บุรีรัมย์ปลอดวิกฤติแล้ง น้ำใช้การมากกว่าปี'63 ถึง 3 เท่า

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

สทนช.ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ รับลูก "บิ๊กป้อม" ส่งต่อนโยบายป้องกันภัยแล้ง ชี้บ่อบาดาลหนุนน้ำกินน้ำใช้ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 200 ครัวเรือน มั่นใจแล้งนี้ไม่มีซ้ำรอยปีก่อน หลังพบน้ำใช้การปีนี้มากกว่า 50% พร้อมถกหน่วยงานในพื้นที่รับมือฤดูฝนล่วงหน้า

บุรีรัมย์ปลอดวิกฤติแล้ง น้ำใช้การมากกว่าปี'63 ถึง 3 เท่า

วันนี้ (26 มี.ค. 64) ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยในโอกาสลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำเพื่อรับมือสถานการณ์ภัยแล้งและเตรียมการช่วงฤดูฝน ปี 2563/2564 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ว่า จากการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งล่าสุด พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเน้นย้ำทุกหน่วยงานยังต้องติดตามให้ความช่วยเหลือและป้องกันผลกระทบภัยแล้งก่อนสิ้นฤดูอย่างเต็มที่ ซึ่งบุรีรัมย์เป็นหนึ่งจังหวัดที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจากปริมาณฝนที่ตกน้อยต่อเนื่อง 2 ปี แต่จากการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ประกอบกับปริมาณฝนที่ตกมากในพื้นที่ ส่งผลให้สถานการณ์น้ำในจังหวัดบุรีรัมย์ช่วงฤดูแล้งนี้ไม่น่ากังวลมากนัก โดยพบว่า ปริมาณน้ำต้นทุนในแหล่งน้ำต่างๆ มีน้ำใช้การมากกว่าปีที่ผ่านมา เช่น "สระน้ำเหมืองเก่า" เทศบาลตำบลอิสาณ ปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 1.5 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) จากขนาดความจุ 2.3 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ได้ดำเนินโครงการก่อสร้างผนังกั้นน้ำ ช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาสามารถช่วยดักน้ำที่ไหลจากเขากระโดงไปเก็บไว้ที่ "สระน้ำเหมืองเก่า" เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำรองน้ำดิบผลิตน้ำประปาพื้นที่เมืองบุรีรัมย์กรณีมีวิกฤติภัยแล้ง ซึ่งฤดูแล้งนี้ยังไม่ได้นำน้ำจากเหมืองเก่ามาใช้ผลิตน้ำประปาแต่อย่างใด เนื่องจากอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มาก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำดิบหลักที่ใช้สนับสนุนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคของประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำ 14.76 ล้าน ลบ.ม. จากปริมาณความจุเก็บกัก 26 ล้าน ลบม. คิดเป็น 57% ซึ่งถือว่ามีเพียงพอในการผลิตน้ำประปาเพื่อการอุปโภค-บริโภคและเขตเศรษฐกิจสำคัญในตัวเมืองบุรีรัมย์ในช่วงแล้งนี้ได้อย่างเพียงพอ บุรีรัมย์ปลอดวิกฤติแล้ง น้ำใช้การมากกว่าปี'63 ถึง 3 เท่า

อย่างไรก็ตาม แม้ปริมาณน้ำอุปโภค-บริโภคจะไม่ขาดแคลน แต่ยังคงต้องจัดสรรน้ำเพื่อกิจกรรมการต่างๆตลอดทั้งฤดูและสำรองถึงต้นฤดูฝน จึงได้เน้นย้ำกรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งให้เป็นไปตามแผนเนื่องจากสภาพน้ำต้นทุนมีจำกัด ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนปฏิบัติตามแผนอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยเฉพาะรณรงค์ไม่ให้มีการเพาะปลูกข้าวเพิ่มขึ้นอีก เพื่อไม่ให้กระทบกับน้ำต้นทุน ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีการเพาะปลูกแล้ว 3.2 หมื่นไร่ จากแผน 1.6 หมื่นไร่

