พช. จับมือเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติภาคอีสาน ร่วมลงแขกเอามื้อสามัคคี "โคก หนอง นา ปันบุญ"

28 Jun 2021

เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2564 นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มอบหมายภารกิจให้สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี โดยนายภคิน ศรีวงศ์ นักวิชาการพัฒนาชุมชนชำนาญการ (ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มงาน) กลุ่มงานสารสนเทศการพัฒนาชุมชน ประสานความร่วมมือกับเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติภาคอีสาน นำโดย นายปริญญา นาเมืองรักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์กสิกรรมธรรมชาติคนฮักถิ่น จังหวัดสกลนคร และประธานเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติภาคอีสาน นายอัมพร วาภพ ผู้นำอาสาพัฒนาบ้านเกิดระดับจังหวัด และนักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ (นพต.) อำเภอม่วงสามสิบ ร่วมกิจกรรมเอามื้อสามัคคี ณ แปลงตัวอย่าง "โคก หนอง นา ปันบุญ" ซึ่งเป็นแปลงตัวอย่างตามโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ประยุกต์สู่ "โคก หนอง นา พช." งบพัฒนาจังหวัดฯ ปี 2563 และพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับตำบล (Community Lab Model for quality of life : CLM) ของนางพัฒนาพร แดงสะอาด บ้านดงยาง ตำบลดุมใหญ่ อำเภอม่วงสามสิบ จังหวัดอุบลราชธานี 

พช. จับมือเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติภาคอีสาน ร่วมลงแขกเอามื้อสามัคคี "โคก หนอง นา ปันบุญ"

โดยมี นายศักดิ์สิทธิ บุญญะบาล อดีตประธานกลุ่ม SAVE UBON ในฐานะวิทยากรหลักประจำศูนย์เรียนรู้ แปลงตัวอย่าง "โคก หนอง นา ปันบุญ" บนพื้นที่ 33 ไร่ พร้อมด้วย นักพัฒนาพื้นที่ต้นแบบ (นพต.) และนางสาวพัฒนาพร แดงสะอาด เจ้าของแปลง ได้ร่วมให้การต้อนรับคณะจากสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี และเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติภาคอีสาน จำนวน 6 คน ซึ่งได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการดำเนินชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ประยุกต์สู่ "โคก หนอง นา พช." กับผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อให้สามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์และน้อมนำแนวพระราชดำริไปสู่การปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันที่รัฐบาลและส่วนราชการหลายแห่ง ได้ให้ความสำคัญในการดำเนินงาน "โคก หนอง นา" จึงถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ที่ได้ร่วมสนองนโยบายภาครัฐ และถือเป็นการร่วมทำบุญให้ชุมชน สังคม และผู้ได้รับผลกระทบจากภัยโควิด-19 ให้สามารถพึ่งตนเองได้และอยู่เย็นเป็นสุข นอกจากนั้น คณะฯ ยังได้ร่วมลงแปลงปรับพื้นที่และการเอามื้อสามัคคีหรือการลงแขกตามประเพณีดั้งเดิมของคนไทย ซึ่งเป็นกลวิธีในการขับเคลื่อนงาน โดยประสานความสามัคคีและเชื่อมโยงเครือข่ายต่างๆ ไว้ด้วยกัน

สำหรับแปลงตัวอย่าง "โคก หนอง นา ปันบุญ" นั้น ได้การสนับสนุนการขุดปรับพื้นที่เรียนรู้ชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับตำบล (Community Lab Model for quality of life : CLM) 15 ไร่ จากหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 53 (นพค.53 ศรีสะเกษ) และงบพัฒนาจังหวัดปี 2563 พื้นที่ 8 ไร่ จากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี ปัจจุบันภายในศูนย์เรียนรู้ฯ มีทั้งหมด 9 ฐาน ประกอบด้วย 1)ฐานคนรักษ์แม่ธรณี 2)ฐานคนเอาถ่าน 3)ฐานคนรักษ์แม่โพสพ 4)ฐานคนมีน้ำยา 5)ฐานคนมีไฟ 6)ฐานคนรักษ์น้ำ 7)ฐานคนติดดิน 8)ฐานคนรักษ์ป่า และ 9)คันนาทองคำ ถือเป็นอีกหนึ่งผลผลิตและต้นกล้าแห่งความสำเร็จ จากโครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามหลักทฤษฎีใหม่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ประยุกต์สู่ "โคก หนอง นา โมเดล" ที่หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และจังหวัดอุบลราชธานี ได้ส่งเสริมและสนับสนุนงบประมาณจนทำให้เกิดแปลงตัวอย่างที่สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบให้แก่ประชาชนทั่วไปพื้นที่ และขยายผลไปยังส่วนราชการ สถาบันการศึกษา ทหาร ตำรวจ ได้มาศึกษาเรียนรู้การพึ่งพาตนเองตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา (COVID-19) ได้อย่างยั่งยืน

โอกาสนี้ นายศักดิ์สิทธิ บุญญบาล หรือ อาจารย์แขก เจ้าของแปลงและวิทยากรประจำฐาน ได้เปิดเผยว่า "การทำโคก หนอง นา มันคือทางรอด มิใช่ทางเลือก อย่างน้อยพื้นฐาน 4 พ. พอกิน พอใช้ พอกินและพอร่มเย็น ทำแบบคนมี คือ ใช้เงินทำงาน ไม่พึ่งตนเอง การทำแบบคนรวยก็จะไม่ประสบความสำเร็จกับการทำโคกหนองนา การทำโคกหนองนาที่จะสำเร็จก็คือการทำเรื่องของการพึ่งตนเองให้ได้ ทำอย่างไรให้พึ่งตนเองให้ได้ ถ้าพึ่งตนเองไม่ได้ พึ่งตนเองหมายถึงเรื่องอะไรบ้างตั้งแต่เรื่องของการที่จะต้องทำให้ตนเองมีกิน ทำให้ตนเองมีใช้ ทำให้ตนเองมีที่อยู่สมควรตามอัตภาพ มีพื้นที่ในการที่จะใช้ชีวิตให้มีความร่มเย็นแบบธรรมชาติ แต่ถ้าเกิดว่าเริ่มทำโคกหนองนาแล้วคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จเหมือนเศรษฐกิจตาโต แต่ก่อนยาก เศรษฐกิจตาโต ก็คือ ทำเพื่อขาย ทำเพื่อให้ได้เงิน เป้าหมายสำคัญอีกประการหนึ่งของการทำโคก หนอง นา ก็คือ ระบบเครือข่าย ประโยชน์สูงสุดก็คือการที่จะทำให้สังคมกลับมาเกื้อกูลซึ่งกันละกัน สังคมมันจะดีขึ้น ดีขึ้นมาจากที่ทุกคนไม่อดยาก ทุกคนมีอยู่มีกิน เมื่อมีอยู่มีกินคนมันจะรู้สึกอิ่ม ก็คือเป็นบุญ เมื่อมันมีบุญมันก็จะสร้างบุญมันก็จะให้กันต่อไป ถ้าสังคมกลับมาแบบนี้สังคมมีความเอื้ออาทรสังคมมีการให้จะกลับมา อันนี้สูงสุดคือถ้าทุกคนทำได้แบบนี้ผมคิดว่าสังคมเราจะเป็นสังคมที่เกื้อกูล สังคมจะกลับมาเกื้อกูล สังคมมีความสุขจะกลับมา รอยยิ้มก็แบบเจอใครก็ยิ้มเพราะว่าทุกคนมีความสุข สวนของผมจึงตั้งชื่อว่า สวนปันบุญ" ศักดิ์สิทธิ์ บุญญบาล หรือ อาจารย์แขกกล่าวส่งท้าย 

พช. จับมือเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติภาคอีสาน ร่วมลงแขกเอามื้อสามัคคี "โคก หนอง นา ปันบุญ"