สสส.ย้ำ 3 ปัจจัยหลักลดบริโภคหวาน รอบรู้ ฉลาดเลือก และมาตรการภาษี

ข่าวประชาสัมพันธ์ »

สสส.ระบุการรณรงค์ลดการบริโภคหวานจะสำเร็จได้ ต้องสร้างความรอบรู้ ฉลาดเลือกให้ผู้บริโภค ชี้ความร่วมมือรัฐเอกชนที่จริงจัง และยุทธศาสตร์ระยะยาวจะช่วยผลักดันให้สำเร็จเร็วขึ้น

สสส.ย้ำ 3 ปัจจัยหลักลดบริโภคหวาน รอบรู้ ฉลาดเลือก และมาตรการภาษี

นพ.ดร.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. เปิดเผยว่า ความหวานถือเป็นตัวกำหนดสุขภาพอย่างหนึ่ง ส่งผลให้เกิดโรค NCDs เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วนอ้วน และฟันผุ โดยในส่วนของ สสส. ซึ่งเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนรณรงค์การสร้างเสริมสุขภาพร่วมกับเครือข่ายทางการแพทย์ ทางวิชาการ และมูลนิธิต่างๆ เพื่อให้คนไทยรู้ถึงโทษของการบริโภคหวานเกินกำหนด โดยมาตรการต่างๆ ที่ร่วมรณรงค์จะสำเร็จได้นั้นจะต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ 1.การสร้างความรอบรู้การบริโภค 2.การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความหวานให้มีทางเลือกมากขึ้น และ 3.มาตรการทางภาษี ทั้งหมดนี้การสร้างความรอบรู้การบริโภคหรือฉลาดเลือกเป็นสิ่งสำคัญสุดที่การบริโภคหวานของคนไทยจะลดลงได้

อย่างไรก็ตาม นพ.ดร.ไพโรจน์ ยังเชื่อด้วยว่า การให้ความรู้อย่างเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องจัดการบริบทและสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์บริโภคหวานน้อยลง เช่น กิจกรรมในโรงเรียนเกิดโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม โรงอาหารอ่อนหวาน การลงนามความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายส่งเสริมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลอย่างเหมาะสมและสร้างความรอบรู้ในการบริโภค เช่น อาหารระหว่างช่วงพักเบรกประชุม การขายอาหาร หรือการจัดอาหารภายในองค์กร ซึ่งเป็นความรู้ทั่วไปที่จะต้องจัดการ

นพ.ดร.ไพโรจน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการลดบริโภคหวานแล้ว ยังมีมาตรการภาษีซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2560 โดยเพิ่มขึ้นเป็นช่วยลำดับขั้น การขึ้นภาษีไม่ใช่เพราะรัฐอยากได้เงินภาษี สิ่งที่เรามุ่งหวัง คือ ต้องการให้ภาคธุรกิจเกิดการปรับสูตรเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลลดลง เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งภาคธุรกิจเองก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนสูตรหรือเพิ่มทางเลือก อย่างไรก็ตามการจะให้ผู้บริโภคลดหวานลงได้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในยะยาว และยุทธศาสตร์จะเป็นตัวเร่งให้เกิดผลสำเร็จอย่างจริงจัง


ข่าวโรคความดันโลหิตสูง+ความดันโลหิตสูงวันนี้

ผงปรุงรสจากพืชพื้นบ้าน: นวัตกรรมทางเลือกเพื่อสุขภาพและความยั่งยืนของชุมชน

ปัจจุบันปัญหาการบริโภคโซเดียมเกินความจำเป็นเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases: NCDs) โดยเฉพาะโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคไตเสื่อม องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ประชากรบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ตาม รายงานการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคของประชาชนไทยระหว่างปี พ.ศ. 2551-2552 พบว่าคนไทยบริโภคโซเดียมเฉลี่ยเกินกว่าคำแนะนำถึง 2 เท่า โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่ช่วงอายุ 19-59 ปี ที่มีการบริโภคโซเดียมสูงถึง 2,961

คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับฝ... ขอเชิญร่วมกิจกรรมตรวจสุขภาพฟรี เนื่องในวันพยาบาลแห่งชาติ — คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจท...

"โรคความดันโลหิตสูง" โรคยอดฮิตในผู้สูงอาย... โรคความดันโลหิตสูงในมุมมองของแพทย์แผนจีน โดย คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว — "โรคความดันโลหิตสูง" โรคยอดฮิตในผู้สูงอายุ หากมองในทางแพทย์แผนปัจจุบัน สาเหตุข...

รับมือสุขภาพอย่างไรเมื่อ "โลกเดือด" ? หลา... รับมือสุขภาพอย่างไรเมื่อ "โลกเดือด" ? — รับมือสุขภาพอย่างไรเมื่อ "โลกเดือด" ? หลายคนอาจกำลังกังวลและตกใจกับข่าวที่เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิด...

โรงพยาบาลไทยนครินทร์ให้การต้อนรับคณะครู น... รพ.ไทยนครินทร์ให้การต้อนรับคณะครู นักเรียน โรงเรียนลาซาล กรุงเทพ — โรงพยาบาลไทยนครินทร์ให้การต้อนรับคณะครู นักเรียน โรงเรียนลาซาล กรุงเทพ ในโอกาสที่เข้าม...

ความเค็มไม่ใช่แค่การเติมเกลือลงไปในอาหาร ... ม.มหิดล หวังคนไทยห่างไกลภัยจากอาหารรสเค็ม ด้วยนวัตกรรม "ชุดทดสอบความชอบรสเค็ม" — ความเค็มไม่ใช่แค่การเติมเกลือลงไปในอาหาร แต่ยังรวมถึงอาหารและขนมที่แฝงไปด...