ทริสเรทติ้ง เพิ่มอันดับเครดิตของ นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER เป็นระดับ "BBB-" จากเดิมที่ระดับ "BB+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" โดยคาดว่ายอดขายของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปที่ระดับ 44% และอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 2564 จะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 12% จากการที่อุตสาหกรรมยานยนต์ค่อย ๆ ฟื้นตัวและภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มดีขึ้น
                                                                                                                                        นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัทเป็นระดับ "BBB-" จากเดิมที่ระดับ "BB+" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ทั้งนี้การเพิ่มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องของบริษัทตลอดจนความคาดหวังว่าอุตสาหกรรมยางธรรมชาติจะฟื้นตัวและการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอันเนื่องมาจากการที่บริษัทมีการประหยัดต่อขนาดที่เพิ่มขึ้นจากการขยายโรงงาน นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทในฐานะที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางในธุรกิจยางธรรมชาติของประเทศไทยและผลงานที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านการผลิตและการจำหน่ายยางธรรมชาติอีกด้วย
ด้านประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต ทริสเรทติ้งคาดว่ายอดขายของบริษัทจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 จากการที่อุตสาหกรรมยานยนต์ค่อย ๆ ฟื้นตัวและภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตามอุปสงค์ในอุตสาหกรรมยานยนต์มีแนวโน้มที่จะเติบโตในอัตราเฉลี่ยต่อปีที่ลดลงในระหว่างปี 2565-2566 เนื่องจากสภาวะความไม่สมดุลของอุปสงค์และอุปทานที่คลายตัวลงทริสเรทติ้งคาดการณ์ว่ารายได้จากการดำเนินงานรวมของบริษัทในปี 2564 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปที่ระดับ 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนและจะปรับตัวลดลงที่ระดับ 6% ในปี 2565ก่อนที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงที่ระดับ 2% ในปี 2566
นอกจากนี้ทริสเรทติ้งยังคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทจะคงอยู่ที่ระดับประมาณ 12% ในปี 2564และจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ10% ต่อปีในช่วงปี 2565-2566และคาดว่าอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทจะอยู่ที่ระดับประมาณ10% ในปี 2564 และจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 7%-8% ต่อปีในช่วงปี 2565-2566
สำหรับแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจยางธรรมชาติได้ต่อไปโดยที่บริษัทจะรักษาสถานะสภาพคล่องและสร้างความแข็งแกร่งของงบดุลให้เพียงพอที่จะรองรับผลกระทบจากความผันผวนของราคายางธรรมชาติได้
                            
                            NER ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 รูปแบบไฮบริด (Hybrid)
                        
                            NER สานต่อโครงการ "NER สนับสนุนวิถีเกษตรยั่งยืน" ปี2
                        
                            NER ร่วมงาน FTI EXPO 2025
                        
                            NER พร้อมรับศักราชใหม่ปี 2568 เติบโตอย่างยั่งยืน
                        
                            NER มั่นใจปี 67 โตตามเป้าหลังคำสั่งซื้อล่วงหน้า - EUDR ตอบรับดี
                        
                            NER คว้า CGR 5 ดาว ปีที่ 3 สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
                        
                            "ชูวิทย์" NER คว้า สุดยอด CEO รุ่นใหญ่ ปี 2566 ตอกย้ำความเชื่อมั่นในการดำเนินงาน พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
                        
                            "NER" ย้ำเป้า 5 แสนตัน ปี 66 จากราคายางเพิ่มขึ้น ตามความต้องการของตลาด และคำสั่งซื้อล่วงหน้า
                        
                            NER พบนักลงทุน จ. สงขลา