พรินซิเพิล แนะสะสมหุ้นเวียดนาม ชี้เม็ดเงินลงทุนโดยตรงต่างชาติเพิ่มศักยภาพสู่ฮับด้านการผลิตของโลก 'พรินซิเพิล เวียดนาม' ให้ผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนาม ปี 2564

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

บลจ. พรินซิเพิล ประเมินเศรษฐกิจเวียดนามแข็งแกร่ง รับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ ยกระดับประเทศสู่ 'ฮับด้านการผลิตของโลก' และก้าวสู่สังคมเมือง หนุนการเติบโตในระยะยาว มองสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ล่าสุด แม้ส่งผลต่อการปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ยังเติบโตสูงสุดในภูมิภาคเอเชีย ชี้เป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้น หลังตลาดปรับฐานแล้วในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และจะกระทบต่อตลาดทุนในระยะสั้น ชูกองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ) ให้ผลตอบแทนสูงสุดในปี 2564 (กรกฎาคม) ที่ 42.95% และ 1 ปีย้อนหลังที่ 96.84% สูงสุดเมื่อเทียบกับกองทุนหุ้นเวียดนามทั้งหมด (Benchmark : 51.18% และ 110.26% Source Bloomberg ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564) โดดเด่นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามในประเทศไทย**

พรินซิเพิล แนะสะสมหุ้นเวียดนาม ชี้เม็ดเงินลงทุนโดยตรงต่างชาติเพิ่มศักยภาพสู่ฮับด้านการผลิตของโลก 'พรินซิเพิล เวียดนาม' ให้ผลตอบแทนสูงสุดในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนาม ปี 2564

นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยว่า จากการประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจเวียดนามถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตสูงและน่าสนใจต่อการเข้าลงทุนในตลาดหุ้น เนื่องจากภายหลังเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา - จีน ส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) จำนวนมากจากการเคลื่อนย้ายฐานการผลิต เนื่องจากค่าแรงที่ถูกกว่าประเทศไทยและจีน 2 - 2.5 เท่า และมีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีเพื่อสิทธิประโยชน์จากภาษีมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองและนโยบายการบริหารประเทศที่ค่อนข้างนิ่ง มีประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานและทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ส่งผลให้เวียดนามกำลังยกระดับจากประเทศ 'เกษตรกรรม' ไปสู่ 'ฮับด้านการผลิตของโลก' และการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมเมืองหรือ Urbanization จากรายได้ประชากรที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวและกลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองที่สุดในภูมิภาคนี้

สำหรับเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติหรือ FDI ในเวียดนามในปี 2564 คาดว่าจะมีสัดส่วนประมาณ 6% ของ GDP และเคยพุ่งขึ้นสูงสุดคิดเป็นสัดส่วน 10% ของ GDP ซึ่งสูงกว่าประเทศไทย จีนและค่าเฉลี่ยทั่วโลก โดยในปีที่ผ่านมาเม็ดเงินลงทุน FDI 3 อันดับแรกอยู่ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต สาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงมีการลงทุนในเซ็กเตอร์อื่นๆ เช่น ค้าปลีก-ส่ง, เทคโนโลยีและยานพาหนะ, โลจิสติกส์และการขนส่ง เป็นต้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวียดนามกำลังก้าวสู่ประเทศอุตสาหกรรมการผลิตและสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดส่งออกจากจีนได้มากพอสมควร โดยมีบริษัทต่างชาติชั้นนำที่ลงทุนในเวียดนาม อาทิ Nidec ผู้ผลิตมอเตอร์จากญี่ปุ่น, LG และ SAMSUNG บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์จากเกาหลีใต้, Goertek ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ในจีน ฯลฯ

ทั้งนี้ มองว่าอุตสาหกรรมที่น่าลงทุนในเวียดนาม ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรม โลจิสติกส์และที่อยู่อาศัย โดยในเซ็กเตอร์นิคมอุตสาหกรรม ปัจจุบันมีการขยายตัวจากพื้นที่ตอนใต้ สู่ตอนกลางและตอนเหนือของเวียดนาม เนื่องจากความต้องการจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง เช่น อุตสาหกรรมไฮเทคโนโลยี, อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์, Vinfast แบรนด์รถยนต์ของเวียดนาม เป็นต้น ส่งผลให้ราคาที่ดินในเวียดนามภายหลังเกิดเทรดวอร์ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้รุกขยายธุรกิจจากการพัฒนาที่อยู่อาศัย สู่นิคมอุตสาหกรรมเพื่อตอบสนองดีมานด์ รวมถึงเกิดความต้องการด้านโลจิสติกส์และที่อยู่อาศัยโดยรอบนิคมฯ เพื่อรองรับการลงทุน จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ภาคการนำเข้า-ส่งออกของเวียดนามในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตสูงมาก โดยไตรมาส 2 ของปีนี้เติบโตถึง 40%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. พรินซิเพิล กล่าวต่อว่า หากพิจารณาสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ของเวียดนามในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดทุนในระยะสั้น โดย ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564 ตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉลี่ย 7 วันย้อนหลังเพิ่มขึ้นเป็น 7,878 คนต่อวัน และมีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 150,000 คน ล่าสุดรัฐบาลเวียดนามจึงขยายระยะเวลาล็อกดาวน์นครโฮจิมินห์และอีก 18 พื้นที่ต่อไปถึงกลางเดือนสิงหาคม 2564 ส่วนเมืองดานังและฮานอยอาจถูกขยายระยะเวลาล็อกดาวน์เช่นกัน ขณะที่ผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่ 2 แล้วมีสัดส่วน 5.49% และ 0.6% ของประชากรทั้งประเทศ (กว่า 90 ล้านคน) การฉีดวัคซีนจึงเป็นประเด็นเร่งด่วนที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสสุดท้าย โดยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนแก่ประชาชนถึง 50% ภายในสิ้นปีนี้ และ 70% ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า พร้อมทั้งได้จัดหาวัคซีนรองรับจำนวน 100 ล้านโดส

ทั้งนี้ แม้ว่านักวิเคราะห์ทั่วโลกได้ปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามในปีนี้เหลือ 6.55% (ข้อมูล ณ 30 กรกฎาคม 2564) จากเดิม 6.7% (ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564) และ 7.3% (ณ สิ้นเดือนเมษายน 2564) อย่างไรก็ตาม บลจ. พรินซิเพิล มีมุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามยังมีความน่าสนใจอย่างมาก โดย IMF คาดการณ์อัตราเติบโตเศรษฐกิจเวียดนามในปี 2022 - 2026 (ณ 6 เมษายน 2564) ที่อัตราเฉลี่ย 6.84% ต่อปี ซึ่งจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในภูมิภาคเอเซีย ดังนั้นในช่วงไตรมาส 3 นี้ เป็นจังหวะดีในการ 'ทยอยสะสม' หุ้นเวียดนามโดยการซื้อเฉลี่ยแบบ DCA หลังจากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาตลาดหุ้นเวียดนามได้ปรับฐานไปแล้ว โดยดัชนี VNINDEX ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดของเดือนที่ 1,243 จุด ณ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา จากจุดสูงสุดที่ 1,420 จุด ณ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา และเชื่อว่าหากสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบนี้ได้ ตลาดหุ้นเวียดนามพร้อมปรับตัวขึ้นตอบรับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามผ่านกองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ) ซึ่งเป็นกองทุนแฟลกชิพที่เข้าลงทุนโดยตรงในหุ้นเวียดนามและเน้นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต โดยมีผลการดำเนินงานในปี 2564 (YTD - กรกฎาคม 2564) ที่ 42.95% และผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ที่ 96.84% (Benchmark : 51.18% และ 110.26% Source Bloomberg ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2564) โดดเด่นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนหุ้นเวียดนามในประเทศไทย** โดยสามารถซื้อขายได้ทุกวันทำการ ตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ กองทุนเปิด PRINCIPAL VNEQ สั่งซื้อขั้นต่ำ 1,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และตัวแทนสนับสนุนการขายและรับซื้อคืน และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด โทร. 02 686 9595 หรือ www.principal.th หรือ Principal TH Mobile App


ข่าวกองทุนเปิด+พรินซิเพิลวันนี้

'พรินซิเพิล' โชว์กองทุนมาเลเซียตราสารหนี้ ปิดยอดขายช่วง IPO ทะลุ 2,260 ล้านบาท กระแสนักลงทุนตอบรับล้น ลุยเพิ่มทุน 6,000 ล้านบาท

บลจ. พรินซิเพิล ประสบความสำเร็จหลังเปิดตัวกองทุนเปิด "พรินซิเพิล มาเลเซียน ฟิกซ์ อินคัม อันเฮดจ์" (PRINCIPAL MYRFIUH) ลงทุนในตราสารหนี้มาเลเซียกองแรกในประเทศไทย ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนจำนวนมาก ปิดยอดขายช่วง IPO ทะลุ 2,260 ล้านบาท และพร้อมเดินหน้าเพิ่มทุนจดทะเบียนกองทุนเป็น 6,000 ล้านบาท ตอบสนองความต้องการของนักลงทุนที่แสดงความสนใจเป็นจำนวนมาก ชูจุดเด่นการลงทุนจากศักยภาพเศรษฐกิจของมาเลเซียที่มีเสถียรภาพด้านเครดิต เน้นลงทุนในพันธบัตรและตราสารหนี้เอกชนคุณภาพสูงระดับ Investment Grade (เฉลี่ย AAA

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ผนึกก... เสริมแกร่งพอร์ตลงทุน เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเติบโต ด้วยตราสารหนี้มาเลเซีย PRINCIPAL MYRFIUH — ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ผนึกกำลัง บริษัท หลักทรั...

PRINCIPAL MYRFIUH จุดเด่นพอร์ตตราสารหนี้ค... 'พรินซิเพิล' เปิดตัวกองทุนตราสารหนี้มาเลเซีย กองแรกของไทย — PRINCIPAL MYRFIUH จุดเด่นพอร์ตตราสารหนี้คุณภาพดี (เฉลี่ยระดับ AAA ถึง AA1) ผลตอบแทนเด่น 1 ปี 5...

บลจ. พรินซิเพิล พร้อมลงสนาม Thailand ESG ... บลจ. พรินซิเพิล พร้อมลงสนาม Thailand ESG เปิดตัวกองทุน "พรินซิเพิล อิควิตี้ ESG" 8 - 20 ธ.ค.นี้ — บลจ. พรินซิเพิล พร้อมลงสนาม Thailand ESG เปิดตัวกองทุน "...