ผลสำรวจจาก FICO เผย 1 ใน 11 ผู้บริโภคชาวไทยคาดถูกขโมยตัวตนบนโลกไซเบอร์ ขณะที่ 1 ใน 12 ยอมรับเคยเผชิญเหตุการณ์ดังกล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

ผลสำรวจจาก FICO เปิดเผยว่า ประชาชนยอมรับมาตรการป้องกันความปลอดภัยมากขึ้น หลังจากที่การเปิดบัญชีออนไลน์มีจำนวนเพิ่มขึ้น

ผลการสำรวจด้านการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลและธนาคารดิจิทัลเปิดเผยว่า ปัญหาการขโมยตัวตนบนโลกไซเบอร์เป็นภัยคุกคามที่เด่นชัดของชาวไทย โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 8.5% ระบุว่า พวกเขารู้ว่าถูกขโมยตัวตนบนโลกไซเบอร์ และถูกนักต้มตุ๋นเอาไปใช้เปิดบัญชี ขณะผู้ตอบแบบสอบถาม 9% เชื่อว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นกับตัวเองมาแล้ว

การรับรู้ระดับความเสี่ยงของการถูกขโมยตัวตนบนไซเบอร์จะช่วยให้ผู้บริโภคเกิดความเข้าใจว่า เพราะเหตุใดการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญของประสบการณ์การทำธุรกรรมในประเทศไทย

รับชมข้อมูลเพิ่มเติมที่: https://www.fico.com/en/latest-thinking/ebook/thailand-consumer-survey-2021-identity-proofing-and-digital-banking

เข้าใจถึงความจำเป็นในการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคล

ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 2 ใน 3 (69%) เข้าใจดีว่า กระบวนการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลมีขึ้นเพื่อปกป้องข้อมูลของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคชาวไทยบางคนมองเหตุผลในการยืนยันตัวตนในแง่ลบ ขณะที่ผู้บริโภคจำนวนมาก (64%) รับทราบว่า มีหลายองค์ประกอบของข้อบังคับต่างๆ ที่ผลักดันให้ผู้ให้บริการต้องเพิ่มการตรวจสอบมากขึ้น ขณะที่ 27% มองว่าการตรวจสอบดังกล่าวเป็นการเปิดทางให้สถาบันการเงินสามารถขายผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น

ผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยส่วนใหญ่ (62%) มองว่าการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลเป็นหนึ่งในหนทางที่ธนาคารใช้ปกป้องข้อมูลของธนาคารเอง ขณะที่อีก 44% มองว่ากระบวนการดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการป้องกันการฟอกเงิน

ผู้บริโภคชาวไทยส่วนใหญ่ยินยอมมอบข้อมูลทางชีวภาพให้กับธนาคาร อาทิ การสแกนใบหน้า ลายนิ้วมือ หรือเสียงพูด เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับบัญชี โดยผลสำรวจเปิดเผยว่า เมื่อผู้บริโภคเข้าใจถึงความสำคัญของกระบวนการตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลแล้ว 41% ยินดีที่จะมอบข้อมูลทางชีวภาพ ขณะที่มีเพียง 7% ที่ระบุว่าธนาคารไม่ควรเก็บข้อมูลดังกล่าว ส่วน 8% ยินยอมมอบข้อมูลให้แต่ไม่รู้สึกสะดวกใจมากนัก

"ในประเทศภูมิภาคเอเชียหลายประเทศ การสแกนลายนิ้วมือ บัตรประชาชน และแอปพลิเคชันยืนยันตัวตน ถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญมาแล้วระยะหนึ่ง" Subhashish Bose หัวหน้าฝ่ายการตรวจสอบการฉ้อโกง ความมั่นคง และการปฎิบัติตามข้อกำหนดประจำเอเชียแปซิฟิก กล่าว "ผู้คนไม่ค่อยตระหนักถึงเรื่องความเป็นส่วนตัว และผลสำรวจระบุว่า ประชาชนยอมรับประโยชน์จากการใช้ข้อมูลทางชีวภาพในการปกป้องบัญชีธนาคารและป้องกันการฟอกเงิน"

ชาวเอเชียครึ่งต่อครึ่งนิยมเปิดบัญชีธนาคารบนสมาร์ทโฟนและธนาคารสาขา

ในประเทศไทย ผู้บริโภค 44% นิยมเปิดบัญชีธนาคารผ่านระบบดิจิทัล และอีก 44% นิยมเปิดบัญชีธนาคารที่สาขา อย่างไรก็ตาม ตลอดปีที่ผ่านมาซึ่งเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ชาวไทยกว่า 66% มีแนวโน้มที่จะเปิดบัญชีธนาคารผ่านระบบดิจิทัลมากกว่าปี 2562 ขณะผู้ที่นิยมทำธุรกรรมที่ธนาคารสาขา เลือกทำธุรกรรมที่สาขาด้วยเหตุผลทางสังคมและทางเทคนิค

"ประเทศไทยมีการเปิดบัญชีธนาคารผ่านระบบดิจิทัลมาแล้วระยะหนึ่ง แต่ถึงเช่นนั้นก็ยังมีประชาชนบางกลุ่มในตลาดที่ยังไม่ทราบว่ามีระบบดังกล่าว หรือไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัย" Bose กล่าว "ซึ่งก่อให้เกิดความเชื่อที่ว่า การเข้าไปเปิดบัญชีในธนาคารสาขาจะได้รับข้อมูลมากกว่า รวมถึงมีความปลอดภัยมากกว่า"

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันแนวคิดของผู้คนได้เปลี่ยนไป และมีหลายคนที่ได้รับรู้ถึงประโยชน์ของธนาคารดิจิทัล ฉะนั้น ธนาคารที่ใช้กลยุทธ์แบบหลายทางและสามารถสร้างความมั่นใจในการใช้งานช่องทางใหม่ๆ ได้ จึงมีโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น

อย่าบังคับใจลูกค้าให้ทำเรื่องยาก

ชาวไทยที่เปิดใช้งานบัญชีดิจิทัลนิยมทำธุรกรรมทั้งหมดบนช่องทางที่พวกเขาเลือก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน หรือเว็บไซต์ หากธนาคารขอให้ลูกค้าเปลี่ยนช่องทางในการยืนยันตัวตน ลูกค้าหลายคนจะตัดสินใจเลิกใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าว หรืออาจยกเลิกการเปิดบัญชีธนาคารทั้งหมด (4-5%) หรืออาจย้ายไปใช้บริการธนาคารคู่แข่ง (7-9%) สำหรับลูกค้าที่ยังไม่ยกเลิกการใช้งานในทันที ผู้ตอบแบบสอบถาม 21% ระบุว่า พวกเขาจะชะลอการตัดสินใจทำธุรกรรมออกไป

ผลการสำรวจพบว่า การกระทำใดๆ ที่ทำให้การทำธุรกรรมต้องหยุดชะงัก ไม่ว่าจะเป็นการขอให้ลูกค้าสแกนหรือส่งอีเมลเอกสาร หรือการใช้แพลตฟอร์มการยืนยันตัวตนแยกกัน จะทำให้ลูกค้าเลิกใช้งานแอปพลิเคชันเช่นเดียวกันการขอให้พวกเขาเข้าทำธุรกรรมที่สาขาหรือส่งเอกสารทางไปรษณีย์

ผลการสำรวจนี้จัดทำขึ้นในเดือนม.ค. 2564 โดยบริษัทวิจัยอิสระที่ยึดตามมาตรฐานอุตสาหกรรมการวิจัย เพื่อสำรวจความคิดเห็นของคนไทย 1,000 คน รวมถึงผู้บริโภค 13,000 คน ในสหรัฐ, อังกฤษ, แคนาดา, แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, เวียดนาม, บราซิล, โคลอมเบีย และเม็กซิโก

FICO (NYSE: FICO) จะหารือเกี่ยวกับผลการสำรวจดังกล่าวในอีเวนท์การสัมมนาออนไลน์ที่เข้าร่วมชมได้ฟรีกับกิจกรรม Success Realized: Digital Transformation Delivered (APAC) ระหว่างวันที่ 27-29 เม.ย. 2564

รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/media/1495829/FICO_Consumer_Survey_Thailand.jpg

โลโก้ - https://mma.prnewswire.com/media/450763/FICO_Logo.jpg


ข่าวธนาคารดิจิทัล+บัญชีออนไลน์วันนี้

ทีทีบี ผนึก Databricks ต่อยอดความสำเร็จ ttb touch ด้วย Big Data และ AI สู่ธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบเพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้น

กรุงเทพฯ 20 ตุลาคม 2568 ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมมือกับ Databricks ผู้นำด้าน Data Intelligence Platform ระดับโลก ยกระดับระบบหลังบ้านของแอป ttb touch สู่การเป็นธนาคารดิจิทัลเต็มรูปแบบ พร้อมเผยเบื้องหลังความสำเร็จในงาน Data Intelligence Day in Bangkok 2025 ที่สะท้อนถึงการใช้ Big Data และ AI เพื่อสร้างประสบการณ์ทางการเงินที่ "รู้ใจ" และ "เฉพาะบุคคล" อย่างแท้จริง พลิกโฉมด้วย Humanized Digital Banking นายนริศ อารักษ์สกุลวงศ์ ประธานกลุ่ม งานกลยุทธ์องค์กรและดิจิทัล ทีเอ็มบีธนชาต เปิดเผยว่า "แอป

กรุงศรี ยกระดับนวัตกรรมและประสบการณ์ลูกค้าด้วยโซลูชัน Cloud Data Governance ขับเคลื่อนด้วย AI จาก Informatica

Informatica (NYSE: INFA) ผู้นำด้านการจัดการข้อมูลบนคลาวด์ระดับองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย AI ประกาศความร่วมมือกับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ("กรุงศรี") เพื่อผลักดันการ...

UOB TMRW บริการโมบายแบงค์กิงสำหรับลูกค้าร... UOB TMRW คว้า 5 รางวัล จากบริการนวัตกรรมการเงินดิจิทัลที่ล้ำสมัย — UOB TMRW บริการโมบายแบงค์กิงสำหรับลูกค้ารายบุคคล จากธนาคาร ยูโอบี ประเทศไทย คว้ารางวัลย...