สสส.ระบุการรณรงค์ลดการบริโภคหวานจะสำเร็จได้ ต้องสร้างความรอบรู้ ฉลาดเลือกให้ผู้บริโภค ชี้ความร่วมมือรัฐเอกชนที่จริงจัง และยุทธศาสตร์ระยะยาวจะช่วยผลักดันให้สำเร็จเร็วขึ้น
นพ.ดร.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. เปิดเผยว่า ความหวานถือเป็นตัวกำหนดสุขภาพอย่างหนึ่ง ส่งผลให้เกิดโรค NCDs เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วนอ้วน และฟันผุ โดยในส่วนของ สสส. ซึ่งเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนรณรงค์การสร้างเสริมสุขภาพร่วมกับเครือข่ายทางการแพทย์ ทางวิชาการ และมูลนิธิต่างๆ เพื่อให้คนไทยรู้ถึงโทษของการบริโภคหวานเกินกำหนด โดยมาตรการต่างๆ ที่ร่วมรณรงค์จะสำเร็จได้นั้นจะต้องประกอบด้วย 3 ปัจจัย คือ 1.การสร้างความรอบรู้การบริโภค 2.การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความหวานให้มีทางเลือกมากขึ้น และ 3.มาตรการทางภาษี ทั้งหมดนี้การสร้างความรอบรู้การบริโภคหรือฉลาดเลือกเป็นสิ่งสำคัญสุดที่การบริโภคหวานของคนไทยจะลดลงได้
อย่างไรก็ตาม นพ.ดร.ไพโรจน์ ยังเชื่อด้วยว่า การให้ความรู้อย่างเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องจัดการบริบทและสิ่งแวดล้อมร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์บริโภคหวานน้อยลง เช่น กิจกรรมในโรงเรียนเกิดโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม โรงอาหารอ่อนหวาน การลงนามความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายส่งเสริมการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลอย่างเหมาะสมและสร้างความรอบรู้ในการบริโภค เช่น อาหารระหว่างช่วงพักเบรกประชุม การขายอาหาร หรือการจัดอาหารภายในองค์กร ซึ่งเป็นความรู้ทั่วไปที่จะต้องจัดการ
นพ.ดร.ไพโรจน์ กล่าวด้วยว่า นอกจากปรับสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการลดบริโภคหวานแล้ว ยังมีมาตรการภาษีซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2560 โดยเพิ่มขึ้นเป็นช่วยลำดับขั้น การขึ้นภาษีไม่ใช่เพราะรัฐอยากได้เงินภาษี สิ่งที่เรามุ่งหวัง คือ ต้องการให้ภาคธุรกิจเกิดการปรับสูตรเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลลดลง เพื่อสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งภาคธุรกิจเองก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนสูตรหรือเพิ่มทางเลือก อย่างไรก็ตามการจะให้ผู้บริโภคลดหวานลงได้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในยะยาว และยุทธศาสตร์จะเป็นตัวเร่งให้เกิดผลสำเร็จอย่างจริงจัง
จากรายงานของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ปัจจุบัน มีผู้ป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังระยะที่ 1-5 สูงถึงกว่า 1,000,000 ราย ซึ่งผู้ป่วยโรคไตนั้น จะต้องลดอาหารที่มีส่วนผสมของโซเดียมและโพแทสเซียม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน ที่ผ่านมาสถาบันโภชนาการหลายแห่ง ทั้งในไทยและต่างประเทศ มีความพยายามที่จะใช้นวัตกรรมด้านวิทยาศาสตร์และโภชนาการในการลดปริมาณโซเดียมและโพแทสเซียมที่ผู้ป่วยได้รับให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม หากแต่ในอาหารเป็นจำนวนมากมีทั้งโซเดียมและโพแทสเซียมอยู่แทบทั้งสิ้น โดยเฉพาะใน
ขอเชิญร่วมกิจกรรมตรวจสุขภาพฟรี เนื่องในวันพยาบาลแห่งชาติ
—
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช ขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจท...
DKSH ร่วมกับ ฮาสเทน ไบโอฟาร์มาซูติคอล ผนึกกำลังเดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืนในประเทศไทย
—
DKSH ได้รับความไว้วางใจจาก ฮาสเทน ไบโอฟาร์มาซูติคอ...
รู้ยัง!! ป่วยเป็นโรคเหล่านี้ พบหมอบนมือถือได้ กทปส. พาอัปสกิลความรู้สุขภาพคนไทย มั่นใจขึ้นกับการรักษาด้วย "ดีเอ็มเอส เทเลเมดิซีน"
—
แม้ทุกวันนี้ผู้คนจำนวน...
โรคความดันโลหิตสูงในมุมมองของแพทย์แผนจีน โดย คลินิกการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว
—
"โรคความดันโลหิตสูง" โรคยอดฮิตในผู้สูงอายุ หากมองในทางแพทย์แผนปัจจุบัน สาเหตุข...
รับมือสุขภาพอย่างไรเมื่อ "โลกเดือด" ?
—
รับมือสุขภาพอย่างไรเมื่อ "โลกเดือด" ? หลายคนอาจกำลังกังวลและตกใจกับข่าวที่เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เปิด...
รพ.ไทยนครินทร์ให้การต้อนรับคณะครู นักเรียน โรงเรียนลาซาล กรุงเทพ
—
โรงพยาบาลไทยนครินทร์ให้การต้อนรับคณะครู นักเรียน โรงเรียนลาซาล กรุงเทพ ในโอกาสที่เข้าม...
ม.มหิดล หวังคนไทยห่างไกลภัยจากอาหารรสเค็ม ด้วยนวัตกรรม "ชุดทดสอบความชอบรสเค็ม"
—
ความเค็มไม่ใช่แค่การเติมเกลือลงไปในอาหาร แต่ยังรวมถึงอาหารและขนมที่แฝงไปด...
เปิดตัว เครื่องดื่มรังนกแท้ท่าทอง สูตรใหม่ ไม่มีโซเดียม เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าเอาใจคนรักสุขภาพตัวจริง
—
บริษัท ท่าทองรังนก จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ผลิตภั...
เปลี่ยนมุมมอง ปรับความคิด เปลี่ยนชีวิตกับคุณหมอแอมป์ 5 ประเด็นสำคัญ กับโรคอ้วน ภัยร้ายที่ไม่ได้รับเชิญ
—
องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ให้นิยามของโรคอ้วน (Obe...