กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ร่วมกับโครงการส่งเสริมการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการปัญหาขยะทะเล ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสหภาพยุโรป (EU) และกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) เปิดตัวโครงการนำร่องสามโครงการ เพื่อลดปริมาณขยะพลาสติกที่รั่วไหลลงสู่ทะเลในจังหวัดภูเก็ต ระยอง ตรัง ซึ่งการดำเนินงานจะมุ่งเน้นไปที่การลด การเก็บรวมรวม การคัดแยกและการรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีระยะเวลาดำเนินงานถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวขอบคุณหน่วยงานภาคี และกล่าวถึงเศรษฐกิจหมุนเวียนและการดำเนินการตามหลัก 3R ที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญในการหาแนวทางแก้ไขทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อจัดการปัญหาขยะพลาสติกว่า "โครงการดังกล่าวฯ เป็นการดำเนินงานที่มีเป้าหมายสอดคล้องกับวาระแห่งชาติ เรื่องนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ด้วยการใช้โมเดลเศรษฐกิจใหม่ คือ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) หรือ BCG Model รวมทั้ง Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561 - 2573 และแผนปฏิบัติการด้านการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2563 - 2565"
"ขยะพลาสติกเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับทุกคน เราต้องก้าวไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับพลาสติก ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจที่มีการใช้และการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน" Dr. Giuseppe Busini อัครราชทูต รองหัวหน้าคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า "โครงการส่งเสริมการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการปัญหาขยะทะเล เป็นเวทีสำหรับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างระดับภูมิภาคและยุโรป โดยดำเนินงานใกล้ชิดกับประเทศไทยในการป้องกันขยะพลาสติกรั่วไหลลงสู่ทะเล ซึ่งโครงการนำร่องสามารถส่งเสริมความพยายามให้ก้าวไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมกับการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและสั่งสมประสบการณ์จากระดับท้องถิ่นรวมไปถึงระดับชุมชน ระดับครัวเรือน ภาคธุรกิจในท้องถิ่น และหน่วยงานในระดับท้องถิ่น เราหวังว่าโครงการนำร่องนี้จะเป็นแนวปฏิบัติที่ดี และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจและการพัฒนาทางด้านนโยบายในอนาคต"
ในส่วนของการเชื่อมโยงระหว่างความคิดในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และนานาชาติทางด้านนโยบาย ก็เป็นสิ่งสำคัญ Mr. Jan Scheer อัครราชทูตและรองหัวหน้าปฏิบัติการและหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจ สถานเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย กล่าวว่า "ผมมั่นใจว่าเราสามารถเรียนรู้ได้จากการแก้ปัญหาและเรียนรู้ได้จากการที่จังหวัดภูเก็ต ระยอง ตรัง เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจและแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ อีกทั้งยังเป็นจังหวัดที่มีสิ่งแวดล้อมทางทะเลอันล้ำค่า เราสามารถเรียนรู้ได้จากความท้าทายที่ต้องเผชิญในแต่ละพื้นที่และเป็นข้อได้เปรียบอย่างยิ่งที่ทางโครงการนำร่องมีภาคีที่มีประสบการณ์และมีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้พบภาคีเครือข่ายทุกท่านในวันนี้และขอให้โครงการนำร่องดำเนินการลุล่วงและประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี"
ภายในงาน ไม่เพียงแต่มีการนำเสนอของโครงการนำร่องในแต่ละพื้นที่ แต่ยังมีการจัดกิจกรรมกลุ่มที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นอกเหนือจากโครงการนำร่องทั้งสามจังหวัดในประเทศไทยแล้ว โครงการส่งเสริมการใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อจัดการปัญหาขยะทะเล ซึ่งดำเนินงานโดยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) และ Expertise France (EF) ยังสนับสนุนโครงการนำร่องกว่า 20 โครงการใน 5 ประเทศ ซึ่งครอบคลุมถึงเรื่องการจัดการขยะพลาสติกที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การบริโภคและการผลิตพลาสติกอย่างยั่งยืน ตลอดจนการลดขยะ ณ แหล่งทิ้งขยะลงสู่ทะเลจากเรือพาณิชย์และเรือประมงในประเทศจีน อินโดนิเซีย ฟิลิปปินส์ ไทยและเวียดนาม ประสบการณ์และบทเรียนของโครงการนำร่อง จะสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีและก่อให้เกิดการพัฒนาทางด้านนโยบายในอนาคต
โครงการนำร่องทั้ง 3 จังหวัดประกอบด้วย
1) โครงการส่งเสริมรูปแบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในระดับท้องถิ่น เพื่อปรับปรุงรูปแบบและนโยบายด้านการจัดการขยะพลาสติก ในพื้นที่ตำบลเกาะลิบง จังหวัดตรัง ดำเนินงานโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (IUCN) เกาะลิบง จังหวัดตรัง มีความสำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพของทั้งสัตว์ป่าและสัตว์น้ำ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีหญ้าทะเลมากที่สุดในประเทศไทย และเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของพะยูน เพื่อให้เป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลเอาไว้ โครงการนำร่องจึงได้ร่วมกับชุมชนในท้องถิ่นและภาคการท่องเที่ยวเพื่อหลีกเลี่ยงการก่อให้เกิดขยะพลาสติก และจะดำเนินงานให้มีการจัดการขยะพลาสติกให้ดีขึ้น
2) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการคัดแยกขยะพลาสติกจากบ้านเรือนเพื่อการรีไซเคิลแบบวงจรปิด ดำเนินงานโดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชุมชนท้องถิ่น โรงเรียน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตลอดห่วงโซ่คุณค่าของพลาสติกในจังหวัดระยอง ได้มีส่วนร่วมในการคัดแยกและเก็บรวบรวมขยะพลาสติกให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับอัตราการรีไซเคิล และลดการรั่วไหลของพลาสติกลงสู่ทะเล
3) โครงการจัดการและลดขยะพลาสติกภาคครัวเรือนและธุรกิจในจังหวัดภูเก็ต ดำเนินงานโดยมูลนิธิเพื่อสิ่งแวดล้อมภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ในฐานะที่เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีจุดมุ่งหมายที่จะลดและจัดการปริมาณขยะพลาสติกในภาคธุรกิจและครัวเรือนให้ดีขึ้น โดยมีการใช้วัสดุทางเลือกแทนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวในภาคบริการส่งอาหารและภาคการท่องเที่ยว
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) นำโดย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปกท.ทส.) พร้อมด้วย นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ และผู้แทนจากกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศ คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รวมถึง นายประสิทธิ์ เกิดโต รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
อบก. จับมือ กกท. ลงนาม MOU ร่วมรณรงค์ลดก๊าซเรือนกระจก ดันกิจกรรมด้านกีฬาสู่รูปแบบ Carbon Neutral Event ผ่าน 4 องค์กรกีฬา
—
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระ...
"Electronic Nose" นวัตกรรมตรวจวัดกลิ่น! เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี กรมอนามัย ร่วม MOU กรมควบคุมมลพิษ และ 4 หน่วยงานรัฐ - เอกชน ยกระดับจัดการปัญหากลิ่นเหม็น
—
นายแพทย์ธิต...
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งบริหารจัดการน้ำถึงมือประชาชน มุ่งฟื้นฟูวิกฤตภัยแล้ง จ.ร้อยเอ็ด
—
ดร. เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพย...
29 พันธมิตร รัฐ-เอกชน-การศึกษา หนุนใช้ประโยชน์ขยะอาหาร ชูเว็บไซต์ "ฟู้ดเวสต์ฮับ" เสิร์ฟไอเดียธุรกิจใหม่จากงานวิจัยคนไทย
—
สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ก...
รอยัล คลิฟ พัทยา ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม กับการคว้ารางวัล G-Green ระดับดีเยี่ยม
—
รอยัล คลิฟ โฮเต็ล กรุ๊ปได้รับตราสัญลักษณ์ G-Green โรงแรมที่เป...
อ.อ.ป. รับเกียรติบัตร "องค์กรพัฒนาคุณธรรม ประจำปี 2567"
—
นายประสิทธิ์ เกิดโต รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (รษก.ผอ.อ.อ.ป.) เป็นผู้แทนปลัด...