"สถานการณ์น้ำในพื้นที่บุรีรัมย์ช่วงฤดูแล้งปีนี้เบาใจได้ว่าไม่วิกฤติแน่นอน เนื่องจากมีการบริหารจัดการน้ำได้ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ปริมาณน้ำใช้การได้ในแหล่งน้ำทุกขนาดความจุรวม 475 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีน้ำใช้การ รวม 266 ล้าน ลบ.ม. หรือ 56% (มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี'63 ถึง 154 ล้าน ลบ.ม.) แยกเป็น อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 1 แห่ง คือ อ่างฯ ลำนางรอง มีน้ำใช้การ 84 ล้าน ลบ.ม. หรือ 71% อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 11 แห่ง น้ำใช้การรวม 102 ล้าน ลบ.ม. หรือ 66% ขนาดเล็ก 4,380 แห่ง ความจุรวม 202 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีน้ำ 81 ล้าน ลบ.ม. หรือ 22% ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ที่ไม่มีแหล่งน้ำรองรับยังมีโครงการที่รัฐบาลจัดสรรงบกลางปี'63 ในการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กป้องกันปัญหาภัยแล้งในจังหวัดบุรีรัมย์ทั้งสิ้น 490 โครงการ ดำเนินการแล้วเสร็จ 149 โครงการ อาทิ ก่อสร้างแหล่งน้ำใหม่ ฟื้นฟูแหล่งน้ำเดิม สร้างระบบประปา รวมถึงโครงการบ่อบาดาลที่ อ.ประโคนชัย ที่ช่วยสนับสนุนน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภคให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ต.สี่แหลี่ยม บ้านศรีบูรพา และชุมชนในพื้นที่กว่า 200 ครัวเรือน ไม่ขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งนี้ด้วย ทั้งนี้ ช่วงรอยต่อปลายฤดูแล้งต่อเนื่องฤดูฝนยังได้ถือโอกาสลงพื้นที่ครั้งนี้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องซักซ้อมมาตรการรับมือฤดูฝนที่จะถึงนี้ล่วงหน้า ตามข้อสั่งการของ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ด้วยเช่นกัน" ดร.สมเกียรติ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในลุ่มน้ำมูลเกิดความยั่งยืน สทนช.ได้จัดทำโครงการศึกษาการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (SEA) พื้นที่ลุ่มน้ำมูล โดยนำแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของชาติ 20 ปี สู่พื้นที่ลุ่มน้ำด้วยทางเลือกในการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสม สอดคล้องกับสภาพบริบทของพื้นที่ทั้งตอนบน ตอนกลางและตอนล่าง ทั้งแม่น้ำมูลสายหลักและลำน้ำสาขาที่อยู่ฝั่งซ้าย-ฝั่งขวาของแม่น้ำมูลที่มีข้อจำกัดและศักยภาพของพื้นที่แตกต่างกันมาก เนื่องจากเป็นลุ่มน้ำขนาดใหญ่ ขนาดพื้นที่ 44 ล้านไร่ ครอบคลุมในพื้นที่ 10 จังหวัด โดยโครงการดังกล่าวจะสิ้นสุดการศึกษาในเดือนมีนาคมนี้ จากนั้น โดย สทนช.เตรียมนำผลการศึกษาทั้งหมดเป็นกรอบในการพิจารณาระดับโครงการของแต่ละหน่วยงานที่จะลงในพื้นที่ลุ่มน้ำมูลให้เป็นไปตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป


ข่าวสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ+สำนักงานทรัพยากรน้ำวันนี้

สทนช. จับมือเขื่อนภูมิพล ปรับลดการระบายน้ำบรรเทาท่วมภาคกลาง

สทนช. ประชุมด่วนวางแผนปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล หลังคาดฝนภาคเหนือจะลดลงอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นวันพรุ่งนี้ จาก 55 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เหลือ 50 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน และวันถัดไปปรับลดอีกเหลือ 45 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน เพื่อลดมวลน้ำที่ไหลลงสู่ภาคกลาง วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2568) นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและวางแผนการบริหารจัดการน้ำเขื่อนภูมิพล โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม ณ

สทนช. ระดมทุกหน่วยเดินหน้าคลี่คลายพื้นที่ท่วมขังหลังฝนตอนบนลดลง

เตรียมปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา พร้อมจับตาฝนตกหนักต่อเนื่องภาคใต้ สทนช. หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นชอบปรับลดการระบายน้ำเขื่อนสิริกิติ์ เหลือ 10 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน พร้อมเตรียมทยอยปรับลดการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา เพื่อช่วย...

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติ... เฝ้าระวังน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา — สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า จะ...

สทนช. เปิดศูนย์ส่วนหน้าฯ "ลุ่มน้ำยม-น่าน" จับมือทุกหน่วย คุมจราจรน้ำจากเหนือสู่เจ้าพระยา เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน

สทนช. เปิดศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำยม-น่าน ระดมทุกหน่วยจัดการจราจรน้ำที่ไหลจากภาคเหนือก่อนลงสู่อ่าวไทย โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ...

สทนช. ติดตามการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก พร้อมรับมืออุทกภัยปีนี้

สทนช. บูรณาการหน่วยงานประชุมศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าชั่วคราวฯ ลุ่มน้ำโขงเหนือ เร่งติดตามความก้าวหน้าการขุดลอกแม่น้ำกก แม่น้ำสาย แม่น้ำรวก การก่อสร้างพนังกั้นน้ำ และการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ รับมืออุทกภัยปีนี้ พร้อมชู "จ....