ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา ดาต้าเซ็นเตอร์เป็นรากฐานที่มั่นคงให้แก่ระบบเครือข่ายและเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำหรับเศรษฐกิจดิจิทัล องค์กร ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม ผู้ให้บริการด้านเคเบิล และล่าสุดผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อย่าง กูเกิล และเฟซบุ๊ก ต่างก็มองว่าดาต้าเซ็นเตอร์คือ หัวใจและกล้ามเนื้อของเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) การถือกำเนิดขึ้นของคลาวด์เมื่อไม่นานมานี้ยังได้ย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของดาต้าเซ็นเตอร์สมัยใหม่ และวันนี้ การพัฒนา 5G และอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) ก็ทำให้ผู้บริหารด้านไอทีกำลังเริ่มมองไปที่เอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็ก เพราะต้องการที่จะดึงศักยภาพและพลังการประมวลผลข้อมูลให้มาอยู่ใกล้กับผู้ใช้ให้มากขึ้น ข้อมูลจากการศึกษาล่าสุดโดยบริษัทวิจัย Global Market Insights พบว่าตลาดของเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็กจะมีมูลค่าสูงเกิน 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปีภายในปี 2569
                                                                                                                                        กะทัดรัดและครบครัน
เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็ก ไม่เพียงจะช่วยติดตั้งการใช้งานไอทีสำหรับบริการต่าง ๆ ของคลาวด์ แต่ยังมีทรัพยากรด้านการประมวลผล การเก็บข้อมูล และการวิเคราะห์สำหรับการทำงานของแอปพลิเคชันและการแคชดาต้าด้วย อีกทั้งยังมีขุมพลัง คุณสมบัติการคูลลิ่ง การเชื่อมต่อ และฟีเจอร์ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยของระบบเช่นเดียวกับดาต้าเซ็นเตอร์ที่บริหารจากส่วนกลาง แต่ข้อดีก็คือขนาดที่เล็กลง นอกจากนี้ การติดตั้งใช้งานไอทีของเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็ก ยังสามารถจัดการการประมวลผล การวิเคราะห์ข้อมูล และการเก็บข้อมูลสำหรับแอปพลิเคชัน ผู้ใช้ปลายทาง และอุปกรณ์ดีไวซ์ต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ความหน่วงต่ำกว่า อยู่ใกล้กับผู้ใช้มากขึ้น
ในทศวรรษหน้าจะเกิดเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่จะปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันของเราให้มีความเป็นอัตโนมัติ รวมถึงยานพาหนะไร้คนขับ สมาร์ทซิตี้ และโรงงานอัจฉริยะ ซึ่งทั้งหมดจะถูกขับเคลื่อนด้วยเครือข่ายเคลื่อนที่ 5G, อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT) และดีไวซ์อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์สำหรับภาคอุตสาหกรรม (IIoT) แต่ยังมีข้อจำกัดทางเทคนิคหลัก ๆ อีกหลายอย่างที่จะต้องแก้ไขเพื่อปลดปล่อยศักยภาพของเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างเต็มที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความหน่วงในการรับ-ส่งข้อมูลของเครือข่าย เอดจ์ ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็ก คือโซลูชันที่ทรงประสิทธิภาพ ลดความหน่วง ด้วยการนำทรัพยากรไอทีให้มาอยู่ใกล้สถานที่ที่ผู้ใช้และดีไวซ์อยู่ ซึ่งจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการประมวลผล การเก็บดาต้า และการวิเคราะห์ข้อมูล และความน่าเชื่อถือ ให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
การ์ทเนอร์ได้คาดการณ์ไว้ว่าภายในระยะเวลา 4 ปี ร้อยละ 75 ของดาต้าที่เกิดขึ้นในองค์กรจะได้รับการประมวลผลผ่านเอดจ์ ความต้องการมีปฏิสัมพันธ์แบบเรียลไทม์กำลังผลักดันธุรกิจต่าง ๆ ให้นำพลังการประมวลผลให้มาอยู่ใกล้ผู้ใช้ปลายทางมากขึ้น ดังนั้น เอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็กจึงเป็นที่ต้องการในหลาย ๆ อุตสาหกรรมและรูปแบบการใช้งาน
- ภาคค้าปลีก: เอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ขนาดเล็กจะช่วยผู้ค้าปลีกลดช่องว่างและผสานการทำงานระหว่างการจำหน่ายแบบออนไลน์และออฟไลน์
 - ภาคการผลิต: ดาต้าเซ็นเตอร์ผ่านเอดจ์ ที่ติดตั้งในคลังกระจายสินค้า จะรองรับการบริหารจัดการปริมาณข้อมูลสินค้าคงคลังและการจัดส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น ในโรงงานต่างๆ ดาต้าเซ็นเตอร์จะบริหารจัดการข้อมูลที่เกิดจากเซ็นเซอร์ รวมถึงระบบการสื่อสารต่าง ๆ ระหว่างอุปกรณ์ อันจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ (IoT)
 - ภาคโทรคมนาคม: สำนักงานกลางหลายแห่งของบริษัทโทรคมนาคมกำลังเปลี่ยนสภาพเป็นห้องประมวลผล และนำมาใช้เป็นดาต้าเซ็นเตอร์แบบ Edge เพื่อทำให้เน็ตเวิร์กมีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
โซลูชัน Modular Data Center ตัวเลือกที่ดีที่สุด
Modular Data Center ทำให้ใช้งานบริการไอทีได้อย่างรวดเร็วตามที่ต้องการ รวมถึงสามารถขยายเพิ่มเติมได้ในอนาคตโดยไม่ยุ่งยาก ซึ่งจะช่วยติดปีกให้องค์กรปรับตัวตามพัฒนาการของเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ตามความต้องการบริการแบบเรียลไทม์ ดังนั้น Modular Data Center จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับเอดจ์ ดาต้า เซ็นเตอร์ ขนาดเล็ก ที่มีฟีเจอร์มากมาย
- การติดตั้งใช้งาน: โมดูลที่ประกอบสำเร็จสามารถส่งมากับแร็คอุปกรณ์ ระบบสำรองไฟ (UPS) แบตเตอรี่ สวิทช์เกียร์ อุปกรณ์ระบบคูลลิ่ง และระบบมอนิเตอร์ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า ซึ่งสามารถนำโมดูลหลาย ๆ ตัว มาต่อเชื่อมกันได้ตามต้องการสำหรับไซต์ที่ใหญ่ขึ้น
 - ระบบคูลลิ่ง: โมดูลาร์ ดาต้า เซ็นเตอร์ สามารถใช้ระบบคูลลิ่งได้หลายแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะของเอดจ์ ตั้งแต่แบบที่ติดตั้งแบบ In-row ประกบเซิร์ฟเวอร์ ถึงแบบติดตั้งอยู่ในเซิร์ฟเวอร์แร็ค
 - ระบบไฟฟ้า: ส่วนประกอบการออกแบบโมดูลาร์ ประกอบด้วย Utility Power Hookups, เครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง (Standby Generator), โมดูลระบบไฟสำรอง (UPS) และหน่วยควบคุมและแจกจ่ายกระแสไฟฟ้า (PDU) ซึ่งทุกๆ ส่วนทำงานร่วมกันเพื่อรับประกันการทำงานตลอดเวลา
 
หัวเว่ย คือผู้นำโซลูชันโมดูลาร์ ดาต้า เซ็นเตอร์
โซลูชันโมดูลาร์ อัจฉริยะ สำหรับรูปแบบการใช้งานเอดจ์ขนาดเล็ก ของหัวเว่ย มีผลิตภัณฑ์ 3 ตัว คือ FusionModule500, FusionModule800 และ FusionModule2000 ที่ออกแบบมาเพื่อความต้องการที่หลากหลายของอุตสาหกรรมต่างๆ โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 3 สามารถประกอบและเริ่มให้บริการออนไลน์ได้โดยใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง ด้วยแบตเตอรี่ไฟสำรองแบบลิเธี่ยม SmartLi UPS ของหัวเว่ยที่ติดตั้งอยู่ภายใน - สามารถลดพื้นที่ได้ถึงร้อยละ 50-70 ในขณะที่ระบบคูลลิ่งที่ประกอบอยู่ในแร็ค จะช่วยให้อุปกรณ์ไอทีทำงานได้อย่างต่อเนื่องยาวนานมากขึ้น นอกจากนี้ โซลูชันของหัวเว่ยยังรองรับการจัดการดาต้าเซ็นเตอร์หลาย ๆ ตัวจากส่วนกลาง และโครงสร้างพื้นฐานในอนาคตสำหรับยุคคลาวด์ได้อีกด้วย
                            
                            ปฏิวัติการเรียนรู้ " โกซอฟท์" บริษัทในกลุ่ม ซีพี ออลล์ MOU ร่วมกับ "DEPA" สร้างเส้นทางสู่สังคมดิจิทัลสำหรับทุกคน
                        
                            NEC พาเหรดสุดยอดโซลูชั่นเทคโนโลยี ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ทั้งด้านสุขภาพจนถึงความปลอดภัยไซเบอร์ พร้อมให้สัมผัสในงาน Thailand Smart City Expo 2025 5-7 พ.ย.นี้
                        
                            มูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับพันธมิตร แถลงข่าวจัดประชุมวิชาการนานาชาติ i-CREATe 2025 สนองพระราชดำริฯ ขับเคลื่อน "ระบบนิเวศนวัตกรรมเพื่อสังคม" สู่เวทีโลก
                        
                            "JPARK" ร่วมเปิดสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า "GINKA Charge Point" ตอบรับเทรนด์พลังงานสะอาด ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน Smart Parking & Smart Energy
                        
                            SPREME สุดปัง! เซ็นสัญญาใหญ่ มูลค่า 833 ลบ. คว้าโปรเจคสัญญาเช่า Handheld ไปรษณีย์ไทย-คอมพ์นักเรียน กทม. หนุนรายได้ต่อเนื่องช่วง 3-5 ปี ข้างหน้า
                        
                            efin Group หนุน "บัณฑิตพันธุ์ใหม่" ม.พะเยา ร่วมงาน "ICT Open House" เป็นกรรมการตัดสินนักเทคโนโลยีรุ่นใหม่ยุคดิจิทัล
                        
                            Thailand ICT Awards (TICTA) ครั้งที่ 21 ประกาศผลงานเทคโนโลยีดิจิทัลดีเด่นแห่งปี 2025 ยกระดับนวัตกรรมไทยสู่เวทีเอเชียแปซิฟิก
                        
                            มจธ. จัดกิจกรรม "KMUTT OPEN HOUSE 2025 Journey of Discovery" ร่วมค้นหาตัวตนไปพร้อมกัน จุใจเต็มวัน Day to Night 10-12 ต.ค. นี้ ที่บางมดและบางขุนเทียน