวัตกรรมและสตาร์ทอัพที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ภาคเกษตรกรรมสามารถนำเอานวัตกรรม และเทคโนโลยีเหล่านั้นไปปรับใช้ เพื่อลดผลกระทบที่เกษตรกรไม่สามารถแก้ไขหรือควบคุมเองได้ โดยในปีที่ผ่านมาได้มุ่งบ่มเพาะให้สตาร์ทอัพด้านการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology)
เช่น เรือรดน้ำไร้คนขับ เพื่อช่วยลดปัญหาขาดแคลนแรงงานในพื้นที่การทำสวน การนำร่องนำสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ท้องถิ่นมาพัฒนาทางผลิตภัณฑ์และรูปแบบทางตลาดบนแพลตฟอร์มของสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นการจับคู่ระหว่างสตาร์ทอัพกับเกษตรกร 50 กลุ่ม ทำให้ผู้ประกอบการบางกลุ่มสามารถขายสินค้าและผลิตผลได้มากขึ้น และบางรายมียอดสั่งซื้อที่มากเกินความคาดหมายจนเกิดเทรนด์การค้าขายสินค้าชุมชนบนช่องทางอีคอมเมิร์ซ นอกจากนี้ ยังได้มีการสร้างเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านนวัตกรรม และการบริหารจัดการที่จำเป็นโดยมุ่งหวังให้เกษตรกรรมไทยก้าวไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น
"NIA มีแนวทางการพัฒนาระบบนิเวศที่เหมาะสมในการเติบโตของสตาร์ทอัพเกษตร เพื่อเพิ่มโอกาสและศักยภาพทางการแข่งขัน ซึ่ง NIA มองว่าโอกาสในประเทศไทยนั้นค่อนข้างมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสตาร์ทอัพเกษตรของไทยมีความสามารถ และได้เปรียบในด้านพื้นที่ทางการเกษตรที่สามารถเข้าไปทดลองได้ค่อนข้างมาก มีความหลากหลายของพืชพันธุ์ รวมทั้งยังมีตลาดผู้ใช้ในประเทศมากถึง 25 ล้านคน ทั้งนี้ NIA ไม่ได้คาดหวังว่าสตาร์ทอัพเกษตรจะต้องไปถึงระดับยูนิคอร์น แต่จะต้องมีแนวทางใหม่ นวัตกรรรมใหม่ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ และแก้ไขปัญหาให้แก่เกษตรกรของประเทศให้อยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในปี 2021 NIA จึงได้วางแนวทางในการส่งเสริมสตาร์ทอัพรวบรวมสตาร์ทอัพด้านเกษตร ตามแนวทางการแก้ไขปัญหาใน 6 กลุ่ม ได้แก่ 1.การเกษตรดิจิทัล 2.เครื่องจักรกลเกษตร หุ่นยนต์ โดรนและระบบอัตโนมัติ 3.เทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร 4.การจัดการฟาร์มรูปแบบใหม่ 5.การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและขนส่ง และ6.บริการทางธุรกิจเกษตร จำนวนทั้งหมด 66 ราย เบื้องต้นคาดว่าสตาร์ทอัพเหล่านี้ จะเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรแก้ปัญหาในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มในผลิตภัณฑ์และงานบริการ รวมทั้งลดความเสียหายในด้านผลผลิต และลดต้นทุนบางประการที่เกษตรกรต้องแบกรับในปัจจุบัน"
ดร.กริชผกา กล่าวต่อว่า นอกเหนือจากการส่งเสริมนวัตกรรมด้านการเกษตรให้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายแล้ว NIA ยังได้วิเคราะห์แนวโน้มนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเกษตรที่มีโอกาสเติบโต เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมดังกล่าว พร้อมเป็นแนวทางสำหรับการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมการเกษตรของประเทศไทยให้ก้าวทันความต้องการของโลก และก้าวสู่ผู้นำของภูมิภาค ได้แก่
- การซื้อขายสินค้าเกษตรออนไลน์ ซึ่งคาดว่าจะมาแรงในยุคที่ยังมีการเกิดโรคระบาด และวิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้ แต่สตาร์ทอัพ หรือผู้พัฒนาธุรกิจจำเป็นต้องหากลยุทธ์และเทคโนโลยีมาสร้างความแตกต่าง เพราะสินค้าเกษตรมีความเสี่ยงทั้งจากการผลิต การขนส่ง ลักษณะเฉพาะของสินค้าที่ยากต่อการควบคุม ดังนั้นแพลตฟอร์มสำหรับสินค้าเกษตรอาจจะไม่ใช่แค่การขายมาซื้อไปเท่านั้น แต่สตาร์ทอัพจะต้องลงลึกถึงการเก็บรักษาสินค้าขณะจัดส่ง สร้างนวัตกรรมที่คงความสดใหม่ของอาหาร รวมทั้งนวัตกรรมสำหรับแปรรูปเพื่อให้สินค้าเก็บได้นาน
- ฟาร์มในเขตเมือง (Urban Farming) ด้วยโรงเรือนระบบปิดที่สามารถควบคุมทุกอย่างได้อย่างเป็นระบบ เหมาะกับโครงการอสังหาริมทรัพย์หรือที่อยู่อาศัยที่มีพื้นที่จำกัด รวมทั้งการใช้พื้นที่เช่น ดาดฟ้า ลานจอดรถ หรือพื้นที่ที่ถูกปล่อยทิ้งในเขตเมืองให้เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ สามารถสร้างมูลค่านวัตกรรมนี้ได้ทั้งการจำหน่ายผลิตผล เช่น ผักสด ผลไม้ไร้สารพิษ หรือแม้กระทั่งรูปแบบการให้บริการหรือนวัตกรรมแบบสำเร็จรูปกับบริษัทหรือเจ้าของที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าจะได้เห็น ฟาร์มในเขตเมือง เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้
- การเชื่อมโยงและต่อยอดนวัตกรรมจากฟาร์มถึงโต๊ะอาหาร ด้วยการผนวกรวมความร่วมมือในลักษณะการบริการแบบเบ็ดเสร็จ (Total Solutions) การนำนวัตกรรมการเกษตรตั้งแต่ต้นน้ำ คือการผลิตสินค้าเกษตรที่มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และการเพิ่มผลิตผลิต ผนวกรวมกับการเก็บรักษาและแปรรูปผลผลิต รวมกับการสร้างช่องทางตลาดใหม่ๆ ให้สินค้ามีคุณภาพ เหมือนที่ออกจากแปลงเกษตร ถึงมือผู้บริโภคในระดับต่างๆ นั่นคือการสร้างความร่วมมือบนความเชี่ยวชาญของแต่ละสตาร์ทอัพมาช่วยเชื่อมโยงและต่อยอดกัน ที่จะทำให้เป็นทางออกที่สำคัญที่จะเห็นการยกระดับเกษตรของไทยกันทั้งระบบ เกิดการพลิกโฉมการเกษตรไทยได้อย่างยั่งยืน
จุฬาฯ จับมือ NIA ปั้น "ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย" สร้างเวทีบ่มเพาะนวัตกรรมและธุรกิจ Startup จากงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์
เอ็นไอเอ ชวนร่วมออกแบบ "ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัป" หนุนกลไกสนับสนุนธุรกิจกลุ่มเทคฯ อย่างตรงจุด
ครั้งแรกในไทย นวัตกรรมสเต็มเซลล์เพื่ออนาคตสุขภาพสัตว์เลี้ยง
เอ็นไอเอ ผนึกพันธมิตร เปิดพื้นที่ให้ "นวัตกรรุ่นใหม่" โชว์นวัตกรรมสร้างโลกยั่งยืนใน "STEAM4INNOVATOR's Day 9.9"
เอ็นไอเอเปิดฟอรั่มโอกาสเฮลท์เทคไทย พร้อมเผยผลการจัดอันดับนวัตกรรมโลก 2025
STA รับประกาศนียบัตร SDGs for Climate X Program ตอกย้ำความมุ่งมั่น ESG และนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน
NIA ร่วมกับ ซีพี ซีดดิ้ง โซเชียลอิมแพคท์ ผลักดันผู้ประกอบการไทยสู่ธุรกิจสีเขียวอย่างยั่งยืน
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม จับมือสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ลงนาม MOU ส่งเสริมวัฒนธรรมไทยผ่านนวัตกรรมสร้างสรรค์
ITEL ร่วมขับเคลื่อน Climate X Program 2025 กับ NIA และ Sustainism ย้ำบทบาทผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม