ปัจจุบันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ยังคงเป็นเรื่องที่น่าห่วง โดยเฉพาะหากเชื้อไวรัสลงปอดแล้วปล่อยทิ้งไว้หรือไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นการรู้เท่าทันเพื่อเตรียมรับมือให้ถูกวิธีหากต้องเผชิญกับปัญหานี้จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย
ผศ.นพ.อรรถภูมิ สู่ศุภอรรถ ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอกและผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า เชื้อไวรัส COVID-19 เป็นเชื้อไวรัสที่มีความรุนแรงสูง การทำงานของเชื้อตัวนี้จะเริ่มจากการที่เชื้อเข้าไปในร่างกายแล้วไปเกาะในอวัยวะต่าง ๆ อาทิ ปอด หัวใจ หลอดเลือด ลำไส้ และหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงไต หลังจากนั้นเชื้อไวรัส COVID-19 จะแทรกซึมเข้าไปในเซลล์และเพิ่มจำนวนในเซลล์ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเพิ่มจำนวนถึงระดับหนึ่งแล้วจะทำลายเซลล์ แล้วแตกตัวออกมาเป็นไวรัสจำนวนมากเพื่อไปแทรกซึมในอวัยวะข้างเคียงอื่น ๆ ต่อไป ซึ่งการทำลายเซลล์ที่เกิดขึ้นจะถูกกระทบเป็นลูกโซ่อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งอวัยวะนั้น ๆ ได้รับความเสียหายและไม่สามารถทำหน้าที่ได้อีกต่อไป ในกรณีของปอด เมื่อปอดถูกทำลายไปมากแล้วย่อมไม่สามารถแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ตามปกติ ระดับออกซิเจนในเลือดของคนไข้ก็จะต่ำลง ทำให้เนื้อปอดไม่สามารถทำงานได้เหมือนเดิม
เมื่อเชื้อไรวัส COVID-19 ลงปอดแล้วกลุ่มผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่สุด คือ ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ผู้ที่มีโรคอ้วน BMI มากกว่า 30 และผู้ที่มีโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เมื่อเชื้อไวรัส COVID-19 แทรกซึมลงไปถึงปอดแล้วจับกับเซลล์ในปอดจำนวนมากจะทำให้เกิดการทำลายเซลล์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลกระทบต่อการทำงานของปอดโดยตรง ซึ่งเซลล์ที่ถูกทำลายในจำนวนมากนี้จะส่งผลให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายขึ้นเพื่อต่อต้านเชื้อไวรัส COVID-19 และต่อต้านปฏิกิริยาต่าง ๆ ที่ผิดปกติในร่างกาย กระบวนการนี้จะเกิดการทำลายเนื้อปอดซ้ำซ้อน จนทำให้เนื้อปอดแย่ลงอย่างรวดเร็ว และจะทำให้อาการรุนแรงขึ้นถ้าไม่รีบรักษา
การรักษาโรค COVID-19 เมื่อลงปอดแล้วสามารถทำได้ด้วยการให้ยาต้านไวรัส ซึ่งจะเข้าไปฆ่าเชื้อไวรัสเพื่อหยุดยั้งไม่ให้เชื้อแบ่งตัวเพิ่มขึ้นและทำลายเซลล์ นอกจากนี้แพทย์จะจ่ายยาต้านการอักเสบเพื่อลดกระบวนการอักเสบในร่างกายร่วมกับการให้ยารักษาตามอาการควบคู่กันไปด้วย ในกรณีที่อาการหนัก เนื้อปอดบวมน้ำมาก เนื้อปอดเสียหายมาก แพทย์จำเป็นจะต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจนในเนื้อปอด ซึ่งจะทำให้ปริมาณออกซิเจนในเลือดสูงพอที่จะสามารถไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้ แต่ในบางกรณีที่เครื่องช่วยหายใจไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้ก็จำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์พิเศษที่เรียกว่า ECMO (Extracorporeal Membrane Oxygenation) เครื่องช่วยพยุงการทำงานของหัวใจและปอด ซึ่งทำงานโดยการนำเลือดจากร่างกายคนไข้มาฟอกแล้วเติมออกซิเจนก่อนที่จะคืนกลับเข้าไปในร่างกายของคนไข้อีกครั้ง เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับคนไข้
สิ่งที่ควรคำนึงถึงและสำคัญที่สุดในการดูแลปอดช่วง COVID-19 คือ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ซึ่งทำได้ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ การเว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่แออัด เลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ที่มีความเสี่ยงสูง หากมีข้อสงสัยหรือมีอาการผิดปกติให้รีบพบแพทย์ทันที สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ รพ.หัวใจกรุงเทพ โทร. 02-310-3000 โทร.1719 หรือ LINE Official : @hearthospital
ผ่าตัดแผลเล็ก 4 ซม. ลดความเสี่ยง ทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง
โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ อัดงบใหญ่ ปักหมุด 'ศูนย์กลางผ่าตัดหัวใจแผลเล็ก' MICS CABG และ 3D Valve Surgery สู่ผู้นำภูมิภาค
โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ อัดงบใหญ่ ปักหมุด 'ศูนย์กลางผ่าตัดหัวใจแผลเล็ก' MICS CABG และ 3D Valve Surgery สู่ผู้นำภูมิภาค
5 ขั้นตอนชวนรอดเมื่อหัวใจหยุดเต้น
Heart Challenge Fun Run 2022 เดิน วิ่ง ให้หัวใจคนกรุงแข็งแรง
Use Heart for Every Heart ดูแลหัวใจทุกดวง ด้วยสุขภาพใจที่แข็งแรง Your Healthcare Intelligence เราไปไกลกว่าการรักษา
หญิงวัยหมดประจำเดือน เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
"HEART CHALLENGE FUN RUN 2022" เดิน วิ่ง ให้หัวใจคนกรุงแข็งแรง วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2